ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 25

“รับทราบ อาจารย์!” ครั้งนี้หลิ่วหมิงตอบรับอย่างหนักแน่น

“ดีมาก ข้าช่วยเจ้าแล้วก็จะช่วยให้ถึงที่สุด ในนี้ยังมีเคล็ดวิชาที่เหมาะสมกับวิชาจิตวิญญาณปีศาจสองวิชา เจ้าก็ถือโอกาสหยิบไปฝึกด้วยละกัน แบบนี้เวลาต่อสู้กับคนอื่นจะได้ไม่มีคนสงสัยในวิชาที่เจ้าฝึก” ผู้อาวุโสร่างท้วมเห็นหลิ่วหมิงรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ใบหน้าเขาก็แสดงความพอใจออกมา และหยิบคัมภีร์จากแขนเสื้อสองม้วนโยนออกไป

“ขอบคุณอาจารย์อาที่เมตตา!” หลิ่วหมิงรับคัมภีร์หนังแล้วก็โค้งกล่าวขอบคุณ

“ตามกฎของนิกาย เคล็ดวิชาทุกอย่างที่ได้จากหอเก็บคัมภีร์ ล้วนต้องสาบานต่อสวรรค์ว่าจะไม่ถ่ายทอดให้กับคนอื่น มิฉะนั้นจะได้รับโทษสถานเบาคือทำลายพลัง คุมขังตลอดชีวิต โทษสถานหนักคือฆ่าให้ตายซะ นี่คือคำสัญญาต่อสวรรค์ของนิกายเรา” ผู้อาวุโสร่างท้วมพยักหน้า แล้วหยิบกระดาษแปลกประหลาดที่มีไอสีดำวนเป็นเกลียวขึ้นไปใบหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม ด้านบนมีอักขระสีแดงเลือดกระจายไปทั่ว ดูลึกลับเป็นอย่างมาก

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ลังเลเล็กน้อยแล้วก็รับปากออกไป

“หยดเลือดลงไปหนึ่งหยด จากนั้นข้าจะพูดให้เจ้าพูดตามต่อหน้าสิ่งของนี้” ผู้อาวุโสร่างท้วมกล่าวไปด้วย โยนกระดาษไปด้านหน้าไปด้วย จากนั้นก็เอาทำท่ามือแล้วเริ่มร่ายคาถา

ทันทีที่กระดาษกลายเป็นกลุ่มไอสีดำลอยอยู่กลางอากาศ ก็มีเสียงแว่วๆ ราวกับผีและสุนัขจิ้งจอกร้องอย่างโหยหวน และยังมีกลิ่นคาวเลือดลอยมาด้วย ทำให้ได้กลิ่นแล้วรู้สึกอยากจะอ้วก

ผ่านไปสักครู่ แสงสีขาวก็เปล่งประกายที่ฝาผนัง ร่างของผู้อาวุโสร่างท้วมกับหลิ่วหมิงก็ออกมาปรากฏต่อหน้าสือชวนและคนอื่นๆ

“อาจารย์อาหร่วน ครั้งนี้รบกวนท่านแล้ว” สือชวนเห็นดังนี้ก็รับกล่าวขอบคุณผู้อาวุโสร่างท้วมทันที

“ในเมื่อข้ารับผิดชอบดูแลหอเก็บคัมภีร์ ก็สมควรที่จะชี้แนะพวกเจ้าเป็นธรรมดา เอาล่ะ ในเมื่อเรียบร้อยแล้วก็รีบไปเถอะ ข้ายังต้องนอนต่ออีกสักหน่อย” ผู้อาวุโสร่างท้วมยกมือขึ้นปรามและแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย จากนั้นก็แสงสีขาวก็ปรากฏขึ้น ร่างทั้งร่างหายไปต่อหน้าต่อตาทุกคนทันที

“ไปเถอะ วิชาที่อาจารย์อาหร่วนฝึกค่อนข้างประหลาด เวลาในการฝึกฝนหนึ่งปีครึ่งหนึ่งล้วนหมดไปกับการนอน” สือชวนไม่รู้สึกแปลกใจกับเรื่องนี่ จากนั้นเขาก็พาพวกหลิ่วหมิงออกไปจากหอเก็บคัมภีร์

ตอนนี้ เวลาข้างนอกก็เข้าสู่ช่วงสายัณห์แล้ว ดังนั้นสือชวนจึงร่ายคาถารวมเมฆสีเทาอีกครั้ง จากนั้นก็พาทุกคนมุ่งกลับไปยังที่ตั้งของสาขา

เวลาอันจืดชืดระหว่างการเดินทาง หลิ่วหมิงก็ได้สอบถามจนรู้ว่าวั่นเสี่ยวเชี่ยนเลือกฝึกวิชาอะไร วิชาที่นางฝึกคือ ‘วิชาทานตะวันราตรี’ ที่เป็นวิชาสำคัญของสาขาเก้าทารกพอดี ทำให้เขาฝืนยิ้มเจื่อนอย่างอดไม่ได้

ดูเหมือนจะมีแค่ตัวเองที่ได้รับอะไรที่พิเศษกว่าเพื่อน แต่จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายไม่อาจรู้ได้

แต่ว่าในสถานการณ์แบบนี้ เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

ผู้อาวุโสหร่วนท่านนั้นดูเหมือนจะจะใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อนให้เขาเลือก ‘เคล็ดวิชากระดูกดำ’ ในขณะเดียวกันถ้าปฏิเสธ ก็อาจจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามโมโหได้ นอกจากนี้เขายังหาข้ออ้างอื่นเพื่อให้หลิ่วหมิงฝึกวิชานี้อยู่ดี

ฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญจิตวิญญาณที่มีตำแหน่งในนิกายสูงมาก ส่วนเขาเป็นแค่ศิษย์ธรรมดาคนหนึ่ง จะไม่ยอมปฏิบัติตามความต้องการของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างไร

ถ้าหากเป็นเช่นนี้จริงๆ ล่ะก็ ไม่สู้ตัวเองยอมฝึกทักษะนี้เองดีกว่า

แต่ว่า ไม่ว่าฝั่งตรงข้ามจะให้เขาฝึกเคล็ดวิชากระดูกดำด้วยจุดประสงค์ใดก็ตาม ขอแค่วิชานี้ได้ผลดีอย่างที่พูดไว้ นับว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อหลิ่วหมิงเลยทีเดียว

สำหรับเรื่องในภายภาคหน้านั้น ค่อยๆ ว่ากันไปทีหลังแล้วกัน

หลิ่วหมิงคิดเรื่องราวเหล่านี้อยู่ในใจอย่างเงียบๆ

และเมื่อสือชวนและคนอื่นๆ ถามว่าเขาเลือกฝึกวิชาอะไร แน่นอนเขาย่อมตอบว่าเขาฝึก ‘วิชาจิตวิญญาณปีศาจ”

เรื่องนี้ทำให้สือชวนและคนอื่นๆ สงสัย และถามเขาว่าเพราะเหตุใดถึงเลือกวิชานี้ เขาย่อมตอบว่าทุกอย่างนี้ล้วนขึ้นกับผู้อาวุโสร่ามท้วมเป็นคนแนะนำให้เขา

และบอกว่าอาจารย์อาท่านนี้เห็นว่าเขามีพลังจิตที่แข็งแกร่ง ฝึกวิชาจิตวิญญาณปีศาจค่อนข้างเหมาะสมกับเขาที่สุด

เห็นได้ชัดว่าสือชวนรู้ว่าพลังจิตที่แข็งแกร่งสามารถฝึกวิชาจิตวิญญาณปีศาจได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ถึงแม้จะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็แสดงสีหน้าเข้าใจทันทีออกมา

หลังจากที่เซวียซานและว่านเสี่ยวเชี่ยนรู้สาเหตุ ก็แสดงสีหน้าอิจฉา แต่เมื่อสือชวนอธิบายจุดอ่อนของวิชานี้แล้ว ทั้งสองคนก็ไม่กล่าวอะไรออกมา

ด้านหนึ่งคือฝึกฝนระดับเร็วหน่อย แต่ต้องคำนึงถึงปัญหาที่จะตามมา ด้านหนึ่งคือฝึกฝนระดับปกติ แต่ก็ไม่มีปัญหาให้ต้องกังวล นี่ก็เป็นปัญหาหนึ่งสำหรับการเลือก

“เสียดายที่ศิษย์น้องไม่ได้เข้าสาขาฝึกศพ มิฉะนั้นก็ไม่ต้องกลุ้มใจอย่างนี้” สือชวนกล่าวด้วยความเสียดาย

“ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่ต่อไปต้องสะสมแต้มคุณูปการให้มากหน่อย แล้วค่อยไปแลกกับวิชาที่เกี่ยวข้องในภายหน้า” หลิ่วหมิงกลับกล่าวแบบมีแผนอยู่ในใจ

“ก็มีแค่วิชานี้แล้วล่ะ ขอเพียงแต่ไม่ใช่วิชาของสาขาฝึกศพ เคล็ดวิชาทั่วไปอื่นๆ คงจะสามารถแลกได้” สือชวนพยักหน้ากล่าวออกมา

ทุกต่างพูดคุยกันแบบนี้ในระหว่างที่กลับเขาเก้าทารก จนกลับถึงที่พักของแต่ละคน

หลิ่วหมิงกลับถึงลานหน้าที่พักตัวเองแล้วก็เก็บกวาดนิดหน่อย จนรู้สึกหิว ก็หยิบอาหารแห้งที่นำติดตัวไว้มากิน จากนั้นก็ขึ้นเตียงนอน

พิธีเปิดจิตวิญญาณทั้งวัน บวกกับการทำงานหนัก ทำให้เขาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าเป็นอย่างมาก จนไม่สามารถฝืนได้เขาจึงนอนหลับไปพักใหญ่

การนอนในครั้งนี้ เขาไม่รู้ว่าตอนไปนานเท่าไหร่ รู้แต่ว่าเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง พระอาทิตย์นอกหน้าต่างก็แสดงให้เห็นว่าถึงเวลาเที่ยงวันแล้ว

เขาหาวบิดขี้เกียจแล้วก็เดินออกไปยังลานเล็กๆ หน้าที่พัก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา