เวลานี้ไส้เดือนในหลุมมหึมาบนพื้นดินเหมือนจะมึนงงเล็กน้อย มันส่ายหัวสองสามครั้งพยายามจะกระถดลำตัวท่อนล่างเพื่อปีนป่ายขึ้นมา ทว่าบนหัวของมันกลับมีปราณสีดำมาวนเวียน ทันใดนั้นกรงกระดูกมโหฬารอย่างยิ่งกรงหนึ่งพลันร่วงลงมาจากฟ้าพร้อมกับเสียงดังหวีดหวิว ครอบทั้งร่างของมันไว้ในทันที
กี๊ซ กี๊ซ
ไส้เดือนโกรธจัดทันที ร่างกายเปล่งแสงสีเทาออกมา ลำตัวที่เดิมทีมหึมาอยู่แล้วขยายใหญ่ขึ้นอีกไม่น้อย หนวดเนื้อรอบตัวสะบัดอย่างบ้าคลั่งจนเกิดเสียงดังโครม กรงกระดูกถูกฟาดแตกทั้งอย่างนั้น
ในตอนนี้เองคลื่นไหวกระเพื่อมพลันก่อตัวขึ้นกลางอากาศเหนือหัวของมัน ยอดเขาสีเหลืองเข้มขนาดร้อยจั้งลูกหนึ่งกดทับลงมาประหนึ่งเขาไท่ซาน ฐานของยอดเขาเปล่งแสงสีเหลือง วงแสงสีเหลืองวงแล้ววงเล่าโถมลงมาอย่างบ้าคลั่ง
ภูเขาลูกยักษ์ยังไม่ทันร่วงลงมา แรงกดดันจิตวิญญาณหนักหน่วงอย่างที่สุดก็พุ่งเสียงดังหวีดหวิวมาถึงก่อน ทำให้ไส้เดือนรู้สึกอึดอัด ร่างกายหนักอึ้งอย่างยิ่งในฉับพลัน
ไส้เดือนตกตะลึง มันเปล่งแสงสีเทาออกจากร่าง ร่างพลังเวทขนาดยักษ์ที่หน้าตาคล้ายคลึงกับร่างต้นอย่างยิ่งตนหนึ่งโผล่ออกมาแล้วอ้าปากใหญ่ยักษ์พ่นลำแสงสีเทาหนาเส้นหนึ่งโจมตีฐานยอดเขาอย่างรุนแรง
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น!
แสงสีเทากับแสงสีเหลืองปะทะกันอย่างดุเดือด คลื่นอากาศที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแผ่เป็นวงขยายไปสี่ด้านแปดทิศ
คุนอวี้ หลงเหยียนเฟยและคนอื่นที่อยู่ใกล้ๆ ล้วนเป็นผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ กายเนื้อนับว่าแข็งแกร่งจึงไม่ได้บาดเจ็บมากมายอันใดจากแรงอัดกระแทกของคลื่นอากาศ เพียงเซซ้ายเซขวาพักหนึ่งเท่านั้น
ผู้ฝึกฝนระดับผลึกที่เหลือถูกคลื่นอากาศซัดจนพากันกระอักเลือด ปลิวถอยหลังไปอย่างไม่อาจห้ามตนเองได้
ยอดเขายักษ์ที่เกิดจากมุกบรรพตธาราสั่นไหวเล็กน้อย จากที่กำลังร่วงลงมาพลันหยุดชะงัก
แต่ไส้เดือนก็ส่งเสียงร้องโหยหวนอย่างทุกข์ทรมานเช่นกัน จากนั้นแสงสีเทาพลันส่องสว่างรอบร่าง หนวดเนื้อบนแผ่นหลังตั้งตรงก่อนจะหลุดจากร่างพาเสียงหวีดหวิวแหลมแสบแก้วหูพุ่งพรวดใส่หลิ่วหมิงที่อยู่กลางท้องฟ้าอย่างมืดฟ้ามัวดิน
หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งสองข้าง ปราณสีดำพวยพุ่งรอบร่างแล้วเกิดเสียงกุกกักดังขึ้นพักหนึ่ง ก่อนที่พวกมันจะก่อตัวเป็นโล่กระดูกชิ้นหนึ่งอย่างเร็วไว จากนั้นเขาจึงโบกมือ ประกายสีเลือดแสบตาผุดขึ้นบนร่างแล้วก่อตัวเป็นโล่แสงสีเลือดชิ้นหนึ่งขยับหมุนซ้อนอยู่ด้านหลัง สุดท้ายร่างกายก็เปล่งแสงสีเงินวูบหนึ่ง เกราะเนื้อสีเงินตัวหนึ่งโผล่ออกมาหุ้มทั่วทุกตำแหน่งบนร่างเอาไว้
หลิ่วหมิงเพิ่งทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ หนวดเนื้อทั่วท้องฟ้าก็พลันส่งเสียงดังหวีดหวิวมาถึงแล้วพุ่งชนโล่กระดูกอย่างหนักหน่วง
“ปัง!” เสียงดังสนั่นดังขึ้นพักหนึ่ง
โล่กระดูกดำทนอยู่ได้เพียงครึ่งลมหายใจ บนโล่ก็เกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วนก่อนจะระเบิดกระจายเสียงดังสนั่นกลายเป็นปราณดำหนาทึบ หนวดเนื้อสิบกว่าเส้นทะลุผ่านปราณสีดำมาโดยที่พลังไม่ลดทอนสักนิด จากนั้นโจมตีใส่โล่แสงสีเลือดที่อยู่ด้านหลังอย่างหนักหน่วง
โล่โลหิตเปล่งแสงสีเลือดสว่างจ้าขณะที่สั่นสะท้านรุนแรง แต่หลายปีมานี้หลิ่วหมิงเก็บสะสมโลหิตบริสุทธิ์ไว้ในโล่โลหิตนี้ไม่รู้ตั้งเท่าไร ดังนั้นแม้โล่โลหิตจะสั่นไหวอย่างรุนแรงแต่ก็ยังฝืนไม่พังทลายลงได้
สุดท้ายหลังจากโล่โลหิตหม่นแสงลงเกินครึ่ง หนวดเนื้อก็ใช้พลังจนหมดทยอยร่วงตกลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
ยามนี้หลิ่วหมิงจึงถอนหายใจ มือส่งเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าออกมาพร้อมกันอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์คำหนึ่งลงบนยอดเขาสีเหลืองด้านล่าง
ยอดเขาสีเหลืองเปล่งแสงสว่างจ้าอย่างฉับพลัน เงาแม่น้ำสายยาวสีดำเห็นชัดเจนหลายสายปรากฏโอบล้อมยอดเขา
แสงสีเหลืองกับสีดำสะท้อนสอดประสานกันบนยอดเขาสีเหลืองเข้ม ทันใดนั้นยอดเขาก็ขยายขนาดจนใหญ่ยักษ์ขึ้นอีกไม่น้อย ตัวภูเขาขนาดมหึมาค่อยๆ กดทับร่างพลังเวทของไส้เดือนลงไป
ดวงตาของไส้เดือนเผยแววตาไม่อยากเชื่อ ร่างพลังเวทสีเทาถูกยอดเขายักษ์กดทับจนลอยต่ำลงมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็แตกสลายพร้อมเสียงดังกึกก้อง
เสียงดังสนั่นดังขึ้นครั้งหนึ่ง ทั้งร่างของไส้เดือนถูกยอดเขาสีเหลืองเข้มทับอยู่ข้างใต้อย่างสมบูรณ์
หลิ่วหมิงท่องมนตร์ออกจากปากอย่างรวดเร็ว สองมือโบกสะบัดขึ้นลงส่งเคล็ดลลล็ลดดวิชาสายแล้วสายเล่าพุ่งออกไป ยอดเขายักษ์สีเหลืองเปล่งแสงสีเหลืองล้อมบริเวณร้อยจั้งรอบด้านเอาไว้
ทันใดนั้นปราณจิตวิญญาณธาตุดินรอบบริเวณร้อยจั้งพลันเข้มข้นประหนึ่งแผ่นเหล็ก แข็งแกร่งดุจปราการเหล็กกล้า
หลังจากไส้เดือนดิ้นรนใต้ฐานยอดเขายักษ์อยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็แน่นิ่ง
หลิ่วหมิงพรูลมหายใจยาวออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นร่างกายจึงลอยลงมา
เมื่อไส้เดือนถูกมุกบรรพตธารากำราบ เส้นใยสีเทาที่พันรัดร่างกายของพวกคุนอวี้ก็ขาดสะบั้นตาม พวกเขาได้อิสระกลับคืนมา แต่ละคนมองหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าตกตะลึง ชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครเอ่ยวาจา
“ศิษย์น้องหลิ่ว ไม่พบหน้ากันหลายสิบปี คิดไม่ถึงว่ายามนี้พลังของเจ้าจะบรรลุถึงขั้นนี้ แม้แต่แมลงระดับดาราพยากรณ์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าแล้ว” หลงเหยียนเฟยกับหลิ่วหมิงนับว่ารู้จักมักคุ้นกันมานานจึงไม่ต้องระวังคำพูดอันใด นางมองสำรวจหลิ่วหมิงตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสีหน้าซับซ้อนแล้วเอ่ยปากทำลายความเงียบเป็นคนแรก
“ศิษย์พี่หลงชมเกินไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ทุกท่านใช้วิชาดึงแมลงตัวนี้ไว้ ข้าก็คงไม่ลงมือสำเร็จโดยง่าย” หลิ่วหมิงดวงตาทอประกายวูบหนึ่งขณะเอ่ยตอบ
เมื่อได้ยินคำนี้ หลงเหยียนเฟยกับคุนอวี้ล้วนหน้าแดง
การต่อสู้เมื่อครู่ ตั้งแต่ต้นจนจบหลิ่วหมิงแทบจะสู้กับแมลงระดับดาราพยากรณ์ตัวนี้เพียงลำพัง อีกทั้งหากหลิ่วหมิงไม่ลงมือ พวกเขาก็คงจะจบชีวิตลงในปากมันไปนานแล้ว
ซ่างกวนเยียนอวี่มองหลิ่วหมิง ลึกลงไปในดวงตาปรากฏแววตาตกตะลึงอย่างยิ่ง ขณะที่เขานึกหวาดกลัวย้อนหลังอยู่เลือนราง
ระหว่างที่เดินทางมาในใจเขานึกแค้นหลิ่วหมิงที่แย่งโอกาสเลื่อนชั้นเป็นศิษย์ลับจนเกือบจะขัดแย้งกับหลิ่วหมิงแล้วหากหลิงอีอีไม่ได้ออกปากปรามไว้ ถ้าลงมือขึ้นมาจริงๆ เขาคงหาเรื่องให้ตนเองอับอายขายหน้าต่อหน้าทุกคนเป็นแน่
เมื่อเขาคิดถึงตรงนี้ก็หันกลับไปมองหลิงอีอีที่อยู่ไม่ไกล ในใจรู้สึกอบอุ่นอย่างห้ามไม่ได้
“ศิษย์น้องหลิ่วฝีมือไม่ธรรมดาจริงๆ ตอนได้ยินว่าศึกที่ยอดเขาแสงอัสดง ศิษย์น้องเผชิญหน้ากับแมลงระดับดาราพยากรณ์ตามลำพัง ข้ายังไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง แต่วันนี้ได้เห็นกับตา ไม่ผิดจากคำร่ำลือจริงๆ” คุนอวี้สีหน้าไม่ค่อยดีนักแต่ก็ยังฝืนยิ้มออกมาได้
“ศิษย์พี่คุนอวี้ชมเกินไปแล้ว หากมิใช่ศิษย์พี่บาดเจ็บอยู่ เกรงว่าแมลงระดับดาราพยากรณ์ขั้นต้นกระจอกๆ ตัวนี้คงทำอันใดท่านมิได้” หลิ่วหมิงยิ้มน้อยๆ
คุนอวี้ฟังคำนี้แล้ว สีหน้าจึงดีขึ้นมาบ้าง
เมื่อเห็นหลิ่วหมิงปราบไส้เดือนได้แล้ว ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์กับผู้ฝึกฝนตระกูลเยี่ยที่อยู่ไกลๆ จึงเหาะเข้ามา แต่ละคนล้วนสีหน้าตกตะลึง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา