แม้ว่าเขาเขาเซียนทอแสงจะมีหน่วยลาดตระเวนที่เป็นผู้ฝึกปราณ แต่สำหรับหลิ่วหมิงแล้ว การหลีกเลี่ยงพวกเขาเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าวต่อมา หลิ่วหมิงก็พาหูชุนเหนียงกลับถึงถ้ำของตนเอง
เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด ก่อนเข้าถ้ำ เขาให้แมงป่องกระดูกขาวเฝ้าอยู่ด้านนอก ถ้ามีอะไรเข้ามาใกล้ล่ะก็ ให้รีบแจ้งเขาในทันที
ตอนที่เขากลับมานั้น เฉียนหรูผิงก็หลับฝันหวานอยู่ในห้องของนางแล้ว
หลิ่วหมิงย่อมไม่ทำให้เด็กหญิงตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ เขาพาหญิงสาวมุ่งตรงมายังห้องนอนเขาทันที หลังจากวางนางลงบนเตียง ก็สำรวจดูนางอยู่หลายที
หูชุนเหนียงในตอนนี้ รอยดำคล้ำบนริมฝีปากได้หายไปหมดแล้ว ขณะเดียวกันรอยแดงเข้มบนใบหน้าก็หายไปด้วยเช่นกัน
แต่พอหลิ่วหมิงจ้องมองอย่างละเอียดอยู่ครู่หนึ่ง ก็พลันขมวดคิ้วกล่าวออกมา
“ศิษย์พี่หู ในเมื่อท่านฟื้นแล้ว ก็ไม่ต้องแสร้งทำเป็นหลับอีกต่อไป”
“อิๆ! ศิษย์น้องรู้ได้อย่างไรว่าข้าฟื้นแล้ว” หญิงสาวที่ดูเหมือนไม่ได้สติ ค่อยๆ เปิดเปลือกตาออกมา และหัวเราะเบาๆ
“ในระหว่างที่มา ข้ามัวแต่ระแวดระวังไม่ให้ศัตรูตามติดมาได้ ดังนั้นจึงไม่พบความผิดปกติใดๆ ของศิษย์พี่ แต่พอมาถึงที่นี่แล้ว ถ้าศิษย์พี่ยังแกล้งหมดสติอยู่ล่ะก็ จะรอดพ้นสายตาข้าไปได้อย่างไร แต่จะว่าไปแล้ว ศิษย์พี่ฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือ?” หลิ่วหมิงถอนหายใจก่อนกล่าวออกมา
“ก็ตั้งแต่ตอนที่เจ้าใช้มือทำอะไรแปลกๆ บนตัวข้าตามอำเภอใจ ทำให้ข้าตกใจจนฟื้นขึ้นมา” หูชุนเหนียงจ้องหน้าหลิ่วหมิง และกล่าวออกมา ก่อนที่จะมองค้อนปะหลับเหลือก
“เห้อ! ขอศิษย์พี่อย่าได้ถือสา! ข้าเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพื่อป้องกันการตามฆ่าของคนกลุ่มนั้น ข้าถึงได้ทำเช่นนี้” หลิ่วหมิงได้ยิน ก็กล่าวออกมาด้วยสีหน้าเคอะเขิน
“ข้าย่อมเข้าใจเหตุผลนี้ดี มิเช่นนั้นหลังจากที่ข้าฟื้นขึ้นมา คงไม่ปราณีเจ้าแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ข้าก็ถูกเจ้าเอาเปรียบไปแล้วทีหนึ่ง ศิษย์น้องควรจะชดเชยให้ข้าสักหน่อย!” หูชุนเหนียงยังคงจ้องมองหลิ่วหมิงตาไม่กะพริบ และกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนกับยิ้ม
“ศิษย์พี่หูจะให้ข้าชดเชยอะไร?” หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย
“ชื่อจริงของศิษย์น้องคือไป๋ชงเทียนใช่ไหม?” หูชุนเหนียงไม่ได้ตอบตรงๆ แต่กลับถามออกมาหนึ่งประโยค
“ดูท่าศิษย์พี่คงไปสืบสถานะข้าจากนิกายมาแล้ว” หลิ่วหมิงฟังถึงจุดนี้ ก็คิ้วขมวดขึ้นมา
“ผู้ที่เป็นศิษย์แกนนำคนใหม่ และยังรอดชีวิตจากแดนลึกลับมาได้อย่างปลอดภัย ในนิกายปีศาจ นอกจากศิษย์ชีพจรจิตวิญญาณพสุธา ที่กำลังเก็บตัวเตรียมทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณแล้ว ข้าก็คิดไม่ออกว่าจะยังมีใคร ที่มีพลังอันน่าตกใจอย่างศิษย์น้องไป๋” หูชุนเหนียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่อศิษย์พี่สืบมาแล้ว ข้าย่อมไม่จำเป็นต้องปฏิเสธอะไร ข้าคือ ‘ไป๋ชงเทียน’ ตามที่ท่านพูดถึงจริงๆ” หลิ่วหมิงตาเป็นประกาย และยอมรับตามตรง
“อ๋อ! ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ ใบหน้าของศิษย์น้องในตอนนี้คงไม่ใช่ใบหน้าที่แท้จริงใช่ไหม ให้ศิษย์พี่ดูหน่อยได้หรือไม่?” หลังจากหูชุนเหนียงเห็นหลิ่วหมิงยอมรับแล้ว ก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“หน้าตาที่แท้จริงของข้า ไม่ใช่ความลับอะไร ถ้าศิษย์พี่อยากเห็นล่ะก็ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ!” ครั้งนี้หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อย แล้วก็ค่อยๆ พยักหน้า
จากนั้นเขาก็ทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ลูบไปบนใบหน้า
ต่อมาก็มีเสียงดังกรอบแกรบในร่างของเขา ขณะเดียวกันใบหน้าก็ดูพร่ามัว และกลายเป็นใบหน้าปกติของชายหนุ่มที่ค่อนข้างขาวซีดเล็กน้อย ดูแล้วอายุน้อยกว่าบัณฑิตก่อนหน้าเจ็ดถึงแปดปี
“นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของศิษย์น้องไป๋หรอกหรือ ดูธรรมดามากเลย” หูชุนเหนียงเดินวนรอบตัวหลิ่วหมิงไปมาหลายรอบ และวิจารณ์รูปร่างของเขา
หลิ่วหมิงฟังแล้วก็พูดไม่ออก ได้แต่ทำตามองบนแล้วพูดออกไปตรงๆ
“ข้าเผยใบหน้าที่แท้จริงให้ท่านดูแล้ว ศิษย์พี่ก็ควรจะเปิดเผยใบหน้าของท่านให้ข้าดูบ้าง มิเช่นนั้นไม่เท่ากับว่าข้าเสียเปรียบหรอกหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา