ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1090

ระหว่างที่คลื่นเสียงประหลาดของเผ่ายมโลกครึ่งแมลงแผ่ขยายไม่หยุด ในหมู่บ้านด้านล่างก็มีภูตแดงที่มีหมอกควันสีเทาหรือก็คือภูตสูญที่แฝงกายอยู่โผล่ออกมาจากร่างก็เพิ่มขึ้นไม่หยุดด้วย

แต่ภูตสูญทั้งหลายที่ถูกบีบออกมาระดับพลังล้วนไม่แข็งแกร่งนัก ส่วนใหญ่เป็นระดับของเหลวจิตวิญญาณ อย่างมากที่สุดก็ไม่พ้นระดับผลึก

ภูตสูญเหล่านี้ราวกับไม่มีร่างกาย พวกมันกลายเป็นเงาสีเทาตัวแล้วตัวเล่ากรีดร้องเสียงแหลมแสบแก้วหู จากนั้นลอยหนีไปทั่วทุกสารทิศ

เวลานี้เองเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์ที่ยืนอยู่ข้างกายปี้เหยียนก็ก้าวมาข้างหน้าแล้วแหงนหน้าคำราม แสงเรืองรองสีเหลืองผุดออกมาจากร่าง ต่อจากนั้นจมูกก็พ่นฟองอากาศใสขนาดเท่ากำปั้นนับไม่ถ้วน ลอยไปยังภูตสูญที่เหาะหนีแต่ละตน

ฟองอากาศใสเหล่านี้ดูเบาราวกับไม่มีสิ่งใด ทว่าความเร็วว่องไวอย่างน่าประหลาด เพียงสองสามลมหายใจก็ขังเงาสีเทาที่หนีไปไกลเกือบร้อยจั้งแต่ละตนไว้ด้านใน

ภูตสูญที่ถูกฟองอากาศขังไว้ด้านในกรีดร้องไม่หยุด แสงสีเทาบนร่างเปล่งแสงวูบวาบ กระโดดขึ้นลงคิดจะทลายออกไป

แต่การกระทำเหล่านี้ล้วนเปล่าประโยชน์ ฟองอากาศใสประหนึ่งเป็นดาวข่มของเผ่าภูตสูญ เกาะติดหนึบบนร่างกายที่เป็นเงาสีเทา ไม่ว่าพวกมันจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่อาจสลัดหลุด

ภูตสูญที่ถูกฟองอากาศใสล้อมร่างไว้ ถูกฟองอากาศกลืนกินแสงสีเทาที่เปล่งออกมาจากร่างเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ฟองอากาศใสเหล่านี้นอกจากจะขังภูตสูญเหล่านี้ได้แล้วยังกลืนกินพลังเวทในร่างพวกมันได้อีกด้วย

เมื่อเห็นภาพนี้ใบหน้าของภูตสูญตัวอื่นที่โชคดีหนีรอดก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมาทันที พวกมันแย่งชิงกันเหาะหนีไปไกลอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวพุ่งไปถึงหน้าเกราะแสงสีขาว

หลิ่วหมิง ผู้เฒ่าชุดสีน้ำเงิน ชายหนุ่มผู้สะพายดาบ บุรุษคิ้วเฉียงยืนอยู่สี่ตำแหน่ง มือทำท่าเคล็ดวิชาพร้อมกัน เกราะแสงสีขาวฉับพลันเปล่งแสงสว่างจ้า

ทันทีที่ภูตสูญโถมเข้ามาสัมผัสถูกแสงสีขาวก็เกิดเสียงดัง “ชี่” ทันที เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปราณสีเทารอบร่างราวกับระเหยกลายเป็นไอ ร่างกายหดเล็กลงไม่น้อย

เห็นสถานการณ์เช่นนี้ พวกผู้เฒ่าชุดสีน้ำเงินล้วนดีใจยิ่ง

ดูท่าปี้เหยียนจะเตรียมตัวมาพร้อมสำหรับภารกิจครั้งนี้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ายกลที่วางหรือพลังแต่กำเนิดของเผ่ายมโลกที่เชิญมาล้วนปราบเผ่าภูตสูญที่เจ้าเล่ห์ไม่ธรรมดาเหล่านี้ได้อย่างหมดจด

ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ทุกสิ่งล้วนดำเนินไปด้วยดี

แต่หลิ่วหมิงกลับขมวดคิ้ว สถานการณ์ตรงหน้าเป็นไปด้วยดี แต่ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด เขาจึงรู้สึกจิตใจไม่สงบอยู่ตลอด

ทั้งสี่คนก็ยืนอยู่ที่เดิมเช่นนี้ พวกเขาไม่ลงมือโจมตีภูตสูญที่เหาะเร็วรี่เข้ามาเหล่านั้น แต่ส่งเคล็ดวิชาจมลงไปในเกราะแสงสีขาวไม่ขาด รักษาพลังของเกราะแสงสีขาวเอาไว้ ไม่ให้ภูตสูญตัวใดหนีออกไปได้

นี่ก็คือแผนการรบที่ปี้เหยียนวางไว้เรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้

ก่อนที่หัวหน้าเผ่าภูตสูญจะปรากฏกาย พวกเขาสี่คนเพียงช่วยเสริมการป้องกันก็พอ

เมื่อเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์พ่นฟองอากาศใสมากมายหลายระลอกตามออกมาอีก ภูตสูญที่ถูกบีบออกมาทั้งหมดก็ถูกขังไว้จนหมดอย่างรวดเร็วยิ่ง

ฟองอากาสใสที่ลอยอยู่เต็มฟ้าเหล่านี้กลืนกินพลังเวทของภูตสูญด้านในไม่หยุด จากนั้นขยายใหญ่ขึ้นราวกับสูบลม แล้วยังผสานเข้าด้วยกันกลายเป็นฟองอากาศขนาดใหญ่ฟองแล้วฟองเล่า ส่วนภูตสูญด้านในก็ราวกับแมลงในก้อนอำพันค่อยๆ แน่นิ่ง

เมื่อปราณสีเทาทั่วทั้งร่างของภูตสูญเหล่านี้หายไปหมดสิ้น พวกหลิ่วหมิงจึงมองเห็นหน้าตาของเผ่าภูตสูญชัดเจนเป็นครั้งแรก

ภูตผีเหล่านี้แต่ละตนสูงราวหนึ่งฉื่อกว่าเท่านั้น ใบหน้ายับย่นดูโหดเหี้ยมน่าหวาดกลัวอยู่บ้าง สี่แขนขาเรียวยาว ผิวรอบร่างมีขนสีดำสั้นๆ คล้ายกับภูตผีขนาดเล็กทั่วไป

ผ่านไปไม่นานนัก บนท้องฟ้าก็มีฟองอากาศขนาดหนึ่งจั้งกว่าเพิ่มขึ้นมาหลายสิบฟอง ด้านในฟองอากาศแต่ละฟองล้วนขังภูตสูญขนาดน้อยใหญ่เอาไว้หลายตัว บางตัวยังขยับอยู่ แต่บางตัวก็เหมือนตายไปแล้ว แลดูประหลาดยิ่งนัก

ยามนี้สีหน้าของเผ่ายมโลกหน้าพยัคฆ์ซีดเผือดอย่างยิ่ง เห็นชัดว่าการใช้พลังประหลาดชนิดนี้ผลาญลมปราณเป็นจำนวนมาก

หลังจากเขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งก็สะบัดมือ แสงสีเหลืองเรียวเล็กพุ่งกระเจิงออกมาจากในแขนเสื้อ จมหายเข้าไปในฟองอากาศหลายสิบฟองกลางท้องฟ้าทีละฟองไม่พลาดเลยสักเป้า

“ปัง” “ปัง” เสียงดังขึ้นต่อเนื่อง!

ฟองอากาศหลายสิบฟองทยอยแตก ศพของภูตสูญที่ไม่กระดิกอีกต่อไปด้านในก็แตกสลายปลิวหายไปกับสายลมตามด้วย

ในหมู่บ้านของเผ่าภูตบนพื้นดินภูตแดงนับร้อยตนถูกไล่ออกมาจากสิ่งก่อสร้างจนหมดแล้ว แต่ละตนเห็นภาพตรงหน้าต่างตาโตอ้าปากค้าง

ภูตแดงที่เคยถูกสิงร่างเหล่านั้นหลังจากฟื้นกลับเป็นปกติ สีหน้าของแต่ละตนประหนึ่งสีก้อนดิน

เผ่ายมโลกครึ่งแมลงยังคงส่งเสียงร้องประหลาดตามคำสั่งของปี้เหยียน แม้ภูตแดงด้านล่างแต่ละตนจะมีสีหน้าทุกข์ทรมาน แต่ไม่มีภูตสูญตัวอื่นถูกบีบออกมาอีกแล้ว

ปี้เหยียนลอยอยู่กลางอากาศ สายตากวาดมองหมู่บ้านภูตด้านล่าง สีหน้าถมึงทึงอย่างยิ่ง

เผ่ายมโลกครึ่งแมลงกรีดร้องอีกครั้งก็หยุด

“ภูตสูญถูกสังหารหมดแล้วหรือ?” เผ่ายมโลกครึ่งแมลงมองปี้เหยียนแล้วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“ไม่มีทาง พวกที่ถูกสังหารล้วนเป็นภูตสูญธรรมดาจำนวนหนึ่ง ซวีหลิงยังไม่ปรากฏตัว” ปี้เหยียนส่ายศีรษะตอบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา