สรุปเนื้อหา ตอนที่ 127 – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
บท ตอนที่ 127 ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
และปีศาจวานรขนทองกลับก้มลงหยิบเอากระบองยักษ์สีดำขึ้นมาจากพื้นดินบริเวณนั้น บนนั้นยังมีรอยเลือดอยู่เต็มไปหมด หลังจากที่มันใช้จมูกดมกลิ่นดูแล้ว ก็แหงนหน้าคำรามออกมาด้วยความโมโห
ขนทั่วทั้งตัวของมันตั้งชันขึ้นมา ร่างของมันขยายใหญ่จนสูงสี่จั้งกว่าๆ และหลังจากที่กระโดดไม่กี่ทีก็มาอยู่บนกองหินที่จินอวี่ซ่อนตัวในก่อนหน้านั้น มือทั้งสองตบลงไปด้านล่างอย่างรุนแรง
เสียงดัง “ตู้ม!” ก้อนหินที่อยู่ในรัศมีหลายจั้งแตกละเอียดไปในพริบตา เศษหินรวมตัวกันบนมือของปีศาจวานรอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็เปลี่ยนเป็นกระบองหินยาวเจ็ดแปดจั้งชี้ขึ้นไปบนฟ้า
วานรยักษ์เพียงแค่ลูบมือทั้งสองไปยังปลายกระบองทั้งสองข้าง กระบองหินก็ดูเกลี้ยงเกลาขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันมันก็เปลี่ยนจากสีขาวเทามาเป็นโลหะสีเงินวาว
ปีศาจวานรขนทองกระทุ้งกระบองสีเงินลงไปบนพื้นอย่างรุนแรง
บังเกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นขึ้นมาทันที กองหินทั้งหมดกลายเป็นหลุมยักษ์ลึกครึ่งจั้ง
วานรยักษ์กวัดแกว่งกระบองไปทั่วทิศทาง จนเกือบจะพังทลายหุบเขาตรงนั้นไปครึ่งหนึ่ง มันถึงได้ลดความโกรธลงไปได้เล็กน้อย จากนั้นร่างของมันก็กลับมามีขนาดเท่าเดิม และโยนกระบองยักษ์ในมือทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะพาวานรสีดำเดินจากไป
พอกระบองยักษ์สีเงินอันนั้นหล่นไปจากมือปีศาจวานรเพียงไม่กี่ลมหายใจ แสงสีเงินบนพื้นผิวก็หายไป และกลับมาเป็นสีขาวเทาดังเดิม
หลังจากที่มีลมพัดผ่านไปเบาๆ มันก็กลายเป็นผุยผงกระจายหายไป
ตอนที่ปีศาจวานรทั้งสองเดินถึงปากทางเข้านั้น ปีศาจวานรขนทองตัวที่อยู่หน้าสุดพลันทำจมูกฟุดฟิด ก่อนที่จะย่อตัวลงไปในทันที เท้าทั้งสองออกแรงอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกระโจนไปยังหินก้อนหนึ่งที่อยู่ตรงบริเวณนั้น
“แย่แล้ว พวกเราถูกพบเข้าแล้ว เผ่นเร็ว!”
พลันมีเสียงหวาดผวาดังมาจากหลังก้อนหิน จากนั้นก็มีเสียงดัง “สวบ!” “สาบ!” เงาร่างของคนสองคนพุ่งออกไปคนละด้านด้วยความรวดเร็วดุจลูกธนู
พวกเขาคือชายหนุ่มสวมชุดนิกายวาตอัตคีสองคน
ประจักษ์ชัดว่าทั้งสองถูกเสียงอันดังในก่อนหน้านี้ดึงดูดให้เข้ามาในหุบเขา แต่พอเห็นพลังอันน่าตกใจของปีศาจวานรขนทองเข้าไหนเลยจะกล้าโผล่หน้าออกมา คิดไม่ถึงว่าปีศาจวานรขนทองตนนี้จะจมูกไวเป็นอย่างมาก จนสามารถค้นพบร่องรอยของพวกเขาได้
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทั้งสองได้แต่วิ่งหนีด้วยความตกใจเท่านั้น
ปีศาจวานรขนทองที่อยู่กลางอากาศกลับคำรามเสียงต่ำออกมา พร้อมกับทุบหมัดใส่คนทั้งสองอย่างรุนแรง
ศิษย์นิกายวาตอัคคีทั้งสองรู้สึกแค่ว่ามีพลังมหาศาลพุ่งมายังด้านหลัง ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีทางเลี่ยง คนหนึ่งทำได้เพียงแต่ขยับตัวหลบไปยังด้านข้าง อีกคนหนึ่งได้เพียงแต่หยุดฝีเท้าหมุนตัวกลับมาฟันกระบี่ตอบโต้กลับไป
เสียงดัง “ตู้ม!” “ตู้ม!”
บังเกิดหลุมยักษ์ขนาดใหญ่ด้านข้างของคนผู้หนึ่ง หลังจากที่มีคลื่นอากาศม้วนตัวออกมา เขาก็ซวนเซจนเกือบจะล้มลงไป
อีกคนเคราะห์ร้ายยิ่งกว่า พอปราณกระบี่ที่ฟาดฟันออกไปปะทะกับพลังมหาศาล ก็กระเด็นกลับมาในทันที
ถ้าไม่ใช่ว่าเขารีบขยี้ยันต์ในมือให้แตกจนกลายเป็นแสงสีเขียวปกป้องตัวไว้ เกรงว่าคงจะถูกฟันออกเป็นสองส่วนแล้ว
แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ตาม พลังมหาศาลที่ตามมาทีหลังก็กระเทือนร่างของเขาจนกระอักเลือดออกมา ร่างของเขากระเด็นออกไปราวกับฟางข้าว
ในขณะนั้นเองปีศาจวานรขนทองกลับบิดตัวเปลี่ยนทิศทางกระโจนออกไปพร้อมกับพายุอันน่ากลัว ครู่เดียวก็มาถึงด้านหน้าชายหนุ่มที่ฟาดฟันปราณกระบี่ออกไป
ศิษย์นิกายวาตอัคคีผู้นี้เพิ่งจะตั้งตัวได้ พอเข้าเห็นฉากนี้ย่อมตกใจจนหน้าถอดสี เขาทำได้เพียงแต่อ้าปากออกมาก่อนที่จะมีลำแสงสีเขียวเส้นหนึ่งพุ่งยิงออกไป ขณะเดียวกันก็ฟาดฟันกระบี่ในมือออกไปอย่างรุนแรง เปลวไฟอันคุโชนม้วนตัวออกจากบนนั้นทันที
ปีศาจวานรขนทองเห็นฉากนี้กลับคำรามออกมาในทันที คลื่นเสียงสีขาวโพลนพุ่งทะลักออกไปทำลายคลื่นเปลวไฟสีเขียวจนแตกกระจาย และยังพลอยสั่นสะเทือนจนร่างของชายหนุ่มด้านหน้าต้องหยุดชะงัก ขณะเดียวกันโลหิตก็ไหลออกมาจากอวัยวะทั้งห้าของเขา
วานรยักษ์เคลื่อนไหวอีกครั้ง พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ด้านหลังของชายหนุ่ม แขนทั้งสองของมันพร่ามัวก่อนที่จะฟาดลงไปบนบ่าทั้งสองของชายหนุ่มอย่างรุนแรง
ศิษย์นิกายวาตอัคคีส่งเรียกร้องดัง “อ๊าก!” และคิดที่จะโต้ตอบกลับไป แต่มันก็สายไปเสียแล้ว
วานรยักษ์ขนทองเพียงแค่ออกแรงที่แขนทั้งสองก็ฉีกชายหนุ่มในมือจนขาดออกเป็นสองส่วน จากนั้นมันก็อ้าปากกัดหัวใจที่ยังเต้นอยู่ไปกว่าครึ่งหนึ่ง
ศิษย์นิกายวาตอัคคีที่เห็นภาพนี้อยู่ไกลๆ ตกใจจนขวัญกระเจิง เขาขยี้ยันต์ที่มีทั้งหมดโดยแทบไม่ต้องคิดอะไร ม่านแสงสามชั้นที่มีสีต่างกันปรากฏออกมาคลุมร่างเขาไว้ในทันที ขณะเดียวกันยังมีอักขระสีเขียวกับสีขาววิ่งเต้นอยู่ที่เท้าทั้งสอง
เสียงดัง “ฟู่” เขากลายเป็นแสงสีเขียวทะยานขึ้นฟ้าไป โดยไม่คำนึงถึงอันตรายที่อาจพบได้จากการพุ่งขึ้นสูงจนเกินไป
ปีศาจวานรขนทองเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้รีบตามไปแต่อย่างใด แต่กลับโยนศพในมือทิ้งไป จากนั้นก็กระโดดไปยังด้านหน้าหินสีดำที่มีขนาดใหญ่ประมาณอ่างน้ำ
ต่อมาพวกเขาก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากอีก แต่กลับตั้งใจกำหนดลมหายใจเข้าฌานต่อ
หลายชั่วยามผ่านไป เมื่อหลิ่วหมิงลืมตาทั้งสองขึ้นอีกครั้ง ก็พบว่าในถ้ำนี้นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีคนอื่นเลย
เขากลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย แต่กลับหยิบขวดเครื่องเคลือบที่เก็บเข้าไปในก่อนหน้านั้นออกมาอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นก็เปิดฝาออกแล้วดมเบาๆ หลังจากที่ดวงตาเขาเป็นประกายก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหยิบโอสถสีขาวออกจากตัวเม็ดหนึ่ง และบีบละเอียดก่อนที่จะเทใส่ลงไปในนั้น
เขาเขย่าขวดเคลือบเบาๆ หลังจากที่กวาดสายตามองเข้าไปข้างในก็พยักหน้าอย่างพอใจ และหยิบกล่องไม้ที่บรรจุถุงน้ำดีของปีศาจวานรออกมา
ผ่านไปสักครู่ เขาฝืนอมถุงน้ำดีสีแดงม่วงของปีศาจวานรที่มีกลิ่นคาวรุนแรงไว้ในปากก่อน จากนั้นก็ดื่มสุราโอสถแล้วกลืนลงไป
เพียงครู่เดียวหลิ่วหมิวก็รู้สึกว่ามีไอร้อนทะลักออกมาบริเวณท้องน้อย เขารีบหลับตาทั้งสองค่อยๆ กลั่นเอาพลังจากมันอย่างไม่รอรี
หนึ่งชั่วยามผ่านไป เขาถึงลุกขึ้นมาพร้อมกับถอนหายใจยาวๆ หลังจากที่ขยับแข้งขยับขาเล็กน้อยก็มีเสียงดังของข้อต่อต่างๆ ดังออกมาเบาๆ
หลิ่วหมิงตาเป็นประกาย เท้าทั้งสองออกแรงเพียงเล็กน้อย ร่างของเขาก็กระโดดลอยขึ้นสูงหลายจั้ง หลังจากที่แขนข้างหนึ่งเคลื่อนไหวจนดูพร่ามัวมันก็จับหินชิ้นหนึ่งบนผนังถ้ำไว้ จากนั้นก็ออกแรงที่นิ้วทั้งห้าเล็กน้อย
เสียงดัง “เพล้ง!” หินที่ดูแข็งแกร่งกลายเป็นผุยผงในทันที
หลังจากหลิ่วหมิงบิดตัว ร่างของเขาก็ลอยลงมาอีกครั้งราวกับไร้น้ำหนัก
“ไม่เลว! พลังเพิ่มมาไม่น้อย แต่ผลลัพธ์ของหญ้าลอยฟ้าที่ทานไปก่อนหน้านั้นก็เหมือนจะเห็นผลได้ชัดเจนขึ้น ถ้าตอนนี้หล่นจากฟ้า ถึงแม้จะไม่ใช้วิชาทะยานเวหาก็คงไม่มีปัญหามากนัก ส่วนด้านความเร็วนั้น…”
หลิ่วหมิงยกมือทั้งสองขึ้นมาสังเกตอย่างละเอียดครู่หนึ่งแล้วก็พูดพึมพำออกมา แต่ตอนพูดถึงประโยคสุดท้ายก็สะบัดไหล่ทันที ร่างของเขากระโจนออกไปจากตำแหน่งเดิมราวกับสายลมอันบางเบา จากนั้นก็มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น เงาร่างพร่ามัวหลายเงาทับซ้อนกันออกมา
พริบตาเดียวก็ราวกับว่ามีหลิ่วหมิงเจ็ดแปดคนปรากฏตัวพร้อมกันในถ้ำ
หลังจากที่เงาร่างทั้งหมดวิ่งไปยังด้านหนึ่งของถ้ำพร้อมกัน มันก็รวมตัวกันออกมาเป็นร่างที่แจ่มชัดของหลิ่วหมิง
……………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา