ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 170

ตอนที่ 170 การต่อสู้อย่างดุเดือดภายในวัดดิน
โดย
Ink Stone_Fantasy
ดูเหมือนบัณทิตหนุ่มที่อยู่ข้างกองไฟอีกกอง จะรู้สึกตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงอันน่าตกใจนี้ ถึงแม้จะถือคัมภีร์อยู่ในมือ แต่สายตากลับมองไปนอกประตูวัด

เด็กหญิงที่อยู่ข้างตัวเขาก็ช่างใจกล้าไม่น้อย ถึงแม้จะจับชายเสื้อของบัณฑิตหนุ่มไว้แน่น แต่ตาโตๆ ทั้งคู่กลับจ้องมองการเคลื่อนไหวของหน่วยพยัคฆ์ทมิฬด้วยตาที่เป็นประกาย โดยไม่มีสีหน้าหวาดกลัวเลย

พริบตาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ถึงแม้หญิงห้าวผู้นั้นจะไม่ได้กล่าวอะไรออกมา แต่ธนูยักษ์ที่อยู่ข้างกายกลับถูกนางคว้าไว้ในมือ ขณะเดียวกันนางก็วางลูกธนูสีดำสามดอกไว้บนนั้นอย่างรวดเร็ว และจ้องมองไปนอกประตูวัดด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

ขณะนี้นอกจากลูกธนูที่พุ่งเข้ามาอย่างกะทันหันแล้ว ด้านนอกวัดก็เงียบสงบไร้เงาผู้คนปรากฏ

หญิงสาวแซ่ตู้เห็นเช่นนี้ คิ้วของนางก็ค่อยๆ ขมวดขึ้นมา ทันใดนั้นธนูยักษ์ในมือก็ขยับพร้อมกับส่งเสียงดัง “ฟิ้วๆ!” ลูกธนูสีดำทั้งสามดอกพุ่งยิงทะลุหลังคาวัดดินอย่างพร่ามัว

เสียงร้องอย่างเวทนาดังขึ้นสามเสียง จากนั้นก็มีเสียงกลอกกลิ้งไปมาก่อนที่ศพสวมชุดดำสามศพจะร่วงลงมาหน้าวัด

ขณะนี้ มือข้างหนึ่งของหญิงแซ่ตู้คว้าไปยังกระบอกธนูที่อยู่บริเวณนั้น หลังจากที่ธนูยักษ์ในมือสั่นไหว ลูกศรสามดอกก็พุ่งยิงออกไป

แต่เป้าหมายในครั้งนี้กลับเป็นผนังด้านหนึ่งของวัด

ลูกธนูพุ่งเข้าไปในผนังก่อนที่จะมีเสียงร้องอย่างเวทนาดังขึ้นอีกหลายเสียง

“ไม่ดีแล้ว ธนูของหญิงสารเลวผู้นี้เก่งกาจมาก รีบบุกเข้าไปจัดการพวกมันให้หมด” เสียงกระหืดกระหอบของคนผู้หนึ่งดังมาจากด้านหนึ่งของผนังวัด

หญิงแซ่ตู้ตาเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนี้ หลังจากที่ธนูยักษ์ในมือเคลื่อนไหว ลูกธนูสีดำสามดอกก็พุ่งยิงติดต่อกันออกไป

ครั้งนี้ หลังจากที่ลูกธนูทั้งสามพุ่งเข้าไปบนผนัง กลับมีเสียงดัง “ตึ้งๆ!” ไม่คาดคิดว่ามันจะมีอะไรบางอย่างกั้นไว้

จากนั้นก็มีเสียงดัง “โครม!” “โครม!” ผนังวัดทั้งสองด้านแตกร้าวออกมา คนชุดดำเกือบร้อยคนพุ่งออกมาจากช่องที่แตกร้าว หน่วยพยัคฆ์ทมิฬที่เตรียมพร้อมไว้แต่แรกก็พุ่งเข้าไปต่อสู้ทันที

ครั้งนี้หญิงแซ่ตู้ไม่ได้ใช้ธนูยักษ์ฆ่าศัตรู แต่กลับตั้งลูกธนูสามดอกแล้วจ้องมองนอกประตูวัดอย่างเยือกเย็น

“เฮ่อๆ! ได้ยินมานานแล้วว่าหน่วยพยัคฆ์ทมิฬทางเขตหนานไห่ มีนายกองหญิงฝีมือยิงธนูระดับเทพอยู่คนหนึ่ง ทั้งยังเคยสังหารผู้ฝึกปราณมาแล้วด้วย คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็นกับตาตัวเอง ไม่รู้ว่าฝีมือการยิงธนูของเจ้าจะจัดการพี่น้องของเราได้กี่คนกัน?” เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดังเข้ามาจากนอกวัด จากนั้นก็มีเงาร่างเคลื่อนไหวก่อนที่คนสามคนจะเดินออกมาจากความมืดอย่างไร้สุ้มเสียง และเดินมายังประตูวัดด้วยท่าทีหยิ่งยโส

พวกเขาคือชายฉกรรจ์ชุดดำที่มีสีหน้าโหดเหี้ยมจำนวนสามคน

หญิงแซ่ตู้เห็นเช่นนี้ สีหน้าของนางก็ยิ่งเยือกเย็นมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่ธนูยักษ์ในมือส่งเสียงดังออกมา ลูกธนูที่อยู่ในกระบอกก็ค่อยๆ พุ่งขึ้นมาเอง จากนั้นลูกธนูสีดำจำนวนมากพุ่งยิงออกไปราวกับสายฝนกระหน่ำ

ทั้งสามคนดูวางมาดเป็นอย่างมาก แต่พอถูกโจมตีด้วยลูกธนูจำนวนมากเช่นนี้ ก็รู้สึกตกใจไม่น้อย พวกเขาต่างก็ขยับมือข้างหนึ่งก่อนที่จะมีโล่หนังสีเหลืองโผล่ออกมา ขณะเดียวกันแสงสีขาวก็เปล่งประกายออกมาบนนั้น พวกมันคืออาวุธอาญาสิทธิ์ระดับต่ำจำนวนสามชิ้น

ครู่ต่อมา เสียงที่ดังราวกับฝนตกกระทบรั้วไม้ไผ่ก็ดังขึ้นบนโล่ทั้งสามทันที

ถึงแม้ทั้งสามจะเป็นผู้ฝึกปราณขั้นต้น แต่ภายใต้การโจมตีที่ติดต่อกันของลูกธนู ทำให้พวกเขารู้สึกว่าโล่สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนต้องถอยออกไปไม่รู้ตัว

ภายใต้ความตกใจปนโมโห ทำให้พวกพวกเขาไม่สามารถทำการโจมตีกลับได้ชั่วขณะหนึ่ง

แม้ก่อนหน้านั้นพวกเขาจะเคยได้ยินชื่อเสียงของนางมาบ้าง แต่ก็คิดว่าต่อให้นางจะเก่งกาจแค่ไหนก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ไม่คาดคิดว่าอาวุธอาญาสิทธิ์ทั้งสามชิ้นที่พวกเขาร่วมมือกันควบคุมจะถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีจนจนมุม

แต่การโจมตีอันรวดเร็วนี้ ทำให้ลูกธนูข้างตัวหญิงแซ่ตู้หมดไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งสามรู้สึกว่าแรงสั่นสะเทือนบนโล่หนังเบาบางลง ราวกับว่าฝ่ายตรงข้ามหยุดการโจมจีแล้ว จึงทำให้พวกเขารู้สึกดีใจมาก

แต่ในขณะนั้นเอง พลันมีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นจากด้านหลังของทั้งสาม ลูกธนูสีดำขนาดเล็กยาวห้าถึงหกชุ่นพุ่งทะลุท้ายทอยของทั้งสามอย่างรวดเร็ว

ทั้งสามเสียชีวิตภายใต้สถาณการณ์ที่ไม่ทันได้ป้องกัน

หน่วยพยัคฆ์ทมิฬที่กำลังต่อสู้อยู่ในวัดอย่างดุเดือดเห็นเช่นนี้ ก็เปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีอกดีใจ

และถึงแม้คนชุดดำเหล่านั้นจะมีจำนวนมาก แต่สถานการณ์อันน่าตกใจนี้ กลับทำให้พวกเขาตกเป็นเบี้ยล่างจนต้องพากันแสดงท่าทีขี้ขลาดตาขาวออกมา

ฮูหยินหมีที่ถูกหน่วยพยัคฆ์ทมิฬจำนวนมากคุ้มกันอยู่เช่นนี้ ถึงแม้สีหน้านางจะยังซีดขาวเล็กน้อย แต่ก็มีรอยยิ้มเผยออกมาเช่นกัน

“ฮึ! สามคนนี้ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง! ดูท่าคงต้องให้ข้าออกโรงเองแล้ว”

ขณะนั้นเอง พลันมีเสียงแก่หง่อมดังมาจากด้านบนของวัด จากนั้นหลังคาวัดก็แตกกระจายออกมาด้วยเสียงอันดัง เศษกระเบื้องจำนวนมากพุ่งลงมาข้างล่างราวกับสายฝนกระหน่ำ มันปกคลุมฮูหยินหมีและเด็กชายไว้ในนั้น

ทหารหน่วยพยัคฆ์ที่ถือโล่หลายคน ต่างก็รีบยกโล่ขึ้นบังเศษหินที่หล่นลงมากว่าครึ่งหนึ่งด้วยความตกใจ

แต่ขณะนั้นเอง เงาร่างของคนผู้หนึ่งก็พุ่งลงมาข้างล่าง พร้อมกับปะทะมือไปยังแผ่นโล่แต่ละแผ่นอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา