ครู่หนึ่งหลังจากนั้น เหนือยอดเขาหลักของเทือกเขาหมื่นวิญญาณซึ่งรายล้อมด้วยเมฆหมอกก็มีลำแสงสีดำเส้นหนึ่งเหาะเร็วรี่มาจากไกลๆ มันพุ่งวูบเดียวร่อนลงบนลานกว้างของยอดเขาหลัก
หลังจากแสงสว่างดับลงก็เผยร่างของหลิ่วหมิงที่สวมเครื่องแบบของศิษย์ลับออกมา
ด้านนอกวิหารหลังใหญ่บนยอดเขาหลักเวลานี้มีผู้คนน้อยนิดเพียงไม่กี่คน นอกจากศิษย์ที่เฝ้าประตูสองคนก็ไม่เห็นผู้คนสักเท่าไร
“ข้าต้องการคารวะท่านประมุขเทียนเกอ” หลิ่วหมิงแสดงป้ายประจำตัวแล้วเอ่ยแจ้งเจตนา
ศิษย์ที่เฝ้าประตูทั้งสองคนเห็นหลิ่วหมิงมาหลายครั้งแล้ว หลังจากคำนับครั้งหนึ่ง คนหนึ่งในนั้นจึงเอ่ยขึ้นทันที
“ตอบศิษย์พี่หลิ่ว เมื่อวันก่อนท่านประมุขเทียนเกอมีเรื่องด่วนจึงออกไปจากนิกาย เวลานี้ผู้อาวุโสจินเลี่ยหยางเป็นผู้รักษาการณ์ที่วิหารหลักแทนเขา ไม่ทราบศิษย์พี่หลิ่วต้องการพบหรือไม่?”
หลิ่วหมิงครุ่นคิดเล็กน้อยก็พยักหน้า
“ศิษย์พี่หลิ่วโปรดรอนอกวิหารสักครู่” ศิษย์ที่เฝ้าประตูเอ่ยแล้วหมุนตัวเข้าไปแจ้ง ศิษย์ที่เฝ้าประตูอีกคนหนึ่งทำสีหน้านอบน้อม
ครู่หนึ่งหลังจากนั้นศิษย์ที่เข้าไปแจ้งเมื่อครู่จึงออกมาเอ่ยเชิญ หลิ่วหมิงยกเท้าก้าวเข้าไปในวิหารหลังใหญ่ทันที
ด้านในห้องโถง จินเลี่ยหยางกำลังนั่งอยู่บนตำแหน่งประธาน เบื้องหน้ามีบุรุษผมสีม่วงที่สวมชุดศิษย์ลับคนหนึ่งกำลังแจ้งบางอย่างกับเขาอย่างนอบน้อม
เมื่อเห็นหลิ่วหมิงปรากฏตัวที่ประตูห้องโถง จินเลี่ยหยางก็ลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีแล้วเดินเข้ามาหาหลิ่วหมิงพร้อมสีหน้าดีอกดีใจ
บุรุษผมม่วงเห็นเช่นนี้จึงมองหลิ่วหมิงที่อยู่ตรงประตูแวบหนึ่ง เขาเหมือนยังอยากเปิดปากพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงราบเรียบของจินเลี่ยหยางดังขึ้นข้างหูเขาเสียก่อน
“เรื่องนี้ข้ารับทราบแล้ว ประเดี๋ยวข้าจะติดต่อกับผู้อาวุโสหลี่ของนิกายเทียนกงหารือเรื่องนี้ด้วยตนเอเจ้าออกไปก่อนเถอะ”
“ขอรับ” บุรุษผมม่วงประสานมือให้เขาอย่างนอบน้อม จากนั้นเดินออกจากห้องโถงทันที
เมื่อเดินไปถึงประตู เขาก็เผยสีหน้าสงสัยใคร่รู้เล็กน้อยเหลือบมองหลิ่วหมิงแวบหนึ่ง
แม้หลิ่วหมิงไม่รู้จักอีกฝ่าย แต่ก็ผงกศีรษะเล็กน้อยทักทายเขา
“ศิษย์น้องหลิ่ว หลายวันก่อนท่านประมุขบอกว่าเจ้าใกล้จะเตรียมเก็บตัวแล้ว เดิมคิดว่าต้องใช้เวลาเตรียมตัวอีกสักหน่อยจึงให้ข้าคอยสังเกต ดูจากที่ตอนนี้เจ้าพลังปราณเต็มเปี่ยม คงมาหาท่านประมุขเทียนเกอเพื่อคุยเรื่องการเลื่อนสู่ระดับแก่นแท้ขั้นปลายสินะ?” หลังจากบุรุษผมม่วงเดินออกไป ยังไม่ทันที่หลิ่วหมิงจะเอ่ยปาก จินเลี่ยหยางก็เผยสีหน้ายินดีก้าวเข้ามาข้างหน้าหลายก้าว
“ศิษย์พี่ช่างดวงตากระจ่างดุจคบไฟ วันนี้หลิ่วหมิงมาที่นี่ก็เพื่อเตรียมยื่นขอสถานที่ซึ่งมีปราณจิตวิญญาณเต็มเปี่ยมสักแห่งเพื่อเริ่มเก็บตัว” หลิ่วหมิงก็ไม่เกรงใจ เขายิ้มเล็กน้อยเอ่ยขึ้นมา
“ยามนี้ศิษย์น้องเป็นศิษย์ลับของนิกายยอดบริสุทธิ์ของเรา การเลื่อนระดับพลังเกี่ยวพันถึงกำลังของนิกายเรา ข้าย่อมเป็นธุระจัดการหาสถานที่อันยอดเยี่ยมสักแห่งให้แก่เจ้า!” จินเลี่ยหยางเหมือนจะเตรียมการไว้ก่อนแล้ว เมื่อได้ฟังจึงหัวเราะเบาๆ
“ถ้าเช่นนั้นรบกวนศิษย์พี่จินแล้ว” ดวงตาของหลิ่วหมิงฉายแววยินดีขณะประสานมือคำนับ
“เรื่องนี้ไม่สมควรชักช้า ศิษย์น้องตามข้ามาเดี๋ยวนี้เลยเถิด!” จินเลี่ยหยางหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังแล้วเดินออกจากประตูไปทันที
เกือบครึ่งชั่วยามให้หลัง
บนยอดเขาประหลาดที่ด้านบนกว้างด้านล่างแคบลูกหนึ่งตรงสุดขอบเทือกเขาหมื่นวิญญาณ ทุกมุมของภูเขาเต็มไปด้วยพืชพรรณประหลาดเขียวขจีและบุปผาหายากงอกงามสวยสดละลานตา บนหน้าผาฝั่งหนึ่งของภูเขามีน้ำตกสีฟ้าประหนึ่งผืนผ้าไหมสายหนึ่งเทลงมา แสงตะวันแรงกล้าสาดส่องสะท้อนเป็นประกายระยิบระยับจับตา
เวลานี้จินเลี่ยหยางนำทางหลิ่วหมิงมายืนเคียงกันอยู่บนยอดเขา
ทันใดนั้นจินเลี่ยหยางก็พลิกมือข้างหนึ่ง เพียงพริบตากลางฝ่ามือก็ปรากฏป้ายคำสั่งสีทองกะทัดรัดแผ่นหนึ่ง จากนั้นเขาจึงประกบมันเข้าไปที่จุดหนึ่งของหน้าผาหินบนยอดเขา ประกายแสงสีทองสว่างขึ้นวูบหนึ่ง จากนั้นมันจึงจมหายเข้าไปในกำแพงหินในพริบตา
ครืน เสียงดังสนั่นดังขึ้นหลายครั้ง
หลังจากนั้นหน้าผาหินก็สั่นอยู่พักหนึ่งแล้วเผยโพรงถ้ำที่สูงสิบกว่าจั้งแห่งหนึ่งออกมา
จินเลี่ยหยางก้าวเท้าเดินเข้าไปอย่างชำนาญทาง หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้จึงตามเข้าไปด้วย
ภายในถ้ำคือห้องโถงทรงกลมขนาดหลายสิบจั้งแห่งหนึ่งที่แสงไม่สว่างนัก แต่เพียงพอให้มองเห็นเสาหยกหนาเท่าสองคนโอบหลายต้นที่เชื่อมพื้นกับเพดานได้อย่างง่ายดาย ผิวของเสาหยกเรืองแสงนวลตาออกมาเป็นระลอก
ในห้องโถงตกแต่งอย่างเรียบง่ายยิ่งนัก มีทางเดินมืดสลัวทอดยาวลึกลงไปใต้ดินเส้นหนึ่ง
“เอ๋ เลี่ยหยางเจ้าเลื่อนขึ้นระดับดาราพยากรณ์ไปแล้วไม่ใช่หรือ มาที่นี่ทำอันใด? เดี๋ยวก่อน เจ้าหนุ่มด้านหลังเจ้าคนนั้นอายุยังน้อยก็ระดับแก่นแท้ขั้นกลางเสียแล้ว ดูท่ามาเยือนครั้งนี้คงเพื่อคนผู้นี้กระมัง?” อากาศเบื้องหน้าทอแสงขึ้นวูบหนึ่ง ทันใดนั้นผู้เฒ่าเส้นผมหนวดเคราขาวโพลนผู้มีใบหน้าอ่อนน้อมหางคิ้วตกผู้หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้น
คนผู้นี้เรียกนามจริงของจินเลี่ยหยาง อีกทั้งเมื่อกวาดจิตสัมผัสผ่านกลับไม่รู้สึกถึงลมปราณที่แผ่ออกมาจากตัวอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขาน่าจะเป็นยอดฝีมือระดับดาราพยากรณ์ผู้หนึ่ง
“ฮ่าๆ ผู้อาวุโสเฟ่ยตาแหลมนัก คนผู้นี้นามว่าหลิ่วหมิง ยามนี้เข้ามาอยู่ในวังเจดีย์แล้ว เชื่อว่าเป้าหมายที่มาเยือนที่นี่ไม่ต้องให้ข้าพูด ผู้อาวุโสเฟ่ยก็คงเข้าใจกระมัง”
จินเลี่ยหยางหัวเราะแล้วดันหลิ่วหมิงมาด้านหน้า
“หลิ่วหมิง…เขาก็คือศิษย์ลับผู้นั้นที่สังหารเผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์ก่อนหน้านี้หรือ? หากเป็นเช่นนั้นย่อมมีคุณสมบัติมาที่นี่” ผู้เฒ่าหางคิ้วตกอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นจึงมองสำรวจหลิ่วหมิงอย่างละเอียด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา