หลังจากมีเสียงโครมครามดังมาจากหินขนาดใหญ่ มันก็พร่ามัวกลายเป็นหุ่นตัวนิ่มอีกครั้ง
และพอชายหน้าดำปรากฏตัวก็หยิบกระบองสั้นสีทองออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มันสั่นไหวตามแรงลมก็กลายเป็นกระบองยักษ์ยาวสองจั้งกว่า เขาแผดเสียงและก้าวยาวๆ ไปหาวานรยักษ์สีดำโดยไม่ได้สนใจวานรสีเทาทั้งสอง
ทางด้านหยางเฉียน เขากับปีศาจหัววัวร่วมมือกันต่อสู้กับปีศาจวานรอย่างดุเดือด
ไม่รู้ว่าปีศาจวานรตนนี้ไปหยิบกระบองเหล็กสีดำมาจากไหน ภายใต้การกวัดแหว่งอย่างบ้าระห่ำทำให้เกิดเป็นพายุขนาดใหญ่ในทันที เงากระบองสีดำจำนวนมากทับซ้อนกันจนดูราวกับเขาลูกเล็กๆ กดลงไปจนบีบให้หยางเฉียนกับหัววัวต้องถอยออกโดยไม่กล้าดึงดันเข้าไปแม้แต่น้อย
เสียงดัง “ตู้ม!”
กระบองสีทองเสียบเข้าไปในเงากระบองสีดำ เมื่อทั้งสองสิ่งปะทะกันก็ก่อให้เกิดคลื่นกระแทกออกมา ทำให้ร่างของวานรยักษ์สีดำสั่นไหวแล้วถอยออกไปครึ่งก้าวโดยไม่ได้ตั้งใจ
และชายหน้าดำที่เพิ่งเข้ามาใกล้ก็สุดที่จะทนได้ ความร้อนที่มือทั้งสองทำให้เขาถอยหลังออกไปเจ็ดแปดก้าวโดยไม่รู้ตัว จนเกือบจะปล่อยกระบองในมือหลุดไป
“ปีศาจตนนี้มีพลังมากนัก!” พอชายหน้าดำตั้งตัวได้ก็หลุดปากพูดออกมา
“นี่คือเรื่องจริง! ปีศาจวานรตนนี้มีพลังแข็งแกร่งรองมาจากปีศาจวานรขนทอง ต่อให้พวกเราทั้งสองร่วมมือกันก็ต้องระวังให้มาก” หยางเฉียนกลับทำเสียงฮึดฮัดกล่าวออกมา และตบมือข้างหนึ่งไปยังอากาศด้านหน้า จากนั้นก็มีไอสีดำพวยพุ่งออกมารวมตัวกันจนกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ตบออกไปอีกครั้ง มันขัดขวางปีศาจวานรที่ถือโอกาสไล่ตามชายหน้าดำได้ทันเวลาพอดี
ปีศาจวานรสีดำโมโหเป็นอย่างมาก มันกวัดแกว่งกระบองขึ้นไปบนฟ้า และทุบฝ่ามือสีดำจนแตกกระจายด้วยเสียงดังสนั่นราวกับเสียงฟ้าร้อง
แต่ในระหว่างนี้ ชายหนุ่มหน้าดำที่เพิ่งหายใจได้ทั่วท้องกลับทำท่ามือด้วยมือเดียว หลังจากที่เส้นเลือดจำนวนมากปรากฏขึ้นบนตัวของเขา เสื้อเกราะสีเลือดก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง หนามไม้ไผ่อันแหลมคมสิบกว่าอันเสียบอยู่บนนั้น หลังจากที่พวกมันแทงเข้าไปยังจุดฝังเข็มต่างๆ ร่างของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นมา เขาคำรามเสียงต่ำกวัดแกว่งกระบองสีทองและกระโจนออกไปพร้อมกับปีศาจกระดูกหัววัวร่างมนุษย์ด้วยความโมโห และขัดขวางปีศาจวานรที่คิดจะกระโจนเข้าหาหยางเฉียนไว้ได้
ปีศาจวานรสีดำเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ กระบอกเหล็กในมือถูกกวัดแกว่งอย่างบ้าคลั่ง พายุบริเวณนั้นก็รุนแรงขึ้นมาอีกสามส่วน ภายใต้สถานการณ์สองรุมหนึ่งก็ยังทำให้คู่สู้ทั้งสองต้องถอยอยู่ไม่หยุด
แต่ในขณะนั้นเอง หยางเฉียนกลับหยิบสิ่งของบางอย่างออกมาจากแขนเสื้อ มันคือธนูกระดูกสีขาวขนาดเท่าฝ่ามือ หลังจากที่จับมันโบกไปตามลม มันก็ขยายใหญ่ขึ้นมาครึ่งจั้งท่ามกลางแสงสีดำที่หมุนวน
หยางเฉียนร่ายคาถาออกมา และค่อยๆ ยกธนูกระดูกในมือขึ้น ไอสีดำบริเวณนั้นพุ่งเข้ามาด้านหน้าเขาอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะหมุนติ้วๆ รวมตัวกันตรงสายธนูสีเลือด จากนั้นอักขระสีดำจำนวนมากก็ปรากฏออกมา และกลายเป็นลูกศรสีดำแววแววพร้อมกับเล็งไปยังปีศาจวานรสีดำที่อยู่ไม่ไกล
เสียงดัง “ฟิ้ว!”
พอหยางเฉียนหยุดร่ายคาถา มือทั้งสองก็คลายออกมา ลูกศรสีดำพุ่งออกไปจากคันธนูกระดูกอย่างพร่ามัว
ปีศาจวานรยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปส่งเสียงร้องอย่างเวทนา รูเลือดรูหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าอก มันคือรูที่เกิดจากการเจาะทะลุของลูกศรสีดำด้วยระดับความเร็วอันเหลือเชื่อ
โลหิตสดๆ จำนวนมากพุ่งออกมาจากหน้าอกวานรยักษ์ ถึงแม้มันจะใช้มือที่มีขนาดใหญ่ข้างหนึ่งอุดไว้ แต่เมื่อถูกชายหน้าดำกับปีศาจกระดูกห้อมล้อมโจมตีเช่นนี้มันก็ไม่สามารถยับยั้งไว้ได้ ในที่สุดมันก็เผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา
และหยางเฉียนที่ยิงลูกศรไปหนึ่งดอกกลับทำให้พลังของเขาลดลง ดูเหมือนว่าจะสูญเสียพลังเวทย์ไปไม่น้อย หลังจากที่เขาเก็บธนูกระดูกแล้ว ก็ยังคงควบคุมไอสีดำให้เป็นฝ่ามือเข้าไปโจมตี
ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ปีศาจวานรจะต่อต้านการโจมตีอย่างสุดชีวิต แต่ก็ยังคงค่อยๆ แสดงท่าทีที่ต้านไม่ไหวออกมา
……
ขณะเดียวกัน หุ่นเสือดาวทั้งสามที่จินอวี่ควบคุมก็ถูกปีศาจวานรสีเทาใช้กระบองหินสีขาวที่ผนึกขึ้นมาจากพื้นฟาดเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งจนกระเด็นออกไป โดนเขาไม่สามารถทำการต้านทานใดๆ ได้เลย
ดีที่จินอวี่ควบคุมอยู่ที่ไกลๆ อีกอย่างจำนวนหุ่นก็มีค่อนข้างมาก พวกมันแต่ละตัวกระโจนเข้าใส่ติดต่อกันอย่างไม่กลัวตาย ถึงแม้จะมีรอยแผลเต็มไปทั้งตัวแต่ก็ยังฝืนก่อกวนปีศาจตนนี้ได้
……
ฝั่งของหลิ่วหมิง เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาก จนร่างไม่ได้สัมผัสกับวานรยักษ์เลย และคมวายุสีเขียวในมือก็พุ่งยิงติดต่อกันออกไปอยู่ไม่หยุด
ถึงแม้ปีศาจวานรยักษ์สีเทาที่อยู่ไม่ไกลจะคำรามเสียงอยู่ไม่หยุด แต่ภายใต้สถานการณ์ที่มีก้ามยักษ์ทั้งสองกับหางตะขอโจมตีจากพื้นด้านล่างอยู่ตลอด กลับทำให้มันไม่อาจไล่ตามได้ทัน โดนเฉพาะตะขอตรงหลังที่โจมตีจนกลายเป็นเส้นสีดำนั้นรวดเร็วมาก จนทำให้วานรสีเทาเองก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
มันได้แต่จับดินบนพื้นมารวมตัวเป็นหินขนาดเท่าศีรษะขว้างใส่หลิ่วหมิงอยู่ไม่หยุด
แต่ด้วยระดับการหลบหลีกที่ว่องไวของหลิ่วหมิงกับคมวายุที่ถูกปล่อยมาอย่างรวดเร็ว ทำให้หินเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะถูกปัดออกไปอย่างง่ายดายเท่านั้น แต่มันยังถูกคมวายุฟันจนแตกละเอียด
วานรตนนี้ไม่ได้สังเกตว่า ถึงแม้หลิ่วหมิงจะหลบหลีกอยู่ตลอด แต่พื้นที่หลบหลีกนั้นจำกัดอยู่แค่พื้นที่เล็กๆ บริเวณนี้เท่านั้น ทั้งยังมีไอหมอกสีม่วงพุ่งออกมาจากบนพื้นดินบริเวณนั้นอยู่ไม่หยุด ตอนแรกมันมีเพียงแค่เบาบาง แต่ครู่เดียวก็กลายเป็นชั้นหนาๆ ขึ้นมา และเริ่มตลบอบอวลขึ้นไปบนอากาศ
อากาศบริเวณนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นคาวจางๆ
หลิ่วหมิงได้แอบทานโอสถถอนพิษหลายเม็ดไปก่อนหน้านั้นแล้ว ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวไปยังที่อื่นๆ เพื่อหลบหลีกไอพิษอันเข้มข้นนี้
แต่วานรยักษ์สีเทากลับพุ่งเข้าใส่อยู่ไม่หยุด จนสูดดมไอพิษจำนวนมากเข้าไปโดยไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา