สรุปตอน ตอนที่ 263 – จากเรื่อง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
ตอน ตอนที่ 263 ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ปีศาจอสูรสมุทรที่กล่าวถึง ย่อมหมายถึงอสูรสมุทรที่เปิดจิตวิญญาณแล้ว
มันมีการแบ่งระดับการฝึกฝนเหมือนกับปีศาจอสูรบนโลกมนุษย์โดยทั่วไป แม้จะเป็นปีศาจอสูรที่แข็งแกร่ง แต่ถ้าไม่ได้เปิดจิตวิญญาณจนสมบูรณ์ ต่อให้จะมีพลังที่สามารถเคลื่อนย้ายภูเขาได้ ก็จะถูกเรียกว่าปีศาจอสูร
ในทางตรงกันข้าม ถ้าปีศาจอสูรเปิดจิตวิญญาณที่แท้จริงแล้ว ต่อให้ร่างกายจะอ่อนแออย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ก็ถูกเรียกว่าเผ่าปีศาจ
แต่โดยส่วนมากปีศาจอสูรแบ่งกลุ่มไม่เหมือนกัน ต้องให้ถึงระดับพลังที่มั่นคงแล้ว จึงจะเปิดจิตวิญญาณได้ และเมื่อมีจิตวิญญาณแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปฝึกฝนอีก สามารถเรียนวิชาที่เหมาะสมได้บ้างแล้ว
กล่าวได้ว่า เผ่าปีศาจแข็งแกร่งกว่าปีศาจอสูรธรรมดามาก
แต่เห็นได้ชัดว่าปีศาจเผ่าสมุทรที่มีหัวเป็นวัวนี้ ล้วนเปิดจิตวิญญาณทั้งหมดแล้ว ไม่เพียงแต่จะกวัดแกว่งกระบี่อย่างโหดเหี้ยม บนตัวของมันยังมีจุดแสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมารวมตัวเข้าด้วยกัน ทำให้การสู้รบยิ่งดุเดือดมากขึ้น โดยไม่มีทีท่าว่าจะหนื่อยล้าเลย
ภายใต้สถานการณ์ที่หลิ่วหมิงขี่เมฆเหาะอยู่ เขาชักกระบี่จันทราหยกออกจากแขนเสื้อในทันที
“ฟู่!” “ฟู่!”
ศิษย์จิตวิญญาณเผ่าเจ้าสมุทรที่ขวางทางอยู่ ถูกฟันขาดเป็นสองส่วนในทันที
จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวสองสามทีมาปรากฏตัวตรงหน้าปีศาจอสูรที่กำลังกวัดแกว่งกระบี่ยักษ์จนทำให้ศิษย์นิกายปีศาจต้องถอยไปเป็นระยะๆ
เสียงคำรามดังขึ้น!
พริบตาที่หลิ่วหมิงปรากฏตัวนั้น มันก็รับรู้ได้อย่างรวดเร็ว มันจึงสะบัดกระบี่ยักษ์ในมือออกไปอย่างรุนแรง
“หวึ่ง!”
ด้วยขนาดรูปร่างอันน่ากลัว ในสายตามัน หลิ่วหมิงดูอ่อนแอเป็นอย่างมาก ราวกับว่าการโจมตีในครั้งนี้ง่ายดายราวกับปิดประตู
หลิ่วหมิงนำกระบี่สั้นมาตั้งไว้ตรงหน้าโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
มันต้านทานกระบี่ยักษ์ไว้อย่างเงียบๆ
“ตู๊ม!”
พอกระบี่ยักษ์กับกระบี่จันทราหยกปะทะกัน พลังที่แข็งแกร่งกว่ากระบี่ยักษ์หลายเท่าก็ทะลักออกมา
ปีศาจสมุทรหัววัวรู้สึกร้อนที่มือทั้งสองข้าง จากนั้นกระบี่ยักษ์บนมือก็หลุดออกไป ขณะเดียวกันไหล่ทั้งสองก็ชาขึ้นมา ร่างขนาดใหญ่ของมันต้องถอยกรูดไปติดๆ
ขณะนี้ หลิ่วหมิงสะบัดกระบี่ยักษ์ในมือ ลำแสงสีเขียวม้วนตัวออกจากปลายกระบี่ ขณะเดียวกันร่างของเขาก็พร่ามัวมาปรากฏตัวอยู่หลังปีศาจสมุทรตนหนึ่ง
“ตุ๊บ!”
โลหิตพุ่งออกจากลำคอของปีศาจสมุทร หัวของมันกลอกกลิ้งตามพื้นอย่างรวดเร็วร่างของมันล้มลงไปในพริบตา โลหิตพุ่งออกจากลำคอเป็นสายๆ
ปีศาจสมุทรที่มีรูปร่างบึกบึน และมีการป้องกันที่น่าตกใจ ถูกหลิ่วหมิงสังหารได้อย่างง่ายดาย
จากนั้น ร่างหลิ่วหมิงก็ผุดๆ หายๆ อยู่บริเวณปีศาจสมุทร พริบตาเดียวปีศาจสมุทรเจ็ดแปดตัวก็ถูกเขาสังหาร
แต่พอเขาเคลื่อนไหวมาปรากฏตัวอยู่ข้างปีศาจสมุทรตนหนึ่ง ก็พลันมีเสียงดังมาจากด้านหลังราวกับว่ามีอะไรบางอย่างพุ่งยิงเข้ามา
สีหน้าหลิ่วหมิงดูหนักอึ้งเป็นอย่างมาก ร่างของเขาดูพร่ามัวขึ้นมา
แท่งสามเหลี่ยมที่มีเปลวเพลิงสีขาวพุ่งทะลุจากด้านหลังของหลิ่วหมิง พอมันหมุนวนหนึ่งรอบแล้วก็พุ่งผ่านหน้าอกไปอีกครั้ง
แต่ขณะนี้ร่างหลิ่วหมิงได้กายเป็นจุดแสงสีขาวสลายออกไป
แท่งสามเหลี่ยมที่พุ่งทะลุมามื่อครู่ ได้แต่ทะลุผ่านเงาร่างลางเลือนของหลิ่วหมิงเท่านั้น
ในขณะเดียวกัน ร่างที่แท้จริงของหลิ่วหมิง ก็มาปรากฏตัวในสถานที่ที่อยู่ไกลออกไปสิบกว่าจั้ง เขาจ้องมองชายเผ่าเจ้าสมุทรด้วยสายตาเยือกเย็น
ชายเผ่าเจ้าสมุทรเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกเย็นสะท้านในใจ เขาสะบัดแขนเสื้อโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มีเสียงดังซู่ๆ มาจากด้านใน คิดไม่ถึงว่าเพียงอึดใจเดียวจะมีแท่งสามเหลี่ยมอีกสามสี่แท่งพุ่งยิงออกมา ภายใต้การกระตุ้นเคล็ดวิชา พวกมันทั้งหมดก็กลายเป็นลำแสงห้าสีพุ่งยิงออกไป
แท่งสามเหลี่ยมเหล่านี้เพียงแค่พร่ามัว ก็มาถึงด้านหน้าหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันไอร้อนก็ม้วนตัวออกมา
กระบี่สั้นในมือหลิ่วหมิงหมุนติ้วๆ ทันใดนั้นปราณกระบี่จำนวนมากก็ผสานเข้าด้วยกัน จันทราหยกปรากฏออกมาตรงหน้า
ลำแสงสีขาวเปล่งประกายออกมา และค่อยๆ จมหายเข้าไปในจันทราหยก
ทันใดนั้นมีเสียงดังออกมาติดต่อกัน!
แท่งกระดูกสามเหลี่ยมทั้งห้าแท่งระเบิดออกมาพร้อมกันในจันทราหยก เปลวเพลิงสีขาวพวยพุ่งอยู่ในนั้น พริบตาเดียวก็กลายเป็นเมฆอัคคีโอบล้อมร่างหลิ่วหมิงไว้
ชายเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่ไกลๆ เห็นเช่นนี้ ก็หัวเราะออกมาด้วยความพอใจ
แท่งกระดูกทั้งห้าของเขาดูไม่ธรรมดา ในความเป็นจริงแล้ว เป็นแค่อาวุธอาญาสิทธิ์ระดับสุดยอดเท่านั้น แต่ข้างในกลับซ่อนเปลวเพลิงอันร้อนแรงที่กลั่นมาจากปราณแกร่งไว้
แต่คนทั่วไปจะนึกถึงได้อย่างไรว่า คู่ต่อสู้ระดับของเหลวจะไม่ได้ใช้อาวุธจิตวิญญาณ ซึ่งเมื่อปะทะกับอาวุธจิตวิญญาณ ย่อมทำให้แท่งกระดูกระเบิดออกมาทันที ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เปลวเพลิงสีขาวภายในสามารถฆ่าศัตรูได้โดยไม่คาดคิด
วิธีการที่ชายเผ่าเจ้าสมุทรใช้นี้ เคยสังหารคู่ต่อสู้ระดับเดียวกันมามากแล้ว การโจมตีในครั้งนี้ก็ยังได้ผลดีเช่นเดิม
“นี่เป็นท่าไม้ตายของเจ้าล่ะสิ! เฮ่อๆ! ถ้าเป็นเช่นนี้จริงๆ ล่ะก็ มันทำให้ข้าผิดหวังมากจริงๆ วิธีการเช่นนี้ ข้าใช้ในสมัยเป็นศิษย์จิตวิญญาณมาไม่รู้ตั้งกี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว”
คิดไม่ถึงอาจารย์จิตวิญญาณของเผ่าเจ้าสมุทรผู้นี้ จะถูกหลิ่วหมิงแสดงวิชากระบี่สังหารได้โดยง่าย ซึ่งมันรวดเร็วกว่าที่หลิ่วหมิงคิดไว้เล็กน้อย
“วิชากระบี่ช่างแหลมคมยิ่งนัก มิน่าล่ะ! ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกฝนระดับสูงต่ำ ต่างก็กล่าวถึงวิชากระบี่”
หลิ่วหมิงกล่าวพึมพำสองสามประโยค จากนั้นก็คว้ากำไลมือสีดำที่มีเปลือกหอยจำนวนมากเลี่ยมฝังอยู่ออกมาจากสายฝนโลหิตมา
ก่อนหน้านั้น เขาเคยได้ยินหยางเฉียนพูดว่า สิ่งของที่อาจารย์จิตวิญญาณของเผ่าเจ้าสมุทรใช้บ่อยๆ ส่วนมากจะเป็นกำไลแขน
ของวิเศษชนิดนี้เมื่อผ่านการใส่และถอดออกร้อยกว่าครั้งแล้ว ก็จะถูกทำลายจนแตกร้าวออกมาเป็นเสี่ยงๆ แต่ยังคงใช้ได้ดีกว่ายันต์วิเศษทั่วไป ด้วยเหตุนี้อาจารย์จิตวิญญาณของเผ่าเจ้าสมุทรถึงชอบใช้ของสิ่งนี้โจมตีบ่อยๆ
แต่พริบตาที่เขาใส่กำไลเข้าไปในแขนเสื้อนั้น ความรู้สึกอันตรายสุดขีดบางอย่างก็ทะลักออกมาจากหัวใจ
ราวกับว่าครู่ต่อมา ภัยพิบัติครั้งใหญ่จะเข้ามาในไม่ช้า
หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นสะท้านขึ้นมา หลังจากกวาดสายตาดูรอบด้านอย่างรวดเร็ว ก็พบว่านอกจากกลุ่มการต่อสู้กลุ่มอื่นๆ ที่อยู่ไกลๆ แล้ว ก็ไม่มีเงาร่างของศัตรูตนใดอีกเลย
เขากวาดสายตาไปมาไม่กี่ทีก็ขยับร่างด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขาพุ่งไปยังอากาศด้านข้างจนเกิดเป็นเงาซ้อนทับกัน
“ฟู่!”
ปากใหญ่ที่มีฟันแหลมยาวหลายชุ่นโผล่ออกมาในฉับพลัน และงับลงตรงที่ที่หลิ่วหมิงเคยยืนอยู่ แต่กลับงับได้แต่ความว่างเปล่า ซึ่งเฉียดร่างหลิ่วหมิงไปเพียงเล็กน้อย
หลิ่วหมิงคำรามเสียงต่ำออกมา กระบี่สั้นสีเขียวในมือฟันปราณกระบี่สีเขียวที่ยาวจั้งกว่าๆ ใส่ปากขนาดใหญ่
“เต๊ง!”
ค้อนยักษ์ปรากฏตรงหน้าปากขนาดใหญ่ และต้านทานปราณประบี่สีเขียวไว้ได้อย่างง่ายดาย
หลิ่วหมิงตีลังกาถอยกลับไป
“ตู๊ม!”
ค้อนยักษ์สีเงินอีกอันทุบลงมาพร้อมกับพายุบ้าระห่ำ แต่กลับพบกับความว่างเปล่า
“เอ๋! ดูท่าข้าจะประมาทเจ้าเกินไป มิน่าล่ะไอ้สวะเมื่อครู่ถึงถูกเจ้ากำจัดได้อย่างง่ายดาย” น้ำเสียงเหนื่อยหน่ายที่แฝงไปด้วยความตกใจดังจากอากาศบริเวณนั้น
“ท่านเป็นใคร ใยต้องหลบๆ ซ่อนๆ!” หลิ่วหมิงจ้องมองอากาศเหนือปากขนาดใหญ่แล้วถามออกไปอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันกระบี่สั้นสีเขียวก็ถูกตั้งขวางไว้ตรงหน้า มือทั้งสองถูกสีทองห่อหุ้มจนถึงข้อมือในพริบตา
……………………………………….
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา