ขณะนี้ เผ่าเจ้าสมุทรที่มีร่างครึ่งมนุษย์ครึ่งมัจฉาค่อยๆ ลงมาจากเมฆดำกลางอากาศ บ้างก็เดินบนน้ำ บางก็เหยียบอสูรสมุทรบางตัวอยู่ แลดูมีอานุภาพน่าตกใจเป็นอย่างมาก
“ศิษย์น้อง ท่านประมุขเรียกเจ้ากับข้าไปหา” ขณะที่หลิ่วหมิงใจลอยอยู่นั้น พลันได้ยินเสียงของหยางเฉียนดังขึ้นข้างหู
เขาก้มหน้ามองลงไป
หยางเฉียนที่อยู่บนกำแพงกำลังโบกมือมาทางเขา ประมุขนิกายปีศาจ ชายฉกรรจ์แซ่เหลย และอาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ต่างก็ยืนอยู่ที่นั่น
เขาถอนหายใจเบาๆ และร่อนลงบนกำแพง
“เพราะกำลังสนับสนุนมาถึงแล้ว ดังนั้นพวกเราจึงไม่คิดที่จะปักหลักอยู่อย่างเดียว พวกเราจะทิ้งคนไว้ในเมืองครึ่งหนึ่ง ส่วนคนอื่นๆ ต้องออกไปสู้รบกับเผ่าเจ้าสมุทรกันสักครา เพื่อเสริมขวัญและกำลังใจให้กับพวกเรา ศิษย์น้องหลิน ศิษย์น้องฉู่! พวกเจ้าอยู่เฝ้าเมืองกับศิษย์จำนวนหนึ่ง คนอื่นๆ ตามข้าไปให้หมด อาจารย์อาเยี่ยน และผู้อาวุโสท่านอื่นๆ ต่างก็อยู่ดูแลเมือง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ฝนระดับผลึกของฝ่ายตรงข้ามจู่โจมโดยฉับพลัน ทุกคนระมัดระวังกันหน่อย เผ่าเจ้าสมุทรพวกนี้กำลังฮึกเหิม และกระหายการฆ่าเป็นอย่างมาก คงไม่เสียเวลาพูดอะไรกับพวกเรา” พอหลิ่วหมิงมาถึง ประมุขนิกายปีศาจก็กำชับออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าหลายวันมานี้ เขาเข้าใจเผ่าเจ้าสมุทรมากขึ้น
หลิ่วหมิง และอาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ของนิกายปีศาจย่อมไม่มีข้อคัดค้านใดๆ พวกเขาพากันขึ้นไปยังเรือเหาะที่อยู่บริเวณนั้น
ด้านอื่นๆ นิกายจันทราสวรรค์ หอสายธารโลหิต และนิกายอื่นๆ ต่างก็มีเหตุการณ์พอๆ กัน ศิษย์จำนวนมากบ้างก็ขี่เมฆ บ้างก็ขึ้นไปบนเรือเหาะด้วยท่าทีเหี้ยมเกรียม
เมื่อร่างหลิ่วหมิงอยู่บนเรือเหาะกระดูกที่ยาวสิบกว่าจั้ง ก็พลันมีเสียงประมุขนิกายปีศาจดังเข้ามาในหู
“ศิษย์น้องหลิ่ว เจ้าเป็นคนสำคัญในการควบคุมปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูก ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งในสนามรบ ให้รีบกลับเข้าไปในเมือง ห้ามอวดดีโดยเด็ดขาด เจ้าเป็นหนึ่งในท่าไม้ตายของนิกายเรา จะต้องปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยเป็นอันดับแรก!”
หลิ่วหมิงได้ยินก็มองไปยังประมุขนิกายปีศาจ และพยักหน้าด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
การออกศึกในครั้งนี้ เขาไม่ได้คิดจะไปเสี่ยงอันตรายท่ามกลางการต่อสู้ เพราะด้วยระดับของเขา อาจจะเอาชนะผู้ฝึกฝนระดับเดียวกันได้อย่างสบายๆ แต่ถ้าเจออาจารย์จิตวิญญาณขั้นกลางล่ะก็ คงยากที่จะเอาชนะได้ ยิ่งถ้าเจอกับอาจารย์จิตวิญญาณขั้นปลายล่ะก็ เกรงว่าจะต้องคิดหาวิธีในการเอาตัวรอดแล้ว
ขณะนี้ ศิษย์เจ็ดแปดคนบนเรือกระดูกก็คารวะหลิ่วหมิงอย่างนอบน้อม หลังจากเขาออกคำสั่งไปแล้ว เรือกระดูกก็พุ่งยิงออกไปพร้อมกับเรือลำอื่นๆ ของนิกายปีศาจ
พริบตาเดียว กองหน้าของแต่ละนิกาย ก็อยู่ห่างจากเผ่าเจ้าสมุทรไม่ถึงลี้กว่าๆ
มีเสียงดังกังวานจากนิกายจันทราสวรรค์ ทันใดนั้นแสงกระบี่จำนวนมากพุ่งขึ้นฟ้า หลังจากรวมตัวกันกลางอากาศแล้ว ก็กลายเป็นกระบี่แสงค้ำฟ้าที่ยาวร้อยกว่าจั้ง พื้นผิวของมันเปล่งประกายสีขาว และหล่นลงบนอากาศตรงหน้า
“ฟิ้ว!”
พอกระบี่ยักษ์ฟันออกไปมันก็แตกกระจายออกมาเป็นเสี่ยงๆ
น้ำทะเลที่อยู่ห่างออกไปลี้กว่าๆ กลับแยกตัวออกท่ามกลางเสียงที่ดังสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วฟ้าและปฐพี ร่องน้ำยักษ์ยาวหลายลี้ปรากฏขึ้นบนพื้น
เผ่าเจ้าสมุทรกันอสูรสมุทรที่อยู่บริเวณนั้น กลายเป็นฟองเลือดในพริบตา
ขณะเดียวกัน มีเสียงตะโกนของเผ่าเจ้าสมุทรจำนวนมากดังมากจากน้ำทะเลอีกกลุ่มหนึ่ง จากนั้นมีแสงสีฟ้าเปล่งประกายบนพื้นผิว หยดน้ำสีฟ้าลอยออกมาเป็นจำนวนมาก หลังจากที่มันรวมตัวกันแล้วก็กลายเป็นฝ่ามือยักษ์สีฟ้า
จากนั้นนิ้วทั้งห้าก็แยกออกจากกัน และกดลงกลางอากาศ
“ตู๊ม!”
ทางด้านศิษย์หุบเขาเก้าช่อง ทันทีที่พลังไร้รูปกดดันลงไป รถเหาะ เรือเหาะที่อยู่ภายในรัศมีลี้กว่าๆ ก็ถูกตบจะแตกกระจาย ศิษย์ที่อยู่บนนั้นเสียชีวิตจนหมดสิ้น
อาจารย์จิตวิญญาณของหุบเขาเก้าช่องเห็นเช่นนี้ ก็ดูหน้าเสียเป็นอย่างมาก
ทางด้านนิกายวาตอัคคี ภายใต้การร่ายคาถาของศิษย์อัจฉริยะ วิหคเพลิงขนาดตัวยาวเกินกว่าร้อยจั้งได้ปรากฏออกมา มันแค่กระพือไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างแรง ลูกศรขนวิหคเพลิงก็พุ่งยิงออกไป
“ฟิ้วๆ!”
เปลวเพลิงระเบิดตัวท่ามกลางเผ่าเจ้าสมุทร และกลายเป็นเมฆอัคคีปกคลุมอสูรสมุทร และเผ่าเจ้าสมุทรจำนวนมากไว้ ผู้ที่หลบไม่ทันก็ค่อยๆ เผาไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน
ทางด้านหอสายธารโลหิต บรรดาศิษย์ต่างก็อ้าปากพ่นหมอกโลหิตออกมา จากนั้นมันก็กลายเป็นหอกโลหิตขนาดใหญ่สิบกว่าเล่ม แต่ละเล่มยาวเจ็ดแปดจั้ง และพุ่งยิงออกไป
เสียงดังกึกก้องในอากาศ คราบโลหิตสิบกว่าคราบเปล่งประกายบนผิวทะเลตรงหน้า เผ่าเจ้าสมุทรและอสูรเจ้าสมุทรที่สัมผัสกับคราบโลหิต ล้วนระเบิดตัวออกมา
และทางฝั่งเจ้าสมุทรกลับมีฝ่ามือยักษ์สีฟ้าเพิ่มขึ้นมามากกว่าเดิม และมันก็โจมตีแต่ละนิกายอย่างโหดเหี้ยม
ทั้งสองยังไม่ทันได้ต่อสู้กันจริงๆ ก็มีคนเสียชีวิตไปจำนวนมากแล้ว
แต่ด้วยระดับความเร็วในการโจมตีของทั้งสองฝ่าย ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในพริบตาเดียวเท่านั้น
ไม่นานคนของนิกายกับคนของเผ่าเจ้าสมุทรก็อยู่ห่างกันไม่ถึงร้อยกว่าจั้ง ศิษย์ที่อยู่แนวหน้าสามารถมองเห็นใบหน้าดุร้ายของเผ่าเจ้าสมุทรอย่างชัดเจน
“ลงมือ!”
อาจารย์จิตวิญญาณวัยกลางคนของนิกายวาตอัคคี ออกคำสั่งในฉับพลัน
ทันใดนั้น ศิษย์ในนิกายเกือบร้อยคนก็ค่อยๆ หยิบยันต์เป็นปึกๆ ออกมา และโยนไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง
ภายใต้การเปล่งประกายของยันต์เหล่านี้ มันกลายเป็นไอสีเหลืองหายไปในพื้นดินระหว่างนิกายกับเผ่าเจ้าสมุทร
ศิษย์นิกายวาตอัคคีกระตุ้นเคล็ดวิชาอยู่ไม่หยุด
“ตู๊มต๊าม!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา