ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 26

แต่ว่าก่อนที่ฝึกฝนอย่างจริงจัง เขาต้องไปยอดเขาเก้าทารกเพื่อเอาโอสถทิพย์และวิชาง่ายๆ ในคัมภีร์โบราณก่อน

ตามที่เซวียหยวนไห่พูด สิ่งของเหล่านี้ไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย แต่เป็นสิ่งที่ศิษย์จิตวิญญาณที่ฝึกฝนในขั้นแรกไม่สามารถขาดได้

เมื่อหลิ่วหมิงตัดสินใจได้แล้ว ก็สวมใส่ชุดที่ได้รับ เดินออกไปจากที่พัก เดินไปตามทางคดเคี้ยวเล็กๆ มุ่งหน้าตรงไปยังยอดเขา

ในระหว่างทางเขาได้เจอกับศิษย์นอกนิกายที่แบกถุงหยาบๆ ใบใหญ่ หรือหิ้วห่อผ้าเล็กๆ เหมือนกัน เดินขึ้นลงเขา

คนเหล่านี้เมื่อเห็นชุดคลุมสีเขียวอ่อนที่หลิ่วหมิงสวมใส่อยู่ ต่างก็หลีกทางให้หลิ่วหมิงอย่างนอบน้อม เพื่อให้หลิ่วหมิงเดินไปก่อนแล้วจึงค่อยเดินต่อ

ดูเหมือนในนิกายปีศาจนี้ ศิษย์จิตวิญญาณและศิษย์นิกายสายนอกมีฐานะต่างกันราวฟ้ากับดิน ไม่สามารถพูดคุยคบหาสมาคมกันได้

ทางขึ้นไปยอดเขาเล็กๆ ลูกนี้ค่อนข้างสูง ถึงแม้เขาเคยฝึกเคล็ดการทรงตัวของร่างกาย ทั้งยังออกเดินทางจากไหล่เขา ก็ใช้เวลาไปทั้งหมดประมาณครึ่งชั่วยามถึงจะมาถึงยอดเขาได้

ชั่วพริบตาที่เท้าทั้งคู่ของหลิ่วหมิงเหยียบลงบนลานกว้างตรงยอดเขา เขาก็ตัดสินใจได้แล้ว รอเขาสามารถเปลี่ยนพลังภายในเป็นพลังเวทย์ได้แล้ว วิชาแรกที่เขาอยากฝึกคือวิชาทะยานเวหา

มิฉะนั้นล่ะก็ ถ้าจะไปยอดเขาอื่นที่ไกลกว่านี้ ต้องใช้เวลาไปกลับถึงครึ่งวัน ช่างไม่สะดวกเอาเสียเลย

ตอนที่หลิ่วหมิงเดินบนลานกว้างไปด้วย คิดใคร่ครวญไปด้วย ก็มีหญิงสาวคู่หนึ่งปรากฏตัวตรงหน้าของเขา

ในนั้นมีหญิงสาวหนึ่งที่รูปร่างอวบอ้วนมองดูเขา ทันใดนั้นนางก็ยิ้มหวานกล่าวออกมา

“เอ๋ นี่ไม่ใช่ศิษย์น้องไป๋หรอกเหรอ? อ้อศิษย์น้อง เจ้าไปเอาของที่หอภารกิจนอกหรือ”

หลิ่วหมิงตกใจเล็กน้อย แล้วจึงพบว่าหญิงสาวทั้งสองนางที่ปรากฏด้านหน้าก็คือศิษย์หญิงรูปโฉมงดงามที่เจอเมื่อวานตอนพบศิษย์เก่าที่สาขาเก้าทารกนี่เอง เขารีบชะงักฝีเท้าเพื่อแสดงความเคารพอย่างรวดเร็ว

“ที่แท้ก็คือศิษย์พี่ทั้งสองนี่เอง ศิษย์ไปหอภารกิจนอกเพื่อเอาโอสถทิพย์จริงๆ”

“อิๆ ดูเหมือนศิษย์น้องไป๋ยังไม่ทราบนามของเราสองคน จำให้ดีนะ ข้ามีนามว่ากู้เหมยซาน นี่คือศิษย์พี่ของเจ้านามว่าจูเหลียนซิง” กู้เหมยซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

หญิงสาวรูปร่างผอมเพรียวที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเพื่อนบอกชื่อของตัวเองให้กับเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าแล้ว ก็หน้าแดงแล้วบ่นว่าเพื่อนที่อยู่ด้านข้าง แล้วจึงหันมาทักทายหลิ่วหมิง

“ศิษย์น้องจะต้องจดจำชื่อของศิษย์พี่ทั้งสองได้อย่างแน่นอน และจะไม่กล้าลืมโดยเด็ดขาด” หลิ่วหลิงตอบกลับอย่างซื่อๆ

“เอาล่ะ ศิษย์น้องไป๋รีบไปหอภารกิจนอกเถอะ หออยู่ทางนั้นถ้าหากไปช้าล่ะก็ อาจต้องรอถึงวันพรุ่งนี้ถึงได้โอสถทิพย์” กู้เหม่ยซานรู้สึกงงงัน แต่ก็รีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วกล่าวออกไป

จากนั้นหญิงนางนี้ก็จับมือจูเหลียนซิง และทำท่ามือเพื่อแสดงวิชาทะยานเวหา

ครู่เดียวเมฆที่เท้าทั้งสองเหยียบอยู่ก็ลอยออกไป

หลิ่วหมิงรอจนทั้งสองไปไกลแล้วถึงละสายตามองไปทางที่กู้เหมยซานบอกและเดินไปทันที

เดินอ้อมผ่านสิ่งก่อสร้างสองสามแห่งก็มาถึงด้านหน้าของหอที่มีป้ายเขียนติดว่า ‘หอภารกิจนอก’

จะบอกว่าเป็นหอ แต่ก็เป็นแค่ห้องที่มีขนาดใหญ่สักหน่อยเท่านั้น

ตอนที่หลิ่วหมิงเดินเข้าไป มองเห็นชายสวมเสื้อศิษย์นอกนิกายคนหนึ่งอยู่พอดี เขากำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะตัวหนึ่ง ก้มหน้าคิดคำนวณอะไรบางอย่างเสียงดังกุกกัก กุกกัก โดยใช้ลูกคิดที่เปล่งประกายแสงสีทอง ด้านข้างยังมีสมุดบัญชีเล่มหนาเปิดอ้าอยู่

“อา! เป็นศิษย์พี่ที่มาใหม่ใช่ไหม มาเอาโอสถทิพย์หรือเปล่า?” ชายผู้นี้มีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วมาก พอเห็นหลิ่วหมิงเข้ามาแล้ว ก็รีบวางมือจากงานที่ทำอยู่ ลุกขึ้นยืนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ใช่แล้ว ได้ยินว่าศิษย์ทั้งหมดต่างก็สามารถมารับโอสถทิพย์เพื่อใช้ในเวลาสามเดือนได้” หลิ่วหมิงถามโดยไม่ต้องคิด

“ใช่แล้ว ศิษย์พี่นำป้ายชื่อออกมาเถอะ ข้าจะบันทึกแล้วก็สามารถนำโอสถทิพย์ไปได้” ชายวัยกลางคนตอบกลับอย่างไม่รอรี

“ได้” หลิ่วหมิงหยิบป้ายชื่อออกมาจากอกอย่างไม่ลังเล แล้วยื่นให้ออกไป

ชายวัยกลางคนพลิกสมุดบัญชีที่อยู่ข้างๆ หน้าหนึ่ง รับป้ายชื่อมาแล้วกดลงไปด้านบนเบาๆ

ชื่อของไป๋ชงเทียนปรากฏออกมาในทันที แล้วก็ปรากฏชัดบนสมุดบัญชี

“ที่แท้ก็คือศิษย์พี่ไป๋ นี่คือโอสถทิพย์สำหรับสามเดือน ใช้ครั้งละหนึ่งเม็ด ก็ไม่ต้องกินข้าวได้สามวัน ดื่มน้ำสะอาดสักหน่อยก็พอแล้ว” ชายวัยกลางคนหันไปยังชั้นไม้ที่เต็มไปด้วยสิ่งของต่างๆ หยิบถุงผ้าสีเทาขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ และมอบมันพร้อมกับป้ายชื่อให้หลิ่วหมิงอย่างนอบน้อม

หลิ่วหมิงรับถุงผ้าและป้ายชื่อมาแล้ว ก็ถือโอกาสปลดเชือกที่อยู่ปากถุงและค่อยๆ เทลงบนฝ่ามือแล้ว เม็ดโอสถสีเหลืองอ่อนก็หล่นออกมา ส่งกลิ่นหอมบางๆ

เหมือนกับที่เซวียหยวนไห่บรรยายไว้ไม่มีผิด

หลิ่วหมิงพยักหน้าแล้วก็นำสิ่งของทั้งสองสิ่งเก็บให้เรียบร้อย คิดไปคิดมาแล้วจึงถามขึ้นอีกครั้ง

“ใช่สิ ข้าอยากไปเอาคัมภีร์โบราณวิชาทั่วไปมาอ่าน ข้าต้องไปที่ไหน”

“อ๋อ! ถ้าศิษย์พี่จะไปหอคัมภีร์โบราณล่ะก็ แค่ไปตามทางเล็กๆ หน้าประตูนี้ แล้วจะเจอมันที่โค้งข้างหน้า” ชายวัยกลางคนบอกอย่างละเอียด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา