ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 1161

สรุปบท ตอนที่ 1161 ปราณกระบี่ทะลวงเก้าชั้นฟ้า: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 1161 ปราณกระบี่ทะลวงเก้าชั้นฟ้า – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บท ตอนที่ 1161 ปราณกระบี่ทะลวงเก้าชั้นฟ้า ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เวลาหนึ่งเดือนผ่านไปในชั่วพริบตา

วันนี้ท้องฟ้าที่เดิมทีนิ่งสงบเหนือเกาะลึกลับฉับพลันปั่วป่วนอย่างหนัก เสียงหวีดหวิวดังลั่นพร้อมกับที่น้ำในทะเลเกิดคลื่นยักษ์สูงหลายจั้งถาโถมมาถึงขอบเกาะน้อยในพริบตา

ท้องนภามืดครึ้ม ไม่รู้เมฆดำจากที่ใดบดบังดวงตะวันร้อนระอุเหนือหัวอย่างรวดเร็วยิ่งนัก อสนีบาตสายแล้วสายเล่าแลบแปลบปลาบพาดตัดกันไปมาอยู่ด้านในเป็นตาข่ายสายฟ้าสีเงิน แดนลึกลับประหนึ่งมาถึงวันสิ้นโลก

ในตอนนี้เองเมฆดำที่เกาะกลุ่มหนาอยู่บนท้องฟ้าเหนือถ้ำที่หลิ่วหมิงอยู่ก็ค่อยๆ ปั่นป่วน อสนีบาตเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งลัดไปมาอยู่ด้านในเป็นระยะ เสียงครืนครางดังขึ้นไม่ขาดหู

ด้านในถ้ำหลิ่วหมิงรู้สึกว่าพลังเวทในทะเลจิตวิญญาณประดุจโลหิตแล่นลื่นไหลไปทั่วสี่แขนขาร้อยกระดูกภายในร่าง กำลังวังชาเปี่ยมล้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ผู้อาวุโสหลัวโหว!” หลิ่วหมิงเลิกคิ้ว แล้วเอ่ยเรียกในใจ

“ฟู่” ฟองอากาศขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองฟองหนึ่งจู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในทะเลจิตวิญญาณ

หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งขรึมจากนั้นกวาดแขนไปด้านข้าง โอสถหลากสีสิบกว่าเม็ดดีดออกมาจากขวดสีเขียวหยกหลายใบแล้วผลุบเข้ามาในปากของเขาทั้งหมด

พริบตาเดียวฤทธิ์ยาก็กระจายตัว ฟองอากาศขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองสั่นเบาๆ พลังงานร้อนผ่าวสายใหญ่ซึมผ่านทะเลจิตวิญญาณขยายไปทุกตำแหน่งทั่วร่าง

หลิ่วหมิงขมวดคิ้วแน่น หลังจากพลังเวทเคลื่อนอย่างรวดเร็วในร่างพักหนึ่ง เส้นลมปราณทุกตำแหน่งก็ราวกับถูกขัดจนไหลลื่นและกว้างขวางขึ้นกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า ความเร็วที่พลังเวทโคจรเร็วขึ้นกว่าเดิมอยู่ไม่น้อย

ในเวลาเดียวกันเมฆดำเหนือถ้ำก็หนาขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางอสนีบาตเริ่มปรากฏพายุหมุนรูปกรวยขนาดมหึมาลูกหนึ่งหมุนวนอยู่บนท้องนภาเหนือเกาะน้อยของแดนลึกลับ

หนึ่งวันหลังจากนั้นพลังเวทที่ไหลอยู่ทั่วสี่แขนขาร้อยกระดูกในร่างหลิ่วหมิงก็พลันหยุดชะงัก จากนั้นพุ่งเข้าไปรวมตัวยังแก่นแท้สีขาวดำเหนือทะเลจิตวิญญาณอย่างรวดเร็ว ปราณจิตวิญญาณรอบด้านทยอยรวมตัวเข้ามาหาหลิ่วหมิงจนกลายเป็นแถบแสงสีขาวดำหลายสิบเส้นถักทอร้อยรัดล้อมอยู่บนผิวไม่หยุดหย่อน

หลิ่วหมิงรู้สึกว่ายามนี้แก่นแท้ในทะเลจิตวิญญาณขยายใหญ่ขึ้นเลือนราง ต่อจากนั้นแถบแสงสีขาวดำรอบร่างก็ทะลวงเข้ามาในร่างประหนึ่งมีจิตวิญญาณก่อนจะจมลงไปในแก่นแท้ที่จุดตันเถียน

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาพลันลืมตาขึ้น

“อ้าก…”

เสียงคำรามยาวดังก้องไปทั่วทั้งแดนลึกลับหมื่นสรรพสิ่ง

พายุหมุนเมฆดำเหนือศีรษะราวกับถูกบางสิ่งโจมตีอย่างกะทันหัน มันแตกสลายเป็นส่วนๆ แสงตะวันแสบตาหลายสายส่องผ่านทะลุด้านใน หลังจากนั้นลำแสงเหล่านี้ก็หนาขึ้นเรื่อยๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่นานก็ฉีกเมฆดำออกเป็นชิ้นส่วนมากมาย

ในตอนนี้เองไม่รู้ว่าร่างของหลิ่วหมิงปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าตั้งแต่เมื่อใด ภายนอกของเขาดูแล้วไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ขณะที่ยกมือขยับเท้ากลับมีอำนาจแผ่ออกมาเหนือกว่าก่อนหน้านี้มาก

เวลานี้ระดับพลังของเขาทะลุขึ้นสู่ระดับแก่นแท้ขั้นปลายแล้ว พลังเวทในทะเลจิตวิญญาณเพิ่มพรวดขึ้นหนึ่งเท่ากว่า

ยามนี้เองจู่ๆ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ฝักกระบี่ว่างเปล่าข้างเอวสั่นสะท้านแล้วส่งแรงดูดอันแข็งแกร่งสายหนึ่งออกมา

หลิ่วหมิงรู้สึกว่าแก่นแท้สีขาวดำที่เพิ่งจะสงบลงเมื่อครู่ในทะเลจิตวิญญาณสั่นไหว ต่อจากนั้นพลังเวทบริสุทธิ์สายแล้วสายเล่าก็ทะลักโถมออกไปไม่ขาดสายราวกับน้ำหลากล้นเขื่อน แล้วถูกฝักกระบี่ข้างเอวสูบเข้าไป

แรกสุดเขามีสีหน้าตกตะลึง แต่จากนั้นก็กวาดจิตสัมผัสไปยังฝักกระบี่ทันที

ด้านในฝักกระบี่ ลูกกลอนกระบี่ว่างเปล่ากำลังส่งเสียงดังอื้ออึง พลังเวทที่สูบเข้ามาไหลทะลักเข้าไปในตัวมัน ผิวของลูกกลอนกระบี่เปล่งแสงสีทองแสบตาสายแล้วสายเล่า

เมื่อเห็นภาพนี้ ใบหน้าของหลิ่วหมิงพลันมีสีหน้าตกตะลึงระคนยินดี

นับตั้งแต่ดูดซับพลังเวทจากขุยตี้แห่งหนานฮวงไป พลังจิตวิญญาณของลูกกลอนกระบี่ว่างเปล่าก็เสถียรขึ้นโดยส่วนใหญ่ หลังจากบำรุงหล่อเลี้ยงมาหลายปี วันนี้ในที่สุดก็หล่อหลอมออกมาได้เสร็จสมบูรณ์เสียที

ลูกกลอนกระบี่สูบพลังเวทในร่างหลิ่วหมิงไปเกือบครึ่งกว่าจะหยุดลงในที่สุด ผิวของลูกกลอนกระบี่มีแสงสีทองเจิดจ้าแสบตาไหลวนอยู่ไม่หยุด

แม้จะกั้นด้วยฝักกระบี่ แต่หลิ่วหมิงก็สัมผัสได้ถึงปราณกระบี่อันดุดันที่แผ่ออกมาจากตัวของมัน

“ฟึบ” เสียงแหวกอากาศแผ่วเบาแทบไม่ได้ยินดังขึ้นครั้งหนึ่ง ลูกกลอนกระบี่เหาะออกมาจากฝักกระบี่ว่างเปล่าด้วยตนเอง มันเลือนหายวูบหนึ่งแล้วพุ่งตรงขึ้นไปยังท้องฟ้า

ศิลาเหนือโพรงถ้ำถูกลูกกลอนกระบี่แทงเป็นรูเล็กกระจ้อยรูหนึ่ง แสงตะวันสายหนึ่งเล็ดลอดเข้ามา

เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกกลอนกระบี่ว่างเปล่า ชั้นจำกัดในที่แห่งนี้กลับเหมือนดั่งกระดาษไม่ปาน

หลิ่วหมิงตกตะลึงรีบทะยานร่างออกจากถ้ำ

แล้วเขาก็เห็นแสงสีทองแสบตาจุดหนึ่งเหาะฉวัดเฉวียนประหนึ่งดาวตกอยู่ระหว่างหมู่เขาบนท้องนภาเหนือเกาะพร้อมกับเสียงกระบี่กังวานใส

ระหว่างที่เหาะแสงสีทองก็ค่อยๆ ลากยาวกลายเป็นกระบี่บินสีทองหน้าตาโบราณเล่มหนึ่ง ปราณกระบี่สีทองสายแล้วสายเล่าผุดออกมาจากตัวพร้อมกับเสียงกระบี่หวีดแหลมดังเคียงคู่เป็นระยะ

กระบี่บินสีทองประหนึ่งกำลังเหยียดร่าง ยิ่งเหาะบนท้องฟ้าก็ยิ่งเร็วขึ้น มันแล่นปรู๊ดปร๊าดไปมา แม้แต่สายตาของหลิ่วหมิงก็แทบจะตามไม่ทัน

กระบี่ว่างเปล่าเหาะบนท้องนภาเร็วจี๋จนเกิดเสียงกระบี่กรีดแหลมกลางท้องฟ้าดังขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะเหมือนเสียงมังกรกู่ร้องพยัคฆ์คำราม ดังสะท้อนก้องในแดนลึกลับหมื่นสรรพสิ่ง

หลิ่วหมิงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย ปรากฏการณ์ประหลาดใหญ่โตเช่นนี้เกรงว่าคงจะดึงดูดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นมาให้ เขาจึงรีบโบกมือส่งเคล็ดกระบี่สายแล้วสายเล่าออกไป

วันนี้เผิงเยวี่ยพลังบรรลุระดับแก่นแท้ขั้นต้นแล้ว หุ่นมนุษย์ทองแดงตัวนั้นที่เขายืนอยู่ยิ่งมีพลังไม่ด้อยกว่าระดับแก่นแท้ขั้นกลาง แม้แมลงยักษ์จากเผ่าหนอนผีเสื้อสองตัวตรงหน้าเขากระหน่ำโจมตีหุ่นอยู่ แต่ก็ยังหาช่องว่างลงมือโจมตีสวนกลับได้ พลังย่อมไม่ด้อยกว่าไม่ถึงไหน

ในตอนนี้เองตั๊กแตนก็อาศัยช่องโหว่จังหวะหนึ่งพุ่งเข้ามาใกล้เผิงเยวี่ย แต่หุ่นมนุษย์ทองแดงยักษ์ที่เผิงเยวี่ยบังคับอยู่กลับถูกเส้นใยที่แมงมุมพ่นออกมาพันรัดไว้ทำให้หลบไม่ทันกาล

ขาหน้าที่เหมือนเคียวทั้งคู่ของตั๊กแตนตวัดลงมา เผิงเยวี่ยกำลังจะถูกฟันเป็นสองท่อน

ในชั่วเส้นยาแดงผ่าแปดนั่นเองเสียงแหวกอากาศก็ดังมาจากบนท้องฟ้า บนหัวทรงสามเปลี่ยมอัปลักษณ์ของตั๊กแตนตัวนั้นมีเงาดำร่างหนึ่งปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ พริบตาที่ทุกคนยังไม่ทันตอบสนอง เงาหมัดมืดฟ้ามัวดินก็พาเสียงพยัคฆ์คำรามร่วงลงมาบนหัวของมัน

เปรี้ยง!

เวลานี้เสียงกระแทกหนักหน่วงดังชัดเจนอยู่ในหูของคนทั้งหมดที่นั่น ตั๊กแตนตัวนั้นยังไม่ทันเคลื่อนไหวต่อ หัวก็กลายเป็นหมอกโลหิตกลุ่มหนึ่งสาดลงบนร่างของเผิงเยวี่ย ร่างกายใหญ่ยักษ์ล้มคว่ำลงบนพื้นดินทิ้งรอยเลือดเป็นเส้นโค้งเส้นหนึ่งไว้กลางอากาศ

เผิงเยวี่ยยังไม่ทันมองเห็นหน้าตาของผู้ที่มาชัด เงาดำก็หายไปจากที่เดิมอย่างแปลกประหลาดอีกหน

แมงมุมที่เหลืออีกตัวด้านหน้าเดิมทีคิดว่าชัยชนะอยู่ในกำมือแล้ว แต่ทันใดนั้นกลับเห็นพรรคพวกหัวแยกจากร่างสิ้นใจกลางท้องฟ้าในชั่วพริบตา มันจึงแหงนหน้าอ้าปากพ่นของเหลวสีขาวก้อนหนึ่งออกมากลายเป็นตาข่ายักษ์สีขาวผืนหนึ่งคลี่ออกกลางท้องฟ้าครอบไปยังจุดหนึ่งบนท้องนภาทันที

“ฟึบ!”

ตาข่ายยักษ์ครอบลงมาหาเงาดำด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ

ทว่าเงาดำกลับสลายหายไปอย่างฉับพลัน เหลือเพียงเงาเลือนรางสายหนึ่งเท่านั้น

ขณะที่แมงมุมตกตะลึง ด้านหลังของมันก็มีเงาดำอีกร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบ แขนพร่าเลือนวูบหนึ่ง เงาหมัดมากมายนับไม่ถ้วนก็กระหน่ำต่อยใส่หัวของมัน

แมงมุมตัวนั้นรีบบิดร่างหมายจะหลบการโจมตี

ทว่าเงาหมัดสีดำกลับเปลี่ยนทิศทางอย่างผิดธรรมชาติกลางอากาศ ไอหมอกสีดำรอบด้านเปล่งแสงวูบหนึ่งแล้วต่อยลงบนร่างของแมงมุม

เสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้าสะเทือนดินดังก้องกังวานไปทั่วทั้งหุบเขาอยู่ครู่หนึ่ง

ทั้งร่างของแมงมุมพุ่งถอยกลับไปอย่างฉับพลัน หลังจากลิ้งตลบบนท้องฟ้าสองสามรอบมันก็ร่วงกระแทกพื้นดุจก้อนหิน เปลือกบนแผ่นหลังแตกกระจุยเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน เลือดสีเขียวซึมออกมาจากด้านใน ไม่เหลือลมหายใจแม้แต่น้อย

ไม่ไกลนัก ลำแสงสิบกว่าสายพุ่งเร็วจี๋มาถึง เมื่อแสงดับลง ผู้ฝึกฝนที่สวมชุดของนิกายยอดบริสุทธิ์สิบกว่าคนก็ปรากฏตัวรายรอบศิษย์ของนิกายเทียนกง ยันต์ที่เปล่งแสงจิตวิญญาณในมือพุ่งพรวดเข้าใส่เผ่าหนอนผีเสื้อรอบด้านดุจสายฝน

เงาดำกลับกลายเป็นลำแสงหายไปจากที่เดิมก่อนแล้ว มันพุ่งเร็วจี๋มุ่งไปไกลต่อ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา