“ผู้ฝึกฝนอะไรกัน! โลกมายาที่แมลงพิษสร้างขึ้นอะไรกัน! ที่แท้ท่านพี่ก็เป็นบ้าตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้ว ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ หลิงเอ๋อร์ก็จะไม่โทษท่าน ข้าจะไปอยู่เป็นเพื่อนท่านเดี๋ยวนี้”
พอกล่าวจบก็มีเสียงดัง “ตู๊ม!”
หญิงวัยกลางคนกระโดดลงแม่น้ำอันขุ่นข้น
……
หลิ่วหมิงกับจางซิ่วเหนียงผ่านการเกิดใหม่ในพื้นที่สลัวๆ อยู่หลายครั้ง
ในระหว่างเวลานั้น จางซิ่วเหนียงเกิดเป็นเจ้าหญิง ขอทาน หญิงตกระกรำลำบากและสถานะอื่นๆ ที่แตกต่างกันไป
ทุกครั้งหลิ่วหมิงจะเกิดเป็นคนที่สนิทกับนางเป็นอย่างมาก นอกจากเป็นสามีภรรยาแล้ว ยังเป็นพ่อลูก พี่น้องเป็นต้น
ทุกครั้งที่หลิ่วหมิงอายุยี่สิบปี จะระลึกเกี่ยวกับเรื่องที่ตนเองเป็นผู้ฝึกฝนได้
ด้วยเหตุนี้ เขาย่อมใช้วิธีการต่างๆ กระตุ้นจางซิ่วเหนียง เพื่อหวังว่านางจะจำสถานะที่แท้จริงของตนเองได้
ในระหว่างนี้ มีสองครั้งที่หลิ่วหมิงเกือบทำสำเร็จ
แต่น่าเสียดายที่ถูกเงาร่างแมลงพิษยักษ์ตนนั้น ใช้พายุเย็นสะท้านลบเลือนความจำของจางซิ่วเหนียงกับหลิ่วหมิงจนหมดสิ้น ด้วยเหตุนี้จึงล้มเหลวมาโดยตลอด
แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกหงุดหงิด แต่ดีที่เงาร่างแมลงยักษ์ไม่สามารถปรากฏออกมาได้โดยง่าย ทุกครั้งที่มันปรากฏออกมา เงาร่างของมันก็จะลางเลือนลงไปมาก
ครั้งที่สามที่มันปรากฏตัวออกมา มันดูลางเลือนไปทั้งตัว และก็ไม่เคยปรากฏออกมาอีกเลย
……
ชาติที่เจ็ด
แม่ทัพหญิงสวมเกราะสีเงินกับชายหนุ่มสวมเกราะสีดำ ต่างก็ปักกระบี่และดาบยาวไว้ตรงจุดตายของฝ่ายตรงข้าม ทั้งสองโอบกอดกัน และกลิ้งลงจากหน้าผาที่สูงชะโงกเงื้อม
ทั้งสองตกลงบนกองหญ้าแห้งหนาๆ มือเท้าทั้งสี่คลายตัวออกจากฝ่ายตรงข้าม
แม้ว่าชายหนุ่มจะถูกฝ่ายตรงข้ามแทงหน้าอก แต่เขากลับจ้องมองแม่ทัพหญิงองอาจที่อยู่ไม่ไกลด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม
ส่วนหญิงสาว แม้จะหายใจรวยริน แต่สายตาที่จ้องมองชายหนุ่มกลับเต็มไปด้วยความแปลกใจ ขณะที่กำลังขยับปากจะพูดอะไรออกมานั้น ท้องฟ้าก็พลันมืดลง น้ำเสียงแหลมเศร้ากำสรดดังมาจากท้องฟ้า
จากนั้นฝนโลหิตไร้ขอบเขตก็สาดลงมา จนดูเหมือนจะปกคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ของโลกใบนี้
แต่ที่ไม่คาดคิดก็คือ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ หรือสิ่งมีชีวิตต่างๆ พอสัมผัสโดนฝนโลหิตก็ละลายไปในพริบตา
แต่แสงสีขาวปรากฏออกมาปกคลุมร่างของแม่ทัพหญิงกับชายหนุ่มเกราะดำไว้ ทำให้ฝนโลหิตตกลงบนนั้น และไหลลงไปด้านข้าง
“สหายหลิ่ว ครั้งนี้ต้องชื่นชมเจ้าแล้ว” แม่ทัพหญิงเกราะเงินเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่มีสีหน้าประหลาดใจเลย แต่กลับเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมาอย่างสงบ
“ในที่สุดสหายจางก็ฟื้นขึ้นมาสักที ยินดีด้วย! ตอนนี้แมลงพิษตัวนั้นคงโดนทำลายไปแล้ว อีกไม่นานพวกเราคงจะได้ออกไป” ชายหนุ่มเกราะดำตรงหน้าหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกมา
“อืม! วันที่ข้าฟื้นขึ้นมา คือวันตายของแมลงตัวนี้” หญิงเกราะเงินจ้องมองหลิ่วหมิงแล้วกล่าวด้วยตาที่เป็นประกายเล็กน้อย
ชายหนุ่มเกราะดำหัวเราะฮ่าๆ! และขณะที่กำลังจะถามอะไรบางอย่างนั้น ร่างของทั้งสองก็พร่าวมัวกลายเป็นจุดแสงสีขาวและสลายไป
……
กลางค่ายกลที่อยู่ในห้องโถงใหญ่
จางซิ่วเหนียงที่อยู่บนแท่นหยกร้องครวญครางออกมา เปลือกตาขยับสองสามที และค่อยๆ ลืมขึ้นมา
“สุดยอดไปเลย ศิษย์หลานจางฟื้นแล้ว” พอเหลิ่งเยวี่ยซือไท่และคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ต่างก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก
หญิงชุดม่วงที่แสดงวิชาอยู่ ก็ยิ้มออกมาพร้อมเก็บพลังเวทย์เข้าไป ทำให้แผ่นเก้าวัฏจักรจิตวิญญาณที่หมุนวนอยู่เหนือค่ายกลค่อยๆ หยุดลง
หยวนหมัวยิ้มบางๆ แล้วชี้มือข้างหนึ่งไปทางค่ายกล
ทันใดนั้นค่ายกลที่ส่งเสียงดังหวึ่งๆ ก็หยุดชะงักลง แสงทั้งหมดดับลงทันที
เงาร่างสะพานโค้งสีทองที่พาดระหว่างแท่นหยกทั้งสองแตกกระจายไปในพริบตา
ขณะนี้ ศิษย์หญิงนิกายจันทราสวรรค์สองคนก็รีบเข้าไปในค่ายกล คนหนึ่งหยิบโอสถใส่ปากจางซิ่วเหนียง อีกคนก็แปะยันต์เจ็ดแปดผืนลงบนตัวนางท่ามกลางแสงที่เปล่งประกาย
แม้จางซิ่วเหนียงจะหลุดออกจากโลกที่แมลงพิษสร้างขึ้นได้ แต่เวลานานเช่นนี้ ทำให้จิตของนางอ่อนระโหยโรยแรงเป็นอย่างมาก ทั้งยังสูญเสียพลังต้นกำเนิดไปไม่ใช่น้อย ถ้าไม่รีบช่วยเหลือล่ะก็ คงมีผลกระทบตามมาไม่ใช่น้อย
อีกด้านหนึ่ง หลิ่วหมิงค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากแท่นหยก และหยิบโอสถสีแดงมาทานอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเวลาจริงๆ ผ่านไปแค่ครึ่งวัน แต่สำหรับเขาแล้ว มันเหมือนกับว่าผ่านไปหลายร้อยปีจริงๆ พอสายตากวาดมองผู้คนในห้องแล้ว ก็รู้สึกใจลอยเล็กน้อย
“ครั้งนี้ศิษย์หลานหลิ่วทำได้ดีมาก ช่วยจางซิ่วเหนียงออกมาได้นับว่ามีความดีความชอบเป็นอย่างมาก วางใจเถอะ! เรื่องที่ข้ารับปากเจ้า จะต้องไม่คืนคำอย่างแน่นอน” เย่เทียนเหมยเดินมาทางหลิ่วหมิง และกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ผู้อาวุโสเย่ชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่ทำอย่างสุดความสามารถเท่านั้น” เพราะหลิ่วหมิงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ต่อให้สภาพจิตใจจะยังไม่ปกติ แต่ก็รีบกระโดดลงจากแท่นหยก และทำการโค้งคารวะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา