ทันทีที่ไอหมอกสีดำด้านในคุกมืดสัมผัสถูกเปลวเพลิงสีเขียว เสียง “ชี่” ก็ดังขึ้น ควันลอยฟุ้ง ไอหมอกสีดำถูกมันฉีกจนเป็นช่องขนาดหนึ่งจั้งกว่าช่องหนึ่งจริงๆ
วานรขนเขียวดีใจมาก ร่างกายขยับคิดจะฉวยโอกาสเหาะออกไปด้านนอก
แต่มันเพิ่งเหาะออกมาได้ไม่กี่จั้ง เมฆดำด้านหน้าก็ปั่นป่วน ช่องว่างสมานปิดลงในทันใด
จากนั้นเสียงกระแสลมก็ดังฮู่มาจากสองฝั่งซ้ายขวา ภูตผีสีดำที่มีเขาเดี่ยวสีขาวดำสองตนกระโดดออกมาแล้วแยกเขี้ยวยิงฟันกระโจนเข้าใส่
วานรขนเขียวตกตะลึง สองแขนของวานรพลันขยายขนาด เปลวเพลิงสีเขียวลุกโชนขึ้นบนท่อนแขน มือข้างเดียวคว้าผีสีดำสองตนไว้แล้วออกแรงบีบจนแหลก
ทว่าร่างของผีสีดำสองตัวกลับขยายใหญ่อย่างฉับพลันแล้วระเบิดดัง “โพละ” กลายเป็นหมอกสีดำสายหนึ่ง
ฝ่ามือของวานรขนเขียวเจ็บแปลบ หมอกสีดำมีไอน้ำหนาวเย็นอยู่เลือนราง ทำให้เปลวเพลิงสีเขียวบนร่างมันมอดลงไปไม่น้อย
วานรขนเขียวมีสติปัญญา เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ในที่สุดดวงตาจึงปรากฏแววตาร้อนรน
ในตอนนี้เองหมอกดำรอบด้านก็ปั่นป่วนอีกครั้ง ภูตผีสีดำหน้าตาเหมือนกันทุกประการตนแล้วตนเล่าทยอยกระโดดออกมาจนมากเกือบร้อยตน เสียงภูตผีคร่ำครวญดังระงม แย่งชิงกันโถมเข้าใส่วานรขนเขียว
วานรขนเขียวคำรามอ๋าวๆ ฟังดูประหลาด กรงเล็บคมสองข้างสะบัดรุนแรงซ้ายขวาเบื้องหน้าร่าง คมดาบแสงสีหยกทรงวงจันทร์สิบกว่าสายปรากฏขึ้นกลางอากาศแล้วพุ่งดังหวีดหวิวฟันบรรดาภูตผี
คมดาบแสงรูปจันทร์เสี้ยวทรงพลังไม่น้อย จุดที่พุ่งผ่านฟันขวางบั่นเอวผีเขาเดียวหลายตัวอย่างง่ายดายดุจยกฝ่ามือ จนพวกมันกลายเป็นเมฆสีดำผืนแล้วผืนเล่าใหม่อีกครั้ง
แต่เมฆดำโถมมาไม่หยุด ทุกครั้งที่มีผีตนหนึ่งถูกสังหารก็มีอีกตนหนึ่งกระโดดออกมาทันทีประหนึ่งไม่หมดไม่สิ้น!
วานรขนเขียวสำแดงพลัง พริบตาเดียวสังหารผีเขาเดียวไปนับร้อยตน ทว่าเมฆดำสี่ด้านแปดทิศไม่เพียงไม่ถอยออกไป ตรงกันข้ามกับยิ่งบีบใกล้
ความถี่ที่ภูตผีกระโดดออกมาจากเมฆดำเร็วขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งพวกมันยังพ่นลำแสงสีดำสายแล้วสายเล่าออกมาโจมตี
เปลวเพลิงสีเขียวลุกโชนบนร่างวานรขนเขียว ปกป้องทั้งร่างเอาไว้
ลำแสงสีดำนับไม่ถ้วนกระทบลงบนเปลวเพลิงสีเขียวดั่งเม็ดฝน แม้จะสลายไปทันที แต่เปลวเพลิงสีเขียวบนผิวของวานรก็หม่นแสงลงเรื่อยๆ
สองตาของวานรขนเขียวทอแสงสีเขียวเจิดจ้าแล้วหยุดส่งคมดาบแสงออกมาโจมตีในทันใด สองกำปั้นทุบหน้าอกอย่างแรง
เปลวเพลิงสีเขียวบนร่างมันฉับพลันสลายไป เสียงกึกดังขึ้นพักหนึ่ง ทันใดนั้นร่างกายก็ขยายใหญ่หลายเท่าในพริบตา ฝ่ามือมหึมาฟาดรัวใส่ภูตผีรอบด้าน บ้างถูกตบปลิว บ้างถูกตบแหลก เมฆดำรอบด้านถูกมันแหวกออกได้ไม่น้อย
วานรขนเขียวคำรามระบายโทสะพร้อมกับทุ่มแรงเพิ่มขึ้นเพื่อดิ้นหลุดจากมิติสีดำแห่งนี้
ในตอนนั้นเองหลิ่วหมิงที่อยู่นอกคุกมืดก็ท่องมนตร์แผ่วเบาหลายประโยคออกจากปากโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด
ลึกเข้าไปในมิติคุกมืด เมฆดำที่ถาโถมอยู่รอบด้านฉับพลันสั่นสะเทือน จากนั้นหมุนวนอย่างรวดเร็วโดยมีวานรขนเขียวเป็นใจกลางแล้วบีบเข้าหาตรงกลาง ภูตผีเหล่านั้นผสานเข้าไปในเมฆดำแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย
วานรขนเขียวคำรามดังลั่น กรงเล็บอสูรมหึมาเหวี่ยงตะปบเมฆดำที่บีบเข้ามา
ทันทีที่สัมผัสถูกเมฆดำ วานรขนเขียวจึงพบว่ามันแตกต่างจากเดิม เมฆดำเหล่านั้นหนักอึ้งอย่างประหลาด อีกทั้งยังเหนียวอย่างยิ่ง พละกำลังของมันไม่อาจฉีกเป้าหมายได้ง่ายๆ
วานรขนเขียวคำรามลั่นหลายครั้งพยายามฉีกทึ้งเมฆดำรอบตัวแต่ไร้ผล เมฆดำเคลื่อนวนแล้วบีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวเมฆดำพลันก่อตัวเป็นพายุหมุนสีดำมหึมาลูกหนึ่งล้อมวานรขนเขียวไว้ด้านใน พาร่างกายมโหฬารของมันให้หมุนตามไปด้วย
วานรขนเขียวคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว มันดิ้นรนสุดกำลัง แต่เวลานี้เองจู่ๆ ร่างกายของมันก็สั่นสะท้าน ร่างกายมหึมาส่งเสียงดังกึกๆ ก่อนจะหดเล็กลงเป็นขนาดเท่าเดิมอย่างรวดเร็ว
ประกายแสงสีเขียวในดวงตาของวานรขนเขียวดับมอด มีแววตาคล้ายมนุษย์ปรากฏขึ้นมาจางๆ ก่อนที่สองแขนจะประสานหมัดคำนับ
มิติคุกมืดสีดำสนิทที่อยู่ในโถงรับแขกสั่นเบาๆ แล้วสลายลงพร้อมเสียงดังกึกก้อง กลายเป็นไอสีดำหนาทึบ เผยร่างของวานรขนเขียวออกมา
เมื่อหลิ่วหมิงทำท่าเคล็ดวิชาด้วยมือข้างหนึ่ง ปราณสีดำหนาทึบก็ประหนึ่งวาฬสูบน้ำจมหายเข้าไปในกระหม่อมของหลิ่วหมิง หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ดวงตาของวานรขนเขียวฟื้นกลับมาเป็นสีเดิม มันร้องเจี๊ยกๆ แล้วมองหลิ่วหมิงด้วยแววตาที่ค่อนข้างจะหวาดกลัว ร่างกายขยับครั้งเดียวกลายเป็นแสงสีเขียวสายหนึ่งเหาะกลับไปอยู่ในถุงข้างเอวของปี้เหยียน
“ดีมาก มิติคุกมืดของพี่อิ่นหานทรงพลังยิ่งนัก เหนือกว่าที่ข้าคาดไว้เสียอีก” ปี้เหยียนหัวเราะฮ่าๆ เอ่ยขึ้นพร้อมกับเผยสีหน้าชื่นชมออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา