ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 126

สรุปบท ตอนที่ 126: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 126 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 126 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 126 กำจัดวานร (1)
ตอนที่ 126 กำจัดวานร (1)
โดย
Ink Stone_Fantasy
และในเวลานี้ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากหินสีเหลืองขนาดใหญ่!

หลังจากมีเสียงโครมครามดังมาจากหินขนาดใหญ่ มันก็พร่ามัวกลายเป็นหุ่นตัวนิ่มอีกครั้ง

และพอชายหน้าดำปรากฏตัวก็หยิบกระบองสั้นสีทองออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มันสั่นไหวตามแรงลมก็กลายเป็นกระบองยักษ์ยาวสองจั้งกว่า เขาแผดเสียงและก้าวยาวๆ ไปหาวานรยักษ์สีดำโดยไม่ได้สนใจวานรสีเทาทั้งสอง

ทางด้านหยางเฉียน เขากับปีศาจหัววัวร่วมมือกันต่อสู้กับปีศาจวานรอย่างดุเดือด

ไม่รู้ว่าปีศาจวานรตนนี้ไปหยิบกระบองเหล็กสีดำมาจากไหน ภายใต้การกวัดแหว่งอย่างบ้าระห่ำทำให้เกิดเป็นพายุขนาดใหญ่ในทันที เงากระบองสีดำจำนวนมากทับซ้อนกันจนดูราวกับเขาลูกเล็กๆ กดลงไปจนบีบให้หยางเฉียนกับหัววัวต้องถอยออกโดยไม่กล้าดึงดันเข้าไปแม้แต่น้อย

เสียงดัง “ตู้ม!”

กระบองสีทองเสียบเข้าไปในเงากระบองสีดำ เมื่อทั้งสองสิ่งปะทะกันก็ก่อให้เกิดคลื่นกระแทกออกมา ทำให้ร่างของวานรยักษ์สีดำสั่นไหวแล้วถอยออกไปครึ่งก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจ

และชายหน้าดำที่เพิ่งเข้ามาใกล้ก็สุดที่จะทนได้ ความร้อนที่มือทั้งสองทำให้เขาถอยหลังออกไปเจ็ดแปดก้าวโดยไม่รู้ตัว จนเกือบจะปล่อยกระบองในมือหลุดไป

“ปีศาจตนนี้มีพลังมากนัก!” พอชายหน้าดำตั้งตัวได้ก็หลุดปากพูดออกมา

“นี่คือเรื่องจริง! ปีศาจวานรตนนี้มีพลังแข็งแกร่งรองมาจากปีศาจวานรขนทอง ต่อให้พวกเราทั้งสองร่วมมือกันก็ต้องระวังให้มาก” หยางเฉียนกลับทำเสียงฮึดฮัดกล่าวออกมา และตบมือข้างหนึ่งไปยังอากาศด้านหน้า จากนั้นก็มีไอสีดำพวยพุ่งออกมารวมตัวกันจนกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ตบออกไปอีกครั้ง มันขัดขวางปีศาจวานรที่ถือโอกาสไล่ตามชายหน้าดำได้ทันเวลาพอดี

ปีศาจวานรสีดำโมโหเป็นอย่างมาก มันกวัดแกว่งกระบองขึ้นไปบนฟ้า และทุบฝ่ามือสีดำจนแตกกระจายด้วยเสียงดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าร้อง

แต่ในระหว่างนี้ ชายหนุ่มหน้าดำที่เพิ่งหายใจได้ทั่วท้องกลับทำท่ามือด้วยมือเดียว หลังจากที่เส้นเลือดจำนวนมากปรากฏขึ้นบนตัวของเขา เสื้อเกราะสีเลือดก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง หนามไม้ไผ่อันแหลมคมสิบกว่าอันเสียบอยู่บนนั้น หลังจากที่พวกมันแทงเข้าไปยังจุดฝังเข็มต่างๆ ร่างของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นมา เขาคำรามเสียงต่ำกวัดแกว่งกระบองสีทองและกระโจนออกไปพร้อมกับปีศาจกระดูกหัววัวร่างมนุษย์ด้วยความโมโห และขัดขวางปีศาจวานรที่คิดจะกระโจนเข้าหาหยางเฉียนไว้ได้

ปีศาจวานรสีดำเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ กระบอกเหล็กในมือถูกกวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่ง พายุบริเวณนั้นก็รุนแรงขึ้นมาอีกสามส่วน ภายใต้สถานการณ์สองรุมหนึ่งก็ยังทำให้คู่สู้ทั้งสองต้องถอยอยู่ไม่หยุด

แต่ในขณะนั้นเอง หยางเฉียนกลับหยิบสิ่งของบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ มันคือธนูกระดูกสีขาวขนาดเท่าฝ่ามือ หลังจากที่จับมันโบกไปตามลม มันก็ขยายใหญ่ขึ้นมาครึ่งจั้งท่ามกลางแสงสีดำที่หมุนวน

หยางเฉียนร่ายคาถาออกมา และค่อยๆ ยกธนูกระดูกในมือขึ้น ไอสีดำบริเวณนั้นพุ่งเข้ามาด้านหน้าเขาอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะหมุนติ้วๆ รวมตัวกันตรงสายธนูสีเลือด จากนั้นอักขระสีดำจำนวนมากก็ปรากฏออกมา และกลายเป็นลูกศรสีดำแววแววพร้อมกับเล็งไปยังปีศาจวานรสีดำที่อยู่ไม่ไกล

เสียงดัง “ฟิ้ว!”

พอหยางเฉียนหยุดร่ายคาถา มือทั้งสองก็คลายออกมา ลูกศรสีดำพุ่งออกไปจากคันธนูกระดูกอย่างพร่ามัว

ปีศาจวานรยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปส่งเสียงร้องอย่างเวทนา รูเลือดรูหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าอก มันคือรูที่เกิดจากการเจาะทะลุของลูกศรสีดำด้วยระดับความเร็วอันเหลือเชื่อ

โลหิตสดๆ จำนวนมากพุ่งออกมาจากหน้าอกวานรยักษ์ ถึงแม้มันจะใช้มือที่มีขนาดใหญ่ข้างหนึ่งอุดไว้ แต่เมื่อถูกชายหน้าดำกับปีศาจกระดูกห้อมล้อมโจมตีเช่นนี้มันก็ไม่สามารถยับยั้งไว้ได้ ในที่สุดมันก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา

และหยางเฉียนที่ยิงลูกศรไปหนึ่งดอกกลับทำให้พลังของเขาลดลง ดูเหมือนว่าจะสูญเสียพลังเวทย์ไปไม่น้อย หลังจากที่เขาเก็บธนูกระดูกแล้ว ก็ยังคงควบคุมไอสีดำให้เป็นฝ่ามือเข้าไปโจมตี

ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ปีศาจวานรจะต่อต้านการโจมตีอย่างสุดชีวิต แต่ก็ยังคงค่อยๆ แสดงท่าทีที่ต้านไม่ไหวออกมา

……

ขณะเดียวกัน หุ่นเสือดาวทั้งสามที่จินอวี่ควบคุมก็ถูกปีศาจวานรสีเทาใช้กระบองหินสีขาวที่ผนึกขึ้นมาจากพื้นฟาดเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งจนกระเด็นออกไป โดนเขาไม่สามารถทำการต้านทานใดๆ ได้เลย

ดีที่จินอวี่ควบคุมอยู่ที่ไกลๆ อีกอย่างจำนวนหุ่นก็มีค่อนข้างมาก พวกมันแต่ละตัวกระโจนเข้าใส่ติดต่อกันอย่างไม่กลัวตาย ถึงแม้จะมีรอยแผลเต็มไปทั้งตัวแต่ก็ยังฝืนก่อกวนปีศาจตนนี้ได้

……

ฝั่งของหลิ่วหมิง เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก จนร่างไม่ได้สัมผัสกับวานรยักษ์เลย และคมวายุสีเขียวในมือก็พุ่งยิงติดต่อกันออกไปอยู่ไม่หยุด

ถึงแม้ปีศาจวานรยักษ์สีเทาที่อยู่ไม่ไกลจะคำรามเสียงอยู่ไม่หยุด แต่ภายใต้สถานการณ์ที่มีก้ามยักษ์ทั้งสองกับหางตะขอโจมตีจากพื้นด้านล่างอยู่ตลอด กลับทำให้มันไม่อาจไล่ตามได้ทัน โดนเฉพาะตะขอตรงหลังที่โจมตีจนกลายเป็นเส้นสีดำนั้นรวดเร็วมาก จนทำให้วานรสีเทาเองก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

มันได้แต่จับดินบนพื้นมารวมตัวเป็นหินขนาดเท่าศีรษะขว้างใส่หลิ่วหมิงอยู่ไม่หยุด

แต่ด้วยระดับการหลบหลีกที่ว่องไวของหลิ่วหมิงกับคมวายุที่ถูกปล่อยมาอย่างรวดเร็ว ทำให้หินเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะถูกปัดออกไปอย่างง่ายดายเท่านั้น แต่มันยังถูกคมวายุฟันจนแตกละเอียด

วานรตนนี้ไม่ได้สังเกตว่า ถึงแม้หลิ่วหมิงจะหลบหลีกอยู่ตลอด แต่พื้นที่หลบหลีกนั้นจำกัดอยู่แค่พื้นที่เล็กๆ บริเวณนี้เท่านั้น ทั้งยังมีไอหมอกสีม่วงพุ่งออกมาจากบนพื้นดินบริเวณนั้นอยู่ไม่หยุด ตอนแรกมันมีเพียงแค่เบาบาง แต่ครู่เดียวก็กลายเป็นชั้นหนาๆ ขึ้นมา และเริ่มตลบอบอวลขึ้นไปบนอากาศ

อากาศบริเวณนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวจางๆ

หลิ่วหมิงได้แอบทานโอสถถอนพิษหลายเม็ดไปก่อนหน้านั้นแล้ว ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวไปยังที่อื่นๆ เพื่อหลบหลีกไอพิษอันเข้มข้นนี้

แต่วานรยักษ์สีเทากลับพุ่งเข้าใส่อยู่ไม่หยุด จนสูดดมไอพิษจำนวนมากเข้าไปโดยไม่รู้ตัว

ตัวจินอวี่นั้นเคลื่อนไหวนิ้วทั้งสิบตั้งใจควบคุมหุ่นทั้งสามตัวอยู่ไม่หยุด โดยไม่วอกแวกเลยแม้แต่น้อย

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา พร้อมกับเดินเข้าไปทางด้านจินอวี่ และแมงป่องกระดูกขาวก็มุดลงไปใต้พื้นดินแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

จินอวี่ย่อมเห็นถึงการก้าวเข้ามาของหลิ่วหมิง สีหน้าของเขาดูไม่ได้ขึ้นมา หลังจากที่กัดฟันแล้วเข้าก็กระตุ้นหุ่นให้ดูร้ายกาจกว่าเดิม

ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป!

หลังจากกระบี่สั้นสีเขียวในมือหลิ่วหมิงส่งเสียงดังออกมา แสงกระบี่สีเขียวจำนวนมากก็พุ่งออกไปฟันร่างของปีศาจวานรสีเทาที่ถูกหุ่นสองตัวกับแมงป่องกระดูกขาวจัดการล้มลงบนพื้นจนขาดออกเป็นชิ้นๆ

“ดีมาก! ไม่คิดว่าเจ้าทั้งสองจะทำออกมาได้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้มาก โดยเฉพาะศิษย์น้องไป๋ จุ๊ๆ! แมงป่องกระดูกขาวของเจ้าตนนี้มีความสามารถในการสื่อสารจิตอย่างแท้จริง เกรงว่าศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายโดยทั่วไปก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน” การต่อสู้ข้างๆ ก็เพิ่งจะสิ้นสุดลงเช่นกัน และชายหนุ่มหน้าดำที่กำลังคิดจะเข้ามาช่วยได้เห็นถึงฉากนี้ ก็ตบมือชมเชยด้วยความดีใจ

“ศิษย์พี่อวิ๋นชมเกินไปแล้ว ถึงแม้แมงป่องกระดูกขาวของข้าตนนี้จะเฉลียวฉลาด แต่ไหนเลยจะเทียบกับศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายได้จริงๆ อีกอย่างตอนที่ข้าเข้ามาช่วยนั้น ปีศาจวานรตนนี้ก็หมดพลังไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว บวกกับการร่วมมือกับศิษย์น้องจิน ทำให้จัดการมันได้โดยง่าย

เฮ่อๆ! ที่ข้าพูดถึงไม่ใช่ปีศาจวานรตนนี้ แต่เป็นปีศาจวานรที่เจ้าจัดการด้วยตนเองในก่อนหน้านั้น พิษปีศาจของเจ้าตนนี้ร้ายแรงยิ่งนัก มันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในภายหลังใช่ไหม โดยทั่วไปแมงป่องกระดูกขาวไม่ได้มีพิษรุนแรงเช่นนี้” ชายหน้าดำส่ายหน้ากล่าวออกมา

ครั้งนี้หลิ่วหมิงได้แต่ยิ้มให้โดยไม่ตอบกลับไปแต่อย่างใด

“เอาล่ะ! ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาผ่อนคลาย รีบฟื้นฟูพลังเวทย์กันเถอะ! ถ้าปีศาจวานรสามตนนี้ไม่ได้กลับขึ้นไปบนเขาล่ะก็ ข้าไม่อาจรับรองได้ว่าตัวที่เหลือจะยังเฝ้าอยู่ด้านบน รีบหาที่ซ่อนตัวกันดีกว่า” หยางเฉียนเองก็เดินเข้ามากล่าวเร่งรัด

พอได้ยินคำพูดนี้ คนอื่นๆ ก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมา จินอวี่รีบลงมือจัดการนำเอาถุงน้ำดีออกมาจากศพปีศาจวานร คนอื่นๆ ก็ปล่อยลูกเปลวไฟออกมาเผาศพทั้งสามจนกลายเป็นขี้เถ้า

จากนั้นทั้งสี่คนก็ออกไปจากหุบเขาอย่างไม่ลังเล

สถานที่แห่งนี้กลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง

สองชั่วยามผ่านไป ก็มีเสียงดังฝีเท้าดังสะเทือนเลือนลั่นมาจากนอกหุบเขาอีกครั้ง จากนั้นก็มีเงาร่างเคลื่อนไหว ปีศาจวานรสีทองกับสีเทาสองตนปรากฏตัวตรงปากทางเข้า ปีศาจวานรขนทองตนนั้นสูงไม่เกินจั้งกว่าๆ แต่บนตัวมีเกราะไม้แบบง่ายๆ สวมอยู่ ในมือถือกระบองไม้สีม่วงขนาดเท่าปากถ้วย แสงสีเงินในดวงตาทั้งสองเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด ราวกับว่ามันฉลาดเฉียบแหลมเป็นยิ่งนัก!

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา