ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 177

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 177 เงาดำ
ตอนที่ 177 เงาดำ
โดย
Ink Stone_Fantasy
เงาร่างคนผู้นั้นเห็นเช่นนี้ ก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว สายรุ้งยาวสีแดงเลือดม้วนตัวออกมาในฉับพลัน และพุ่งไปหาเงาโซ่ด้านหลัง

“เต๊ง!” เสียงดังกังวานขึ้น

สายรุ้งสีเลือดปะทะเข้ากับเงาโซ่ มันไม่สามารถฟันเงาโซ่ให้ขาดได้ และยังถูกแสงสีเงินที่เปล่งประกายออกมาปัดกระเด็นออกไป

สร้างความตกใจให้กับเงาร่างนั้นในทันที และหลังจากที่เขาทำท่ามือด้วยมือเดียวจนร่างของเขาส่งเสียงดัง “เพล้ง!” เขาก็เป็นเงาโลหิตพุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มเยาะเย้ยออกมา

ด้วยพลังจิตอันแข็งแกร่งของเขา คนผู้นี้กลับกล้าใช้วิชามายาต่อหน้า ช่างรนหาที่ตายเสียจริง

เขาสะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง เงาโซ่ที่ปกคลุมไปทั่วก็หายไป จากนั้นมันก็กลายเป็นตาข่ายยักษ์สีเงินแวววาวปกคลุมร่างของเงาโลหิตไว้

เงาโลหิตผู้นั้นตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

“สหายอย่าบีบบังคับข้า ไม่อย่างนั้นอย่าโทษที่ข้าจะยอมตายไปพร้อมกับเจ้า”

หลิ่วหมิงได้ยินก็ได้แต่หัวเราะอย่างเยือกเย็น เขากระตุ้นโซ่เงินอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจ ตาข่ายยักษ์ส่งเสียงดังหวึ่งๆ รัดแน่นขึ้น และเปล่งสีเงินออกมามากกว่าเดิม

เงาโลหิตคำรามด้วยความโมโห ทันใดนั้นเขาก็อ้าปากพ่นมุกสีแดงแก่ออกมา หลังจากที่สั่นไหวตามแรงลม มันก็ขยายขนาดเท่าปากถ้วย และพุ่งไปยังตาข่ายยักษ์สีเงินอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเขาก็สะบัดแขนเสื้ออีกครั้ง เพื่อปล่อยโล่ขนาดเล็กสีเขียวจางๆ ออกมา

ครู่ต่อมามุกสีม่วงก็ปะทะเข้ากับตาข่ายยักษ์ แล้วระเบิดตัวกลายเป็นเปลวไฟคุโชนสีม่วงด้วยเสียงอันดัง

เปลวไฟในตาข่ายยักษ์ดูคล้ายดอกบัวสีม่วงขนาดใหญ่ ทั้งยังหมุนติ้วๆ จนทำให้เปลวไฟสีม่วงลุกไหม้กระพือฮือโหมมากกว่าเดิม พื้นที่บนอากาศกลายเป็นสีแดง

เมื่อหลิ่วหมิงเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ ใจเขาก็รู้สึกเย็นสะท้านเล็กน้อย ฝ่ายตรงข้ามสมกับเป็นศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลาย ที่พอมีท่าไม้เด็ดไม้ตายอยู่บ้าง แต่ถ้าคิดว่าเปลวไฟแค่นี้สามารถทำลายโซ่ปราบปีศาจได้ล่ะก็ คิดผิดแล้วล่ะ

พลังอย่างอื่นของโซ่เงินนี้ไม่ต้องพูดถึง ลำพังแค่ความแข็งแกร่งของมัน เกรงว่าแม้แต่อาวุธจิตวิญญาณระดับสูงก็ไม่อาจเทียบได้

แต่ฝ่ายตรงข้ามปล่อยอานุภาพออกมามากขนาดนี้ เกรงว่าอีกไม่นานผู้ฝึกปราณคนอื่นคงจะมาสืบหามูลเหตุอย่างแน่นอน ซึ่งเขาไม่อยากจะพัวพันกับฝ่ายตรงข้ามไปมากกว่านี้อีกแล้ว

หลิ่วหมิงคิดใคร่ครวญอยู่ในใจ และกระตุกข้อมือในทันที ทันใดนั้นพลังเวทย์ภายในร่างเขาก็ทะลักออกมาราวกับสายน้ำ และพุ่งไปยังโซ่ปราบปีศาจอย่างบ้าคลั่ง

ครู่ต่อมา ตาข่ายยักษ์ที่กลายร่างมาจากโซ่เงินก็ส่งเสียงดังหวึ่งๆ อักขระสีเงินจางๆ จำนวนมากปรากฏออกมาบนพื้นผิวของมัน เงาโซ่จำนวนมากรัดแน่นมากขึ้น

ดอกบัวอัคคีสีม่วงถูกโซ่เงินที่ถักทอกันแต่ละเส้นรัดพันไว้อย่างแน่นหนา หลังจากที่มันถูกบีบอัดมากขึ้น มันก็สลายกลายเป็นสะเก็ดไฟก่อนที่จะดับไป

เงาโลหิตที่หลบอยู่ใต้เปลวไฟสีม่วงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก เขาบิดตัวเพื่อที่จะแสดงความสามารถในการหลบหลีกขั้นเทพ แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว

ภายใต้การเปล่งประกายของโซ่เงิน มันหวดเข้าใส่เขาโดยไม่ทันตั้งตัว แม้แต่แสงสีเลือดที่ปกคลุมร่างอยู่ก็แตกกระจายออกมาเป็นชิ้นๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา

เขาเป็นชายชราชุดขาวอายุราวๆ ห้าสิบกว่าปี ดวงตาทั้งคู่กลับกลอกไปมา ใบหน้าปลิ้นปล้อนเป็นอย่างมาก

ขณะนี้เงาโซ่ที่ปกคลุมไปทั่วทุกทิศได้เปล่งประกายออกมา และรัดพันร่างเขาไว้อย่างแน่นหนา

หลิ่วหมิงดึงโซ่เงินอย่างแรง เพื่อลากชายชราเขามาด้านหน้า แต่ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากพูดอะไรออกมานั้น ดันเหลือบไปเห็นอักขระสีเลือดแปลกประหลาดบนใบหน้าของชายชรา สิ่งนี้ทำให้สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปในทันที เขาขยับแขนปล่อยหมัดโจมตีชายชราจนกระเด็นออกไปหลายจั้ง

เสียงดัง “ตู้ม!”

ร่างชายชราที่ถูกโซ่สีเงินรัดพันอยู่ระเบิดออกมาเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อให้เกิดเป็นหมอกสีเลือดที่ปกคลุมพื้นที่ราวๆ สามสี่จั้ง

ถ้าไม่ใช่ว่าหลิ่วหมิงมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็ว เกรงคงจะตกอยู่ในหมอกโลหิตเหล่านั้น

ถึงแม้จะไม่รู้ว่าหมอกโลหิตเหล่านี้มีอานุภาพร้ายแรงเพียงใด แต่คิดว่ามันคงไม่ธรรมดา

หลังจากที่ชายชราระเบิดตัวออกมาแล้ว สิ่งของบนตัวเขาก็อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น ต่อให้หลิ่วหมิงอยากจะสืบสาวราวเรื่อง ก็ไม่มีเบาะแสให้สืบหาแล้ว

ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยนั้น เขาก็หันไปมองที่ไกลๆ ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป

มีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังมาจากท้องฟ้าทางด้านเสวียนจิง และมองเห็นอย่างรำไรว่ามีคนขี่เมฆเหาะมาทางนี้ด้วยความรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา