เดิมทีทั้งสองไม่เพียงแต่จะฝึกฝนเคล็ดวิชาของเผ่าเจ้าสมุทรเท่านั้น ทั้งยังชำนาญวิชาประสานพลัง ต่อให้เผชิญกับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก ก็ยังสามารถป้องกันตัวได้อย่างเหลือเฟือ
แต่ดันมาเจอกับผู้ที่สามารถควบคุมได้ทั้งแมงป่องกระดูกขาว และหัวบินอย่างหลิ่วหมิง
เดิมทีทั้งสองสิ่งนี้ ต่างก็มีวิธีการโจมตีที่แปลกประหลาด พลังก็เหนือกว่าศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายสมบูรณ์แบบโดยทั่วไป และยังมีหลิ่วหมิงคอยจ้องเขมือบอยู่ข้างๆ
เท่ากับว่าพวกเขาสองคน ถูกศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายสมบูรณ์แบบสามคน ล้อมโจมตี
และในตอนแรกพวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจหลิ่วหมิง นอกจากพวกเขาจะได้ประสานพลังแสดงวิชาป้องกันตัวตอนแรกแล้ว ตอนหลังก็ถูกหัวบินกับแมงป่องกระดูกขาวโจมตี จนไม่ทันได้แสดงวิชาอื่นๆ ออกมารับมือ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจึงถูกหลิ่วหมิงคว้าโอกาสนี้ ใช้เข็มเงาหยกลอบโจมตี แล้วมันจะไม่พ่ายแพ้จนเสียชีวิตอย่างรวดเร็วได้อย่างไร
หลิ่วหมิงมองไปยังท่อนล่างที่เป็นหางมัจฉาของทั้งสอง แล้วก็ขมวดคิ้วกล่าวออกมา
“ไม่คิดว่าจะเป็นเผ่าเจ้าสมุทร? ครั้งนี้คงเกิดเรื่องยุ่งยากเข้าแล้วจริงๆ”
แม้เขาจะกล่าวเช่นนี้ แต่กลับเคลื่อนตัวไปที่ข้างศพทั้งสอง และก้มตัวลงค้นร่างของพวกเขาไปหนึ่งรอบ ผลลัพธ์คือไม่เพียงแต่จะได้เปลือกหอยสีเงิน ธงเล็กสีฟ้า กับกระบองสั้นสองอัน แต่ยังค้นเจอถุงหนังสองใบ กับขวดโอสถจำนวนมาก และมุกสีดำไม่ทราบชื่อเม็ดหนึ่ง
หลิ่วหมิงเลือกขวดโอสถออกมาหลายใบ แล้วเปิดจุกขวดแต่ละใบ ก่อนนำมาดมเบาๆ จากนั้นก็ปัดขวดสามใบออกไป และหยิบอีกสองใบที่เหลือกลับไปหาหูชุนเหนียง
ขณะนี้หญิงสาวยังคงหมดสติอยู่ในม่านแสง และลมหายใจแผ่วเบากว่าก่อนหน้านั้นมาก
ใจหลิ่วหมิงเย็นยะเยือกลงในทันที เขาเคลื่อนไหวเข้าไปในม่านแสงโดยไม่มีสิ่งใดมาขัดขวาง
พอสะบัดข้อมือ แสงเย็นสะท้านก็เปล่งประกายออกมา!
เขาใช้กระบี่สั้นกรีดข้อมือหญิงสาวจนเป็นแผลยาวชุ่นกว่าๆ สองแผล และโลหิตสีดำก็ไหลออกมาในทันที
หลิ่วหมิงเทโอสถสีเหลือง และสีแดงออกมาจากขวดทั้งสองอย่างละเม็ด หลังจากที่บีบจนละเอียดแล้ว ก็แยกกันโรยลงบนปากแผลทั้งสอง จากนั้นก็จ้องมองตาไม่กะพริบ
ผ่านไปไม่นาน แผลที่ถูกผงโอสถสีเหลืองปกคลุมอยู่ ก็ยังมีโลหิตสีดำค่อยๆ ไหลออกมา โดยไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย และโลหิตสีดำที่ถูกผงโอสถสีแดงปกคลุมอยู่ก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมา ขณะเดียวกันกันกลิ่นคาวเลือดก็เบาบางลงไปอย่างรวดเร็ว
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขารีบควักยันต์ผืนหนึ่งออกมาทันที หลังจากที่แปะลงบนข้อมือของหญิงสาวแล้ว บาดแผลทั้งสองก็ค่อยๆ ผสานเข้าหากันท่ามกันแสงสีเขียวจางๆ
ในขณะเดียวกัน เขาก็เทโอสถสีแดงออกมาเม็ดหนึ่ง แล้วยัดเข้าไปในปากของนาง และทำให้นางกลืนลงไป
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป ลมหายใจของหูชุนเหนียงก็คงที่ ขณะเดียวกันริมฝีปากดำคล้ำก็ดูเหมือนจะจางลงไปเล็กน้อย
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงได้รู้สึกวางใจขึ้นมา
เขาเก็บขวดโอสถเข้าไปทันที และหมุนตัวเดินออกมาจากม่านแสง จากนั้นก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นปล่อยลูกเปลวไฟเผาร่างของชายหนุ่มใบหน้างดงาม จนกลายเป็นขี้เถ้าในทันที
แต่พอเขาคิดที่จะใช้วิธีเดียวกัน จัดการกับร่างของชายร่างเตี้ยแคระ ก็พลันนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้
หลิ่วหมิงดึงกระบี่สั้นออกมาจากแขนเสื้อ ทันทีที่แสงเย็นสะท้านเปล่งประกายออกมา เขาก็ตัดร่างของชายร่างเตี้ยในส่วนที่เป็นหางมัจฉาออก
จากนั้นก็ก้าวไปด้านหน้า และหยิบยันต์เก็บของที่ใช้ได้เพียงครั้งเดียวออกมาจากอก พอเขาโบกมันไปทางหางปลา มันก็กลายเป็นแสงสีขาวดูดหางปลาเข้าไปในนั้น
เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาถึงมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมา เขายกมืออีกข้างปล่อยลูกเปลวไฟเผาซากศพที่เหลือจนกลายเป็นขี้เถ้า
แต่พอเขาหันตัวเพื่อจะเดินไปยังศาลาหินนั้น สีหน้าเขาก็พลันเปลี่ยนไป และหันไปยังด้านหนึ่งของป่าไผ่ด้วยสีหน้าแปลกใจ
“มีคนมาอีกแล้วหรือ? ดูท่าจะพุ่งมาทางนี้ด้วย นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่ามีคนวางอะไรไว้บนตัวหูชุนเหนียง?”
หลิ่วหมิงกล่าวพึมพำไปไม่กี่ประโยค จากนั้นก็เคลื่อนไหวอย่างพร่ามัว แล้วมาปรากฏตัวตรงหน้าหญิงสาว ขณะเดียวกันก็ชี้นิ้วไปในอากาศ
ม่านแสงที่ปกคลุมหญิงนางนี้อยู่ หายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลิ่วหมิงก้มตัวนำหญิงสาวมากอดไว้ และควักยันต์สีเหลืองออกมาผืนหนึ่ง หลังจากที่ความเจ็บปวดเผยออกมาบนใบหน้า เขาก็แปะยันต์ลงบนตัว
“ฟู่!” ยันต์ระเบิดออกมา อักขระสีเหลืองจำนวนมากทะลักออกมาจากในนั้น พริบมาเดียวมันก็ห่อหุ้มหลิ่วหมิงกับหญิงสาวไว้
เขาทำท่ามือด้วยมือเดียว หลังจากที่แสงสีเหลืองเปล่งประกายขึ้นที่ใต้เท้า ร่างของเขากับหูชุนเหนียงก็จมหายเข้าไปใต้ดินอย่างไร้ร่องรอย
นี่คือยันต์ดำดินที่เขาซื้อมาเกือบพันหินจิตวิญญาณ
ถึงแม้มันจะแสดงผลลัพธ์ได้ไม่นาน และเมื่อลงไปใต้ดินแล้ว ก็ไม่อาจเคลื่อนไหวได้เร็วมากนัก ขณะเดียวกันยังมีข้อเสียอื่นๆ อีกมาก แต่นำมาใช้ในเวลาเช่นนี้ นับว่าเป็นวิธีการหลบหนีศัตรูได้ดีที่สุด
ขณะที่หลิ่วหมิงดำลงดินพร้อมกับแสงสีเหลืองที่ปกคลุม และพาหญิงสาวค่อยๆ เคลื่อนไหวไปนั้น สุนัขจิ๋วสีเหลืองทองตัวหนึ่งก็กระโจนเข้ามาจากป่าไผ่ หลังจากที่มันส่งเสียงออกมา เงาร่างคนเจ็ดแปดคนก็ตามติดเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา