ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 24

“รอยต่อกระดูกดูปกติ ยังต้องรอการเติบโต เส้นเอ็น กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นและหนาแน่นเป็นพิเศษ ดูเหมือนกับเคยผ่านการฝึกฝนมาโดยเฉพาะ แต่ว่าภายในร่างกายมีร่องรอยฉีกขาดหลายแห่ง ถ้าเจ้าอยากจะหลีกเลี่ยงผลกระทบที่ตามมาในภายหลัง ทางที่ดีเมื่อมีแต้มคุณูปการแล้วรีบนำไปแลก ‘โอสถรักษาเส้นเอ็น’ สักสองสามขวดมารักษา ชีพจรแต่ละจุดค่อนข้างแข็งแรง สามารถรองรับพลังภายในได้มากกว่าเด็กที่อายุเท่าเจ้า เอ๋! ทะเลจิตวิญญาณของเจ้าดูแปลกประหลาดจัง ดูเหมือนจะหนาแน่นกว่าศิษย์ทั่วไป เหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่ศิษย์สามชีพจรจิตวิญญาณควรจะมี” ผู้อาวุโสร่างท้วมตบตามร่างกายของหลิ่วหมิงไปด้วย ปากก็พูดพึมพำไปด้วยไม่หยุด แต่พอพูดถึงประโยคสุดท้าย ก็ชะงักมือทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

หลิ่วหมิงอาศัยโอกาสนี้บิดตัวออกห่างจากฝ่ามือของผู้อาวุโสร่างท้วม และถามด้วยความแปลกใจ

“อาจารย์อาหร่วน ทะเลจิตวิญญาณของศิษย์ไม่เหมือนกับศิษย์คนอื่นหรือ?”

“ก็ใช่ว่าจะไม่เหมือนกัน เพียงแต่ระดับความหนาแน่นของทะเลจิตวิญญาณระดับนี้จะปรากฏแค่ในกายของศิษย์ที่มีเก้าชีพจรจิตวิญญาณเท่านั้น และเจ้าก็มีเพียงสามชีพจรจิตวิญญาณ หรือว่าเจ้ากำลังเล่นละครอะไรตบตาข้า?” ผู้อาวุโสร่างท้วมจ้องมองหลิ่วหมิง และกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ศิษย์จะกล้าตบตาอาจารย์อาได้อย่างไร ศิษย์มีสามชีพจรจิตวิญญาณจริงๆ แต่ตอนที่ศิษย์ทะลวงเข้าสู่ทะเลจิตวิญญาณได้ใช้วิธีการบางอย่าง ดังนั้นถึงทะเลจิตวิญญาณจึงไม่เหมือนกับศิษย์คนอื่นๆ กระมัง” หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อย แล้วตอบกลับออกไปอย่างไม่มีทางเลี่ยง

“วิธีการอะไร ไหนลองเล่าให้ข้าฟังซิ” ผู้อาวุโสร่างท้วมได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันที

“ตอนที่ก่อรูปทะเลจิตวิญญาณ ศิษย์ใช้พลังจิตในการทำพลังภายในให้เป็นเส้นๆ จากนั้นก็นำมาถักทอพันเข้าด้วยกัน” หลิ่วหมิงลังเลเล็กน้อยแล้วคิดว่าไม่มีอะไรต้องปิดบัง จึงค่อยๆ กล่าวออกไป

“อะไรนะ พลังจิตของเจ้าสามารถควบคุมพลังภายในได้? ทำเรื่องแบบนี้ได้ แสดงว่าพลังจิตของเจ้าแข็งแกร่งมาก?” พอผู้อาวุโสร่างท้วมได้ฟังแล้วก็ แสดงสีหน้าตกใจขึ้นมา

“ใช่แล้ว พลังจิตของศิษย์แข็งแกร่งกว่าคนอื่นนิดหน่อย” หลิ่วหมิงค่อยๆ พยักหน้าตอบรับ

“สามชีพจรจิตวิญญาณ แต่มีพลังจิตเหนือกว่าคนโดยทั่วไป! จุ๊ๆ! เคล็ดวิชานั้นน่าจะเหมาะกับเจ้าที่สุด” ผู้อาวุโสร่างท้วมเหมือนจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เขาพินิจดูหลิ่วหมิงสักครู่ ปากก็อุทานออกมาด้วยความแปลกใจ

“เคล็ดวิชานั้น? หรือว่าความหมายของอาจารย์อาคือวิชานั้นไม่อยู่ในสิบสามวิชาพื้นฐาน” พอหลิ่วหมิงจับความหมายของผู้พูดได้ ก็รู้สึกตื่นตะลึงขึ้นมาทันที

“ดูตามคุณสมบัติของเจ้าแล้ว ข้าให้ทางเลือกเจ้าสองทาง ทางเลือกแรกคือ ‘วิชามายาสุริยัน’ หรือ ‘เคล็ดจิตวิญญาณปีศาจ’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิบสามวิชาพื้นฐาน แต่ทั้งสองวิชานี้ไม่ใช่วิชาสำคัญของสาขาเก้าทารก ต่อไปในอนาคตถ้าอยากเปลี่ยนไปเรียนวิชาในระดับที่สูงขึ้นไป อาจจะค่อนข้างยุ่งยากสักหน่อย สำหรับวิชาอื่นในสิบสามวิชาพื้นฐานก็ไม่เหมาะกับเจ้า ถ้าหากรั้นไปฝึกฝนล่ะก็ จะสิ้นเปลืองพลังจิตของเจ้าเป็นอย่างมาก ถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นล่ะก็ เมื่อผ่านไปสักสามสิบสี่สิบปีก็จะเป็นเหมือนเพื่อนสองคนก่อนหน้านั้นที่ไม่แน่ว่าจะสามารถฝึกฝนไปจนถึงระดับขั้นปลายของจิตวิญญาณได้ไหม แม้กระทั่งชาตินี้อาจจะติดอยู่ที่ขั้นกลางก็ได้ ทางเลือกที่สองคือวิชาที่นอกเหนือจากสิบสามวิชาพื้นฐาน วิชานี้พิเศษมาก ถ้าอยากจะฝึกฝนล่ะก็ต้องมีเงื่อนไขสองข้อ ข้อแรกคือต้องมีพลังจิตที่เหนือกว่าคนธรรมดาเป็นอย่างมาก อีกข้อคือผู้ที่ฝึกฝนต้องเป็นผู้ที่มีสามชีพจรจิตวิญญาณ และเจ้าก็เข้าข่ายเงื่อนไขทั้งสองข้อ” ผู้อาวุโสร่างท้วมกล่าว

“ในเมื่ออาจารย์อากล่าวเช่นนี้ ข้าน้อยขอดูเคล็ดวิชาทั้งสามวิชานี้ก่อนค่อยตัดสินใจ” หลิ่วหมิงฟังจบแล้วก็กล่าวกลับไปด้วยสีหน้าลังเล

“ย่อมไม่มีปัญหา” ผู้อาวุโสร่างท้วมเอานิ้วทำท่ามือแล้วชี้ไปยังแท่นหินทั้งสาม

หลังจากเสียงดัง “เพล้ง!” “เพล้ง!” “เพล้ง!” แล้วแสงที่ปกคลุมแท่นหินทั้งสามแตกกระจายออกไป คัมภีร์หนังสองเล่มลอยออกมาจากกองคัมภีร์ไม่ไผ่สีดำ ทั้งหมดลอยลงมาค้างอยู่ด้านหน้าของหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงยกมือขึ้นหยิบคัมภีร์หนังเล่มสีเหลือง ในคัมภีร์นั้นมีอักขระสีแดงอมม่วงเขียนติดว่า ‘คัมภีร์มายาตะวัน” เขาเปิดมันขึ้นมาอ่านอย่างละเอียด

แต่เขาดูแค่ไม่กี่หน้า ก็ม้วนส่งกลับที่เดิมโดยไม่กล่าวอะไรออกมา จากนั้นยกแขนขึ้นหยิบคัมภีร์หนังอีกม้วนที่เขียนด้วยอักขระสีเงินว่า ‘เคล็ดจิตวิญญาณปีศาจ’ ลงมา แล้วอ่านแบบเดิมอย่างละเอียด

ครั้งนี้เขาอ่านดูสิบกว่าหน้าแล้วถึงม้วนกลับส่งคืนที่เดิม และลังเลเล็กน้อยเหมือนกับคิดอะไรอยู่ แล้วหันไปกล่าวกับผู้อาวุโสร่างท้วม

“ข้าน้อยได้ดูเงื่อนไขการฝึกฝนของทั้งสองวิชานี้แล้ว ถ้าหากว่าพลังจิตแข็งแกร่งล่ะก็ ฝึกแค่ครึ่งเดียวก็ให้ผลทวีคูณ แต่ว่าบนนั้นก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า หลังฝึกวิชามายาตะวันแล้ว สุดท้ายแล้ววิชานั้นก็จะเน้นไปทางการสร้างภาพลวงตา ถ้าอย่างนั้นการฝึกฝนขั้นท้ายของเคล็ดวิชาจิตวิญญาณปีศาจ ก็จะเน้นไปในทางขับไล่ปีศาจและการสกัดศพ”

“ข้าจะปิดบังเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร วิชามายาตะวันแท้จริงเป็นวิชาพื้นฐานสำคัญของสาขาระบำปีศาจ พวกเขามีชื่อเสียงในด้านการใช้ภาพลวงตา วิชาจิตวิญญาณปีศาจคือวิชาพื้นฐานหลักของสาขาฝึกศพ สาขาเก้าทารกของพวกเจ้ากลับมุ่งเน้นวิชาในด้านการเซ่นไหว้ผู้นำปีศาจเป็นวิชาหลัก วิชาในด้านที่เกี่ยวกับการสร้างภาพลวงตา กับใช้แรงงานปีศาจพวกเจ้ากลับไม่มีความเชี่ยวชาญเลย” ผู้อาวุโสร่างท้วมกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา