ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 172

สรุปบท ตอนที่ 172: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

อ่านสรุป ตอนที่ 172 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 172 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 172 ขับพิษ
โดย
Ink Stone_Fantasy
ตอนที่หลิ่วหมิงหาเด็กหญิงเจอในบ้านไม้ทรุดโทรมแห่งหนึ่งที่อยู่ในเมือง นางก็ป่วยหนักจนดูเหมือนหายใจรวยรินแล้ว

ถ้าไม่ใช่ว่าแถวนั้นมีขอทานใจดีหลายคนที่ดูแลนาง เกรงว่าหลานสาวของอาเฉียนผู้นี้คงจะจากโลกนี้ไปตั้งแต่อายุยังน้อยแล้ว

ภายใต้ความตกใจ แน่นอนว่าหลิ่วหมิง ย่อมพยายามรักษาอย่างสุดกำลัง แต่กลับค้นพบว่าเด็กหญิงป่วยเป็นโรคประหลาดที่พบเจอได้น้อยมากบนโลกใบนี้ ไม่คาดคิดว่ามันจะกลืนกินพลังชีวิตของเด็กหญิงอยู่ไม่หยุด ราวกับว่านางป่วยเป็นวัณโรคอย่างนั้น

ดีที่ว่าตอนอยู่บนเกาะมฤตยู หลิ่วหมิงเคยเรียนตำราโอสถเกี่ยวกับการรักษาโรคซับซ้อนรักษายากกับคนจำนวนหนึ่งมาไม่น้อย บวกกับที่ตนเองได้พกยันต์และโอสถมาด้วย จึงสามารถระงับอาการป่วยของนางไว้ได้ชั่วคราว และพอประคับประคองไม่ให้อาการของนางทรุดลง แต่ถ้าจะรักษาที่ต้นตอล่ะก็ จำเป็นต้องใช้สมุนไพรจิตวิญญาณที่พบเจอได้น้อยมากบนโลกใบนี้

ดังนั้นเมื่อเขารอจนอาการป่วยของเฉียนหรูผิงดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว คืนนั้นจึงจัดการเผาบ้านญาติที่แย่งเอาทรัพย์สินของลูกชายอาเฉียนไป และยังทิ้งทรัพย์สินเงินทองให้กับเด็กขอทานที่ช่วยดูแลเด็กหญิง จากนั้นจึงได้พาเด็กหญิงไปจากบ้านเกิดมุ่งหน้าเข้าสู่เสวียนจิง

ถึงแม้สมุนไพรจิตวิญญาณที่เขาตามหาจะพบเจอได้น้อยมาก แต่เสวียนจิงใหญ่ขนาดนั้นก็ยังพอมีความหวังที่จะหาเจอได้

อีกอย่าง มันก็ใกล้จะถึงเวลารับภารกิจของเขาแล้ว ไม่อาจเอ้อระเหยลอยชายอยู่นอกเมืองเสวียนจิงต่อไปได้นาน

และในระหว่างทาง เขาได้ใช้หน้ากากพันหน้าเปลี่ยนโฉมตนเองจนมีรูปโฉมดังเช่นตอนนี้ ขณะเดียวกันก็ใช้วิชาเปลี่ยนกระดูกเปลี่ยนรูปร่างให้เตี้ยกว่าก่อนหน้านั้นสองส่วน ทำให้รูปร่างสูงใหญ่ของเขาดูเหมือนคนทั่วไป

ส่วนหลังจากรักษาอาการป่วยของเฉียนหรูผิงจนหายดีแล้วจะทำอย่างไรต่อนั้น เป็นเรื่องที่เขาค่อยคิดในภายหลัง

อย่างน้อยในระหว่างที่อยู่เสวียนจิงนี้ นางจะต้องตามติดเขาอยู่ตลอดเวลา

ตั้งแต่ที่เฉียนหรูผิงได้รับความช่วยเหลือจากหลิ่วหมิง ให้รอดพ้นจากการป่วยหนัก นางก็แสดงออกว่าต้องพึ่งพาอาศัย ‘พี่หมิง’ คนนี้เป็นอย่างมาก แม้กระทั่งตอนนอนหลับยังต้องใช้มือข้างหนึ่งจับชายเสื้อของหลิ่วหมิงไว้ ถึงจะหลับได้อย่างสบายใจ ท่าทีของนางที่ดูเหมือนกลัวว่าตื่นมาจะถูก ‘พี่หมิง’ ทอดทิ้งนั้น แลดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก

หลิ่วหมิงเองก็รู้สึกสงสารเด็กหญิงร่างผอมอ่อนแอ ที่เป็นสายสัมพันธ์ของอาเฉียนคนนี้เป็นอย่างมาก คำขอร้องเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างการเดินทาง เขาก็จำเป็นต้องรับปากนาง แม้กระทั่งบางทีเขายังแสดงวิชาง่ายๆ ทำให้เด็กหญิงหัวเราะ “เอิ๊กอ๊าก!” อยู่ไม่หยุด

เพื่อที่จะดูแลสุขภาพของเฉียนหรูผิง เขาไม่อาจใช้วิชาทะยานเวหาในการเดินทางได้ แต่ตอนที่ออกเดินทาง เขาได้จ้างรถม้าคันหนึ่ง และขับรถม้าพาเด็กหญิงออกเดินทางไปเสวียนจิงด้วยตนเอง

หลิ่วหมิงเองก็คิดไม่ถึงว่า พอใกล้จะถึงเสวียนจิงแล้ว กลับได้มาพบกับหน่วยพยัคฆ์ทมิฬที่ตามล่าจนเขาต้องจนมุมในปีนั้นในวัดดินแห่งนี้ และยังมีฉากการไล่ฆ่าบังเกิดขึ้นอีกครั้ง

ก็เหมือนกับที่เขาได้กล่าวไว้ในตอนแรก ถ้าจูหรูผู้นั้นไม่ลงมือกับเฉียนหรูผิงก่อน เขาก็ขี้เกียจที่ยื่นมือเข้าไปแทรก

เพราะเรื่องแบบนี้มันเกี่ยวพันกับอิทธิพลในเสวียนจิง

ในขณะที่เขาไม่ได้เข้าใจเสวียนจิงอย่างแจ่มแจ้ง ก็ไม่อยากเผยตัวตนศิษย์จิตวิญญาณของตนเองต่อหน้าผู้คนโดยตรง

แน่นอนว่าตอนนี้มันย่อมไม่เหมือนกัน

ในเมื่อเขาได้ยื่นมือเข้าไปแล้ว ก็คิดที่จะยืมอิทธิพลของฮูหยินหมีผู้นี้ เพื่อใช้สถานะผู้ฝึกฝนอิสระเข้าไปในเสวียนจิง

ตามที่เขาทราบมา ทุกปีมีผู้ฝึกฝนอิสระปรากฏตัวอยู่ในเสวียนจิงไม่ใช่น้อย สถานการณ์ปกติคงไม่มีใครสังเกตเห็นได้

ส่วนพิษประหลาดที่เด็กชายได้รับนั้นไม่ใช่ว่ามีไอดำอยู่ตรงระหว่างคิ้วแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะเขาใช้พลังจิตอันแข็งแกร่งกวาดมองร่างกายของเด็กชาย ถึงค้นพบว่าร่างกายภายในเขาผิดปกติ

เพื่อรักษาความลับของตนเอง เขาถึงได้กล่าวออกไปเช่นนั้น

ขณะนี้ หญิงแกร่งได้ดึงเข็มเงินออกจากแขนเด็กชายมาเล่มหนึ่ง ผลลัพธ์คือส่วนล่างของเข็มมีสีดำมืดไปหมด

สิ่งนี้ทำให้ฮูหยินหมีร้องออกมาด้วยความตกใจ

หญิงแกร่งรีบแปะยันต์ไม่กี่แผ่นที่เหลืออยู่ในมือลงบนตัวเด็กชาย

ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป หญิงแกร่งก็ดึงเข็มเงินออกมาอีกเล่ม หลังจากที่เห็นว่าเข็มเงินยังคงเป็นสีดำเหมือนเดิม นางก็ดูหน้าเสียขึ้นมา

สีหน้าฮูหยินหมีกลับเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ หลังจากที่พูดอะไรกับหญิงแกร่งอย่างรวดเร็วแล้ว นางก็หยิบขวดใบเล็กละเอียดอ่อนออกมาจากตัว และเทโอสถสีเขียวหยกออกมาใส่ปากเด็กชาย

ผ่านไปสักครู่ เมื่อนางดึงเข็มเงินออกมาแล้วยังเห็นเป็นสีดำเช่นเดิม ทั้งสองก็รู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก

หลังจากที่ทั้งสองพูดคุยกันเบาๆ ไม่กี่ประโยคแล้ว ก็จูงมือเด็กชายเดินเข้ามาหาหลิ่วหมิง

“คุณชายเฉียน ลูกชายข้ามีพิษประหลาดในร่างกายจริง ข้ากับหงเส่าได้พยายามอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ไม่อาจแก้พิษนี้ได้ เมื่อคุณชายตรวจเจอพิษนี้ได้ คิดว่าจะต้องรู้วิธีแก้พิษด้วยเช่นกัน” ฮูหยินหมีเดินมาถึงหน้าหลิ่วหมิง และกำลังจะพาลูกชายโค้งคำนับเขา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะไม่เก็บเฉลยทั้งสองคนนั้นไว้ เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด ข้าได้แบ่งคนออกเป็นสองกลุ่มคอยระแวดระวังป้องกัน เผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก!” หญิงแซ่ตู้ได้ยินก็ลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวออกมา

“ดี! ทุกอย่างเอาตามที่เจ้าพูด น้องสาว เจ้าก็เหนื่อยมาทั้งคืนแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะ!” ถึงแม้ว่าฮูหยินหมีจะเป็นห่วงเรื่องการขับพิษของลูกชายมาก แต่ยังคงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หญิงแซ่ตู้พยักหน้า และกวาดสายตามองไปยังมุมวัดทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปนั่งข้างกองไฟเงียบๆ

ชั่วเวลาหนึ่งเค่อผ่านไป หลังจากมีเสียงสูดลมหายใจยาวดังออกมา หมอกดำที่เข้มข้นก็ค่อยๆ สลายไปในที่สุด

มือทั้งสองของหลิ่วหมิงอุ้มร่างของเด็กชายอยู่ เขาปรากฏตัวออกมาด้วยสีหน้าที่อ่อยเพลีย

พื้นบริเวณนั้นมีโลหิตพิษสีดำอยู่กองหนึ่ง และมันยังส่งกลิ่นเหม็นจนทำให้คนอยากจะอาเจียนออกมา

“คุณชายเฉียน ลูกชายข้า…” ฮูหยินหมีรีบเดินเข้าไปรับลูกชายกลับมา หลังจากที่เห็นเขายังไม่ฟื้น ก็สอบถามด้วยความกังวล

“วางใจเถอะ! ข้าขับพิษส่วนหนึ่งออกไปแล้ว อย่างน้อยหลายวันนี้พิษที่เหลืออยู่ก็ไม่อาจกำเริบได้” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หงเส่าก้าวเข้าไปสองสามก้าว และใช้เข็มเงินฝังบนแขนของเด็กชายอย่างระมัดระวัง หลังจากที่ดึงมันออกมา ก็พบว่าส่วนที่เข้าไปในเนื้อนั้น มีแค่ไอสีดำจางๆ เท่านั้น นางถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก

ฮูหยินหมีเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกวางใจขึ้นมา และกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยความซาบซึ้งใจ

“ครั้งนีโชคดีมากที่ได้พบเจอกับคุณชาย มิเช่นนั้นต่อให้จะสามารถขับไล่นักฆ่าเหล่านั้นไปได้ แต่ชีวิตลูกชายข้าคงจะหาไม่แล้ว พอถึงเสวียนจิง นอกจากสมุนไพรจิตวิญญาณแล้ว ข้าจะต้องเตรียมของขวัญอย่างอื่นเพื่อตอบแทนท่านอย่างงาม”

“สิ่งของอย่างอื่นช่างมันเถอะ! แต่สมุนไพรจิตวิญญาณที่หลานสาวข้าต้องการจะต้องถึงมือโดยไว นอกจากนี้หลังจากคุณชายขับโลหิตพิษออกมาแล้วร่างกายจะอ่อนแอเล็กน้อย รอฟื้นแล้วลองให้เขาทานของบำรุงเสริมเข้าไปหน่อย แน่นอนว่าไม่ควรให้มากเกินไปในแต่ละครั้ง เพื่อป้องกันการรับไม่ไหวของร่างกาย อีกอย่างการขับพิษเช่นนี้ ต้องทำทุกสามวัน หลังจากหนึ่งเดือนแล้วถึงขับพิษออกไปได้หมด” หลิ่วหมิงส่ายหน้าแล้วกล่าวอย่างราบเรียบ

“ได้! คุณชายวางใจเถอะ! รอกลับถึงเสวียนจิง ข้าจะรีบสั่งให้คนของข้าช่วยคุณชายหาสมุนไพรจิตวิญญาณตัวนั้น แต่เรื่องการขับพิษของลูกข้า ยังต้องขอให้คุณชายช่วยต่อไป” ฮูหยินหมีกล่าวโดยไม่ต้องคิด

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา