ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 24

สรุปบท ตอนที่ 24 เคล็ดวิชากระดูกดำ: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอน ตอนที่ 24 เคล็ดวิชากระดูกดำ จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 24 เคล็ดวิชากระดูกดำ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

“รอยต่อกระดูกดูปกติ ยังต้องรอการเติบโต เส้นเอ็น กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นและหนาแน่นเป็นพิเศษ ดูเหมือนกับเคยผ่านการฝึกฝนมาโดยเฉพาะ แต่ว่าภายในร่างกายมีร่องรอยฉีกขาดหลายแห่ง ถ้าเจ้าอยากจะหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ตามมาในภายหลัง ทางที่ดีเมื่อมีแต้มคุณูปการแล้วรีบนำไปแลก ‘โอสถรักษาเส้นเอ็น’ สักสองสามขวดมารักษา ชีพจรแต่ละจุดค่อนข้างแข็งแรง สามารถรองรับพลังภายในได้มากกว่าเด็กที่อายุเท่าเจ้า เอ๋! ทะเลจิตวิญญาณของเจ้าดูแปลกประหลาดจัง ดูเหมือนจะหนาแน่นกว่าศิษย์ทั่วไป เหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์สามชีพจรจิตวิญญาณควรจะมี” ผู้อาวุโสร่างท้วมตบตามร่างกายของหลิ่วหมิงไปด้วย ปากก็พูดพึมพำไปด้วยไม่หยุด แต่พอพูดถึงประโยคสุดท้าย ก็ชะงักมือทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

หลิ่วหมิงอาศัยโอกาสนี้บิดตัวออกห่างจากฝ่ามือของผู้อาวุโสร่างท้วม และถามด้วยความแปลกใจ

“อาจารย์อาหร่วน ทะเลจิตวิญญาณของศิษย์ไม่เหมือนกับศิษย์คนอื่นหรือ?”

“ก็ใช่ว่าจะไม่เหมือนกัน เพียงแต่ระดับความหนาแน่นของทะเลจิตวิญญาณระดับนี้จะปรากฏแค่ในกายของศิษย์ที่มีเก้าชีพจรจิตวิญญาณเท่านั้น และเจ้าก็มีเพียงสามชีพจรจิตวิญญาณ หรือว่าเจ้ากำลังเล่นละครอะไรตบตาข้า?” ผู้อาวุโสร่างท้วมจ้องมองหลิ่วหมิง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ศิษย์จะกล้าตบตาอาจารย์อาได้อย่างไร ศิษย์มีสามชีพจรจิตวิญญาณจริงๆ แต่ตอนที่ศิษย์ทะลวงเข้าสู่ทะเลจิตวิญญาณได้ใช้วิธีการบางอย่าง ดังนั้นถึงทะเลจิตวิญญาณจึงไม่เหมือนกับศิษย์คนอื่นๆ กระมัง” หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อย แล้วตอบกลับออกไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง

“วิธีการอะไร ไหนลองเล่าให้ข้าฟังซิ” ผู้อาวุโสร่างท้วมได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที

“ตอนที่ก่อรูปทะเลจิตวิญญาณ ศิษย์ใช้พลังจิตในการทำพลังภายในให้เป็นเส้นๆ จากนั้นก็นำมาถักทอพันเข้าด้วยกัน” หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อยแล้วคิดว่าไม่มีอะไรต้องปิดบัง จึงค่อยๆ กล่าวออกไป

“อะไรนะ พลังจิตของเจ้าสามารถควบคุมพลังภายในได้? ทำเรื่องแบบนี้ได้ แสดงว่าพลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งมาก?” พอผู้อาวุโสร่างท้วมได้ฟังแล้วก็ แสดงสีหน้าตกใจขึ้นมา

“ใช่แล้ว พลังจิตของศิษย์แข็งแกร่งกว่าคนอื่นนิดหน่อย” หลิ่วหมิงค่อยๆ พยักหน้าตอบรับ

“สามชีพจรจิตวิญญาณ แต่มีพลังจิตเหนือกว่าคนโดยทั่วไป! จุ๊ๆ! เคล็ดวิชานั้นน่าจะเหมาะกับเจ้าที่สุด” ผู้อาวุโสร่างท้วมเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาพินิจดูหลิ่วหมิงสักครู่ ปากก็อุทานออกมาด้วยความแปลกใจ

“เคล็ดวิชานั้น? หรือว่าความหมายของอาจารย์อาคือวิชานั้นไม่อยู่ในสิบสามวิชาพื้นฐาน” พอหลิ่วหมิงจับความหมายของผู้พูดได้ ก็รู้สึกตื่นตะลึงขึ้นมาทันที

“ดูตามคุณสมบัติของเจ้าแล้ว ข้าให้ทางเลือกเจ้าสองทาง ทางเลือกแรกคือ ‘วิชามายาสุริยัน’ หรือ ‘เคล็ดจิตวิญญาณปีศาจ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสามวิชาพื้นฐาน แต่ทั้งสองวิชานี้ไม่ใช่วิชาสำคัญของสาขาเก้าทารก ต่อไปในอนาคตถ้าอยากเปลี่ยนไปเรียนวิชาในระดับที่สูงขึ้นไป อาจจะค่อนข้างยุ่งยากสักหน่อย สำหรับวิชาอื่นในสิบสามวิชาพื้นฐานก็ไม่เหมาะกับเจ้า ถ้าหากรั้นไปฝึกฝนล่ะก็ จะสิ้นเปลืองพลังจิตของเจ้าเป็นอย่างมาก ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นล่ะก็ เมื่อผ่านไปสักสามสิบสี่สิบปีก็จะเป็นเหมือนเพื่อนสองคนก่อนหน้านั้นที่ไม่แน่ว่าจะสามารถฝึกฝนไปจนถึงระดับขั้นปลายของจิตวิญญาณได้ไหม แม้กระทั่งชาตินี้อาจจะติดอยู่ที่ขั้นกลางก็ได้ ทางเลือกที่สองคือวิชาที่นอกเหนือจากสิบสามวิชาพื้นฐาน วิชานี้พิเศษมาก ถ้าอยากจะฝึกฝนล่ะก็ต้องมีเงื่อนไขสองข้อ ข้อแรกคือต้องมีพลังจิตที่เหนือกว่าคนธรรมดาเป็นอย่างมาก อีกข้อคือผู้ที่ฝึกฝนต้องเป็นผู้ที่มีสามชีพจรจิตวิญญาณ และเจ้าก็เข้าข่ายเงื่อนไขทั้งสองข้อ” ผู้อาวุโสร่างท้วมกล่าว

“ในเมื่ออาจารย์อากล่าวเช่นนี้ ข้าน้อยขอดูเคล็ดวิชาทั้งสามวิชานี้ก่อนค่อยตัดสินใจ” หลิ่วหมิงฟังจบแล้วก็กล่าวกลับไปด้วยสีหน้าลังเล

“ย่อมไม่มีปัญหา” ผู้อาวุโสร่างท้วมเอานิ้วทำท่ามือแล้วชี้ไปยังแท่นหินทั้งสาม

หลังจากเสียงดัง “เพล้ง!” “เพล้ง!” “เพล้ง!” แล้วแสงที่ปกคลุมแท่นหินทั้งสามแตกกระจายออกไป คัมภีร์หนังสองเล่มลอยออกมาจากกองคัมภีร์ไม่ไผ่สีดำ ทั้งหมดลอยลงมาค้างอยู่ด้านหน้าของหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงยกมือขึ้นหยิบคัมภีร์หนังเล่มสีเหลือง ในคัมภีร์นั้นมีอักขระสีแดงอมม่วงเขียนติดว่า ‘คัมภีร์มายาตะวัน” เขาเปิดมันขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด

แต่เขาดูแค่ไม่กี่หน้า ก็ม้วนส่งกลับที่เดิมโดยไม่กล่าวอะไรออกมา จากนั้นยกแขนขึ้นหยิบคัมภีร์หนังอีกม้วนที่เขียนด้วยอักขระสีเงินว่า ‘เคล็ดจิตวิญญาณปีศาจ’ ลงมา แล้วอ่านแบบเดิมอย่างละเอียด

ครั้งนี้เขาอ่านดูสิบกว่าหน้าแล้วถึงม้วนกลับส่งคืนที่เดิม และลังเลเล็กน้อยเหมือนกับคิดอะไรอยู่ แล้วหันไปกล่าวกับผู้อาวุโสร่างท้วม

“ข้าน้อยได้ดูเงื่อนไขการฝึกฝนของทั้งสองวิชานี้แล้ว ถ้าหากว่าพลังจิตแข็งแกร่งล่ะก็ ฝึกแค่ครึ่งเดียวก็ให้ผลทวีคูณ แต่ว่าบนนั้นก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หลังฝึกวิชามายาตะวันแล้ว สุดท้ายแล้ววิชานั้นก็จะเน้นไปทางการสร้างภาพลวงตา ถ้าอย่างนั้นการฝึกฝนขั้นท้ายของเคล็ดวิชาจิตวิญญาณปีศาจ ก็จะเน้นไปในทางขับไล่ปีศาจและการสกัดศพ”

“ข้าจะปิดบังเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร วิชามายาตะวันแท้จริงเป็นวิชาพื้นฐานสำคัญของสาขาระบำปีศาจ พวกเขามีชื่อเสียงในด้านการใช้ภาพลวงตา วิชาจิตวิญญาณปีศาจคือวิชาพื้นฐานหลักของสาขาฝึกศพ สาขาเก้าทารกของพวกเจ้ากลับมุ่งเน้นวิชาในด้านการเซ่นไหว้ผู้นำปีศาจเป็นวิชาหลัก วิชาในด้านที่เกี่ยวกับการสร้างภาพลวงตา กับใช้แรงงานปีศาจพวกเจ้ากลับไม่มีความเชี่ยวชาญเลย” ผู้อาวุโสร่างท้วมกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ก็คือการฝึกฝนวิชากระดูกดำนี้ ในระดับของศิษย์จิตวิญญาณแล้วขอแค่ค่อยๆ ฝึกไปตามขั้นตอน ก็จะไม่ต้องเผชิญกับปัญหาติดขัดใดๆ ถ้าไม่เชื่อล่ะก็ เจ้าก็พลิกไปหน้าสุดท้ายแล้วอ่านดูอย่างละเอียดอีกรอบ” ผู้อาวุโสร่างท้วมกล่าวอย่างไม่เกรงใจ

“มีเรื่องแบบนี้ด้วย” พอหลิ่วหมิงได้ยินก็ใจเต้นตุ้บๆ ขึ้นมาทันที เขารีบพลิกไปหน้าสุดท้าย แล้วเจอกับข้ออธิบายที่มีการทำเครื่องหมายไว้

“เป็นอย่างไรบ้าง ข้าไม่ได้โกหกเจ้าใช่ไหม ถ้าข้าเป็นเจ้าล่ะก็จะต้องเลือกวิชานี้อย่างแน่นอน อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ขอแค่ร่างกายของเจ้าทนลำบากฝึกฝนสักหน่อย ภายในระยะเวลาสิบปีกว่าๆ ก็สามารถก้าวสู่ขั้นปลายของศิษย์จิตวิญญาณแล้ว สามารถทดลองบรรลุเข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณด้วย และถ้าบรรลุสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณแล้วก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปฝึกฝนวิชาอื่นๆ ให้ยุ่งยาก แค่ฝึกฝนวิชากระดูกดำนี่ก็พอแล้ว” ผู้อาวุโสร่างท้วมส่ายศีรษะกล่าวออกมา

“แต่ข้าน้อยได้ยินมาว่า เคล็ดวิชาบางส่วนในนิกายก็จำเป็นต้องใช้วิชาพื้นฐานที่เกี่ยวข้องถึงจะสามารถแสดงพลังได้ ถ้าข้าน้อยฝึกวิชาที่ไม่ใช่วิชาพื้นฐานนี้แล้ว ไม่ทราบว่าจะยังสามารถฝึกเคล็ดวิชาอื่นๆ ได้ไหม” หลิ่วหมิงลังเลค่อนข้างนาน แล้วจึงถามออกไปอีกครั้ง

“เจ้ายังไม่ได้ฝึกฝนวิชากระดูกดำนี้ ย่อมไม่รู้ว่าขั้นต้นๆ ของวิชานี้ แท้ที่จริงแล้วถึงแม้วิธีการฝึกจะต่างกันกับวิชาชีพจรจิตวิญญาณปีศาจ แต่มันให้ผลเหมือนกัน แม้กระทั่งเมื่อแสดงพลังขึ้นมาก็แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นข้าจึงคาดเดาว่าเคล็ดวิชาทุกอย่างที่วิชาจิตวิญญาณปีศาจสามารถใช้ได้ เคล็ดวิชากระดูกดำก็คงจะสามารถใช้ได้อย่างไม่มีปัญหา

“คาดเดาว่าคงไม่มีปัญหา?” หลิ่วหมิงได้คำพูดนี้ก็อ้าปากค้างขึ้นมา

“เด็กน้อย ในเมื่อวิชานี้รับรองว่าภายในสิบกว่าปีเจ้าสามารถบรรลุเข้าถึงขั้นปลายของศิษย์จิตวิญญาณ และยังไม่จำเป็นต้องกังวลกับปัญหาเรื่องการเปลี่ยนวิชาในอนาคต แค่นี้เจ้าก็ได้เปรียบกว่าคนอื่นมากแล้ว เจ้ายังจะอะไรอีก เจ้ายืดยาดแบบนี้ ถ้าหากไม่อยากฝึกล่ะก็ ก็ช่างมันเถอะ เอาคัมภีร์คืนข้ามา ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นเจ้ามีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขล่ะก็ ข้าเองก็ขี้เกียจที่จะหยิบมันออกมา” ผู้อาวุโสร่างท้วมดูเหมือนจะโมโหหน่อยๆ แล้วมือก็ยื่นไปทางหลิ่วหมิงขู่เอาคัมภีร์ผ้าไหมคืน

“อาจารย์อาอย่าได้โกรธ ข้าน้อยจะฝึกเคล็ดวิชากระดูกดำนี่แหละ” หลิ่วหมิงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขารีบยัดคัมภีร์เข้าไปในอกเสื้ออย่างรวดเร็ว

“นับว่าเจ้ารู้จักเอาตัวรอด ใช่สิ หลังจากเจ้าออกไปแล้วอย่าบอกเรื่องเคล็ดวิชากระดูกดำนี้กับใคร บอกแค่ว่าฝึกฝนวิชาชีพจรจิตวิญญาณปีศาจก็พอแล้ว” ผู้อาวุโสร่างท้วมเห็นเช่นนี้ สีหน้าถึงได้ดีขึ้นมา และกล่าวกลับหลิ่วหมิง

……………………………………….

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา