ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 169

ตอนที่ 169 วัดดิน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ครึ่งวันผ่านไป หลิ่วหมิงไปจากจวนตระกูลไป๋อย่างเงียบๆ และพอเดินออกจากเมืองหลูสุ่ยก็เรียกเมฆเทาเพื่อขี่ไปยังทิศทางบางแห่ง

ส่วนเรื่องยกเลิกการแต่งงานนั้น ย่อมให้ตระกูลไป๋เป็นคนจัดการเอง เพราะถือเป็นเงื่อนไขหนึ่งในข้อตกลง

ส่วนผู้ส่งสาส์นตระกูลมู่ผู้นั้น เขาไม่สนใจที่จะไปพบเลย และก็ไม่อยากเสียเวลาอะไรให้มาก เพราะเขายังมีเรื่องอื่นๆ ที่ต้องทำ

เจ็ดแปดวันผ่านไป หลิ่วหมิงก็ออกไปจากเขตเฟิ่งอวิ๋น และไม่ทราบว่าตอนนี้เขาอยู่ ณ ที่แห่งใด

สองเดือนผ่านไป บนถนนหลักสายหนึ่งที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงเสวียนจิง แคว้นต้าเสวียนไปหลายร้อยลี้ มีทหารเกราะดำสามสิบกว่าคนกำลังคุ้มกันรถม้าสามคันที่ค่อยๆ เคลื่อนไปข้างหน้า

ทหารเกราะดำแต่ละคนต่างก็สวมเสื้อเกราะหนา ถือหอกดาบในมือ ลักษณะเหี้ยมโหด พวกเขาก็คือหน่วยพยัคฆ์ทมิฬอันเลื่องชื่อของแคว้นต้าเสวียนนั่นเอง

ทหารหนึ่งในนั้นมีพู่สีแดงอ่อนติดอยู่บนหมวก และสะพายธนูยักษ์สีเขียวอ่อนอยู่ที่หลัง เขาคือนายกองที่ควบคุมทหารเหล่านี้

ตามกฎแล้วกองทหารหนึ่งกองจะมีทหารประมาณสามสิบคนเท่านั้น แต่พอหน่วยพยัคฆ์ทมิฬตั้งมั่นตามป้อมปราการสำคัญในเมืองที่มีความสำคัญทางด้านยุทธศาสตร์ของแต่ละเขต เพื่อตรวจตราควบคุมความเคลื่อนไหวของทหารและราษฎรในแต่ละพื้นที่ แม้เป็นแค่นายกองธรรมดาก็นับว่าเป็นขุนนางที่มีระดับได้

ตอนนี้หน่วยพยัคฆ์ทมิฬได้เคลื่อนตัวพร้อมกับนายกองเพื่อคุ้มกันรถม้าไม่กี่คัน แสดงว่าคนในรถจะต้องมีความสำคัญเป็นอย่างมาก

“ใต้เท้า ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว พวกเราหาที่พักกันก่อนเถอะ! ไว้เดินทางต่อในวันพรุ่งนี้มะรืนนี้ก็ยังไปเสวียนจิงทัน” ทหารชุดเกราะรูปร่างกำยำที่อยู่ด้านหน้าควบม้ากลับมาหานายกองแล้วกล่าวขึ้นในฉับพลัน

“อืม! เรื่องนี้ข้าย่อมรู้ดี แต่จุดพักม้าที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังอยู่ห่างจากที่นี่สามสิบถึงสี่สิบลี้ เจ้ารีบนำทหารสองคนไปสำรวจข้างหน้าก่อนว่ามีสถานที่เหมาะสมต่อการพักหรือไม่” นายกองผู้นั้นตอบกลับอย่า​งราบเรียบ เขาสวมหมวกเกราะสีดำอยู่จึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาได้

“ทราบ! เฮยหนิว เจ้าเถี่ย พวกเจ้าไปสำรวจข้างหน้ากับข้า” ทหารรูปร่างกำยำตอบรับในทันที จากนั้นก็หันไปเรียกทหารอีกสองคนที่อยู่ด้านหลัง

ทหารสองคนรีบวิ่งออกจากกลุ่มทันที จากนั้นทั้งสามก็ควบม้าห้อเหยียดไปข้างหน้า

“นายกองตู้ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” น้ำเสียงอันมีเสน่ห์ของหญิงที่แต่งงานแล้วดังมาจากรถม้าคันหน้าสุด

“ฮูหยินหมีไม่ต้องกังวล ข้าแค่ให้ลูกน้องสองสามคนรุดหน้าไปหาที่พักก่อนเท่านั้น” นายกองที่สวมหมวกเกราะสีดำกล่าว

“อ๋อ! ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ต้องขอบคุณนายกองตู้ที่คุ้มกันมาตลอดทาง พอถึงเสวียนจิงแล้ว ข้าจะต้องตอบแทนทุกคนอย่างงาม” ดูเหมือนหญิงที่อยู่บนรถม้าจะรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่ยังคงกล่าวด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ

“ขอบคุณน้ำใจของฮูหยิน พวกข้าเพียงแค่ทำตามคำสั่งของใต้เท้าเท่านั้น!” นายกองโค้งตัวเล็กน้อย ดูเหมือนกับว่าเขาไม่อยากพูดอะไรมาก

หญิงบนรถม้าหัวเราะเบาๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรออกมาเช่นกัน

เมื่อกองทหารเดินหน้าต่อไปได้ประมาณหนึ่งเค่อ ก็มีเสียงฝีเท้าม้าดังมาจากข้างหน้า มันคือม้าของทหารรูปร่างกำยำที่กำลังตะบึงเข้ามา

พอมาถึงหน้ากองทหาร เขาก็ดึงบังเหียนขึ้นเพื่อชะลอความเร็วของม้าที่ขี่ให้ลดลง

“ท่านนายกอง มีวัดร้างอยู่ข้างถนนหลักห่างจากที่นี่ไปห้าลี้ ตอนนี้เฮยหนิวกับเจ้าเถี่ยกำลังเก็บกวาดอยู่” พอมาถึงด้านหน้าของนายกอง ทหารรูปร่างกำยำก็กล่าวด้วยความนอบน้อม

“ดีมาก เจ้านำทางไป พวกเราจะไปพักที่นั้นสักคืน” พอนายกองได้ยินเช่นนี้ก็กล่าวออกมาโดยไม่ต้องคิด

ดังนั้นกองทหารทั้งหมดก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพื่อตามทหารรูปร่างกำยำไป

ชั่วเวลาหนึ่งเค่อผ่านไป ทหารทั้งกองก็เดินมาถึงวัดที่สร้างจากดินสีเหลือง และอยู่ห่างจากถนนหลักค่อนข้างไกล

นอกจากมีม้าสองตัวของหน่วยพยัคฆ์ทมิฬอยู่นอกวัดแล้ว ยังมีรถม้าสีดำขนาดเล็กอยู่คันหนึ่ง และยังมีล่อสองตัวถูกผูกไว้กับเสาไม้ด้านนอก มันกำลังก้มหน้าเล็มหญ้าบริเวณนั้นอยู่เงียบๆ

แสงไฟส่องสว่างออกมาจากในวัด และยังมีเสียงคนพูดคุยกันดังมาแว่วๆ

“นี่คืออะไร?” เมื่อนายกองตู้เห็นเช่นนี้ก็ตะคอกใส่ทหารรูปร่างกำยำ

“เรียนท่านนายกอง ตอนที่พวกข้าค้นพบสถานที่แห่งนี้ก็มีคนสองคนอยู่ก่อนแล้ว แต่จากการที่ข้าได้สอบถามมา พวกเขากำลังบากหน้าไปพึ่งญาติพี่น้องที่เสวียนจิง คนหนึ่งเป็นบัณฑิตที่ไม่มีแรงแม้แต่จะมัดไก่ ส่วนอีกคนเป็นแค่เด็กผู้หญิงเท่านั้น” ทหารรูปร่างกำยำรีบก้าวไปข้างหน้าแล้วตอบกลับไปในทันที

“จริงหรือ? เรื่องนี้สำคัญมาก ให้ข้าดูคนทั้งสองก่อนแล้วค่อยว่ากัน” ดูเหมือนว่านายกองตู้จะยังไม่ค่อยไว้วางใจเท่าไหร่ หลังจากที่กล่าวอย่างราบเรียบไปหนึ่งประโยคแล้ว ก็กระโดดลงจากหลังม้า และก้าวยาวๆ เข้าไปในวัดดิน

ภายในวัดสว่างไสวไปด้วยกองไฟใหญ่เล็กสองกอง

ข้างกองไฟขนาดใหญ่มีทหารรูปร่างสูงต่ำสองคนนั่งอยู่ แต่บริเวณกองไฟขนาดเล็กอีกกองกลับมีชายหนุ่มสวมชุดบัณฑิตสีเขียวกับเด็กหญิงผอมแห้งอายุประมาณเจ็ดแปดขวบ

ถึงแม้เด็กหญิงผู้นั้นจะงดงาม แต่ใบหน้ากลับซีดเหลืองและผอมแห้ง ร่างครึ่งหนึ่งของนางกำลังคลอเคลียกับอยู่บนตัวของชายหนุ่มราวกับว่าติดเขามาก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา