ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 12

“หึ! พวกเราอุตส่าห์ไม่แย่งศิษย์ชีพจรจิตวิญญาณที่ทางนิกายฝึกฝนเองแล้ว ถ้าหากลูกหลานตระกูลขุนนางเหล่านี้ พวกเขาก็ยังมาแย่งล่ะก็ อย่าหาว่าศิษย์พี่ไม่เกรงใจก็แล้วกัน สาขาของเราถึงแม้ตกต่ำลงในช่วงหลายปีมานี้ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครมากดขี่ข่มเหงได้ง่ายๆ หรอก” ชายชุดนักปราชญ์กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ในเมื่อศิษย์พี่ตัดสินใจเช่นนี้แล้ว ศิษย์น้องและศิษย์น้องจงก็จะสนับสนุนท่านอย่างแน่นอน” ชายผมเผ้ากระเซอะกระเซิงใคร่ครวญดูสักครู่ ในที่สุดก็ตัดสินใจกล่าวออกมา

แต่ทว่าพอเขากล่าวจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เขาไอติดต่อกันอย่างรุนแรง รีบดึงน้ำเต้าที่ห้อยเอว ของเหลวสีเขียวหยกกรอกเข้าปากในทันที

กลิ่นสุราเข้มข้นลอยออกมา มันเป็นสุราเข้มข้นมีฤทธิ์รุนแรงชนิดหนึ่ง

สุราสองสามอึกที่ตกลงไปในท้อง ทำให้สีหน้าของชายผู้นี้ดูดีขึ้นมาหน่อย

“ศิษย์น้องจู เจ้าไม่เป็นไรนะ ไอเย็นในร่างเจ้าเรื้อรังมาหลายปีแล้ว แค่ใช้โอสถสุรามารับมือกับมันเพียงช่วยระงับอาการชั่วคราว ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้” เมื่อนักปราชญ์หนุ่มเห็นเช่นนี้ก็แสดงสีหน้าเป็นห่วงขึ้นมา

“ศิษย์พี่กุยวางใจเถอะ แค่ข้าดื่ม ‘สุราสามตะวัน’ นี้ทันเวลา ก็สามารถระงับอาการกำเริบของข้าได้ ไม่ต้องเป็นห่วงข้าจนเกินไปหรอก” ชายผมเผ้ากระเซอะกระเซิงตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ดูเหมือนกับจะไม่ใส่ใจกับไอเย็นในร่างกายของตนเอง

“ต้องโทษตัวศิษย์พี่เอง ปีนั้นรู้ทั้งรู้ว่าเจ้าเพิ่งจะเป็นอาจารย์จิตวิญญาณ ควรจะให้ศิษย์น้องได้ฝึกพลังให้แข็งแกร่งกว่านี้ แล้วค่อยไปผาละเมอฝัน มิเช่นนั้นเจ้าอาจไม่ต้องทนทุกข์กับไอเย็นนี้” นักปราชญ์หนุ่มกล่าวด้วยใบหน้าสำนึกผิด

“เรื่องนี้ข้าไม่โทษศิษย์พี่หรอก ปีนั้นเป็นข้าเองที่เรียกร้องจะไป ศิษย์พี่เองก็ฝึกฝนอยู่ในช่วงที่สำคัญ ทำให้ไม่สามารถออกจากนิกายได้ และศิษย์น้องจงเองก็เจอภัยอันตรายใกล้ตัว ทำให้ไม่สามารถหน่วงเหนี่ยวเวลาไว้ได้” ชายหนุ่มผมเผ้ากระเซอะกระเซิงส่ายศีรษะแล้วกล่าวออกมา

“รอหลังพิธีเปิดจิตวิญญาณนี้ ข้าจะไปขอร้องอาสามอีกสักครั้ง จะต้องนำโอสถหยางบริสุทธิ์มาให้เจ้า โอสถนี้ถึงแม้จะไม่สามารถรักษาไอเย็นให้หายไปได้ แต่อย่างน้อยก็สามารถทำให้ร่างกายเจ้าอบอุ่นและบรรเทาอาการเจ็บปวดของเจ้าได้” นักปราชญ์กล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“ช่างมันเถอะ ตอนนี้ท่านอาสามถือสันโดษตัดขาดจากโลกภายนอกอยู่ ครั้งก่อนที่เราไปรบกวนทำให้หัวหน้าสาขาอื่นไม่พอใจแล้ว ถ้าครั้งนี้พวกเราไปอีกล่ะก็ จุดอ่อนของเราก็จะตกอยู่ในกำมือของพวกเขาอย่างแน่นอน” ชายหนุ่มผมเผ้ากระเซอะกระเซิงยิ้มเจื่อนๆ

“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องสนใจ ถ้าหากพวกเขามาหาเรื่องจริงๆ ข้าจะรับมือเอง” นักปราชญ์กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

ชายหนุ่มผมเผ้ากระเซอะกระเซิงลังเลสักครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันหลังต้นไม้เสร็จแล้ว ก็หายตัวไปกับไอหมอกจางๆ กลุ่มหนึ่ง

บัดนี้ บรรดาเด็กหนุ่มและดรุณีน้อยทั้งหลายเดินมาถึงบ้านหินที่เพิ่งสร้างใหม่ ชายฉกรรจ์ชี้มือจัดการให้ทุกคนเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว

พอหลิ่วหมิงผลักประตูไม้บานใหญ่เข้าไป ภาพห้องที่มีขนาดกว้างยาวไม่เกินสามสี่จั้งก็ปรากฏแก่สายตา

ในห้องมีโต๊ะไม้สีเขียวหนึ่งตัว เก้าอี้เนื้อไม้เดียวกันกับโต๊ะหนึ่งตัว เตียงหินสีเทาขาวยาวจั้งกว่าๆ หนึ่งตัว ด้านบนปูด้วยผ้าฝ้ายบางๆ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีสิ่งของใดอีก

เมื่อได้เห็นทั้งหมดนี้ หลิ่วหมิงไม่ได้แสดงสีหน้าผิดหวังออกมา แต่กลับถอนหายใจเบาๆ ก้าวสองสามก้าวแล้วนั่งลงไปบนเตียงหินนั้น

ในห้องตกแต่งอย่างเรียบง่าย ทำให้เขาคิดถึงความยากลำบากที่เจอบนเกาะมฤตยู เขาใจลอยไปพักหนึ่ง

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เขาถึงได้สติกลับมา หลังจากพิจารณาอย่างคร่าวๆ แล้ว เขาก็เริ่มต้นสำรวจภายในห้องอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม รวมถึงเครื่องเรือนที่จัดวางอยู่ทุกชิ้น หลังจากเขาสำรวจดูแล้วพบว่ามันเป็นแค่สิ่งของธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีอะไรพิเศษ เขาถึงเอนไปนอนบนเตียงหินอย่างผ่อนคลาย แล้วเริ่มย้อนคิดถึงเรื่องราวบางอย่างเงียบๆ

ในปีนั้น เพราะโทษของบิดาเขาทำให้ทางการจับตัวเขาส่งไปยังเกาะมฤตยู เรื่องนี้ถึงแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วแต่ยังคงจดจำได้อย่างแม่นยำ

ตอนที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น ในบ้านนอกจากจะมีเขาและบิดาแล้ว ยังมีแค่คนรับใช้ไม่กี่คนเท่านั้น

สำหรับมารดาเขาแล้ว ตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยพบหน้าเลย ได้ยินมาว่าตอนนั้นมารดาคลอดเขาก่อนกำหนด และคลอดลำบากมากจนกระทั่งเสียชีวิตไป

ส่วนเรื่องญาติพี่น้องคนอื่นๆ เขาไม่เคยได้ยินบิดากล่าวถึงเลย

แต่เขาแอบได้ยินมาจากปากคนอื่นว่า บิดาอุ้มเขาที่ยังเป็นทารกย้ายมาจากสถานที่ห่างไกล แม้กระทั่งบ้านเกิดเดิมอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครทราบ

บิดาปฏิบัติกับเขาอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่จำความได้ก็เริ่มสอนให้รู้จักเขียนอ่าน และยังให้ท่องจำคัมภีร์โบราณอีกหลายเล่ม

คืนก่อนหน้าที่บิดาของเขาถูกจับตัวไม่กี่วัน เขาให้หลิ่วหมิงตอนนั้นที่อายุไม่กี่ขวบเสี่ยงชีวิตไปท่องจำสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่ง จนกระทั่งหลิ่วหมิงท่องจำจนขึ้นใจ และกำชับไม่ให้บอกกับบุคคลอื่น บิดาเขาถึงสบายใจ

และไม่กี่วันต่อมาทางการก็มาจับบิดาเขาถึงบ้าน เขากลับโดนส่งตัวไปยังเกาะมฤตยู

บางทีเจ้าหน้าที่ทางการเหล่านั้น คงไม่คิดว่าจะสามารถล้วงข้อมูลจากเด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบได้

แต่ทว่าพอเขาคิดถึงสถานที่ลึกลับที่ท่องจำจนขึ้นใจนั้น ก็ยิ้มอย่างขมขื่นออกอย่างอดไม่ได้

เมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขาไม่รู้ว่าสถานที่แห่งนั้นคืออะไร ตอนนี้กลับรู้ชัดแจ้งแล้วว่าที่แห่งนั้นมันไม่ต่างจากถ้ำเสือบ่อมังกรเลยสักนิด

ถ้าหากไม่มีพลังมากพอแล้วไปบุกที่นั่น ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายเลย

ปีนั้นบิดาของเขาท่องจำสถานที่นั้นอย่างเอาจริงเอาจัง แสดงว่าจะต้องซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่อยู่ในนั้น และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้บิดาของเขาถูกจับตัวไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา