ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 3

“เจ้าเด็กสารเลว เจ้าบังอาจทำร้ายฮูหยินของข้า ครั้งนี้ข้าจะให้เจ้าตายอย่างแน่นอน” ใบหน้าของชายผู้นี้สะท้อนลงในกระบี่สั้น เห็นได้ชัดว่าใบหน้านั้นบิดเบี้ยวเล็กน้อย มืออีกข้างโยนธนูทิ้งไป หยิบเม็ดโอสถสีแดงเลือดจากหน้าอกเม็ดหนึ่ง แล้วใส่ปากอย่างรวดเร็ว

กระบวนท่าเมื่อสักครู่นั้นโจมตีจากระยะไกลไปหน่อย ทำให้แสดงพลังได้ไม่เต็มที่

เมื่อหลิ่วหมิงเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ ก็ส่งเสียงเรียกดังออกมา “อาวุธลับ” มือข้างหนึ่งขว้างเม็ดสีขาวกลุ่มหนึ่งไปยังหญิงอัปลักษณ์ที่นอนกระตุกอยู่บนพื้น ในขณะเดียวกันก็ยันเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาแล้ววิ่งอย่างรวดเร็วดั่งลูกธนูหนีเข้าไปในป่าดงดิบอีกด้านหนึ่ง

ชายหนุ่มตะลึงงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งยังโมโหสุดขีด แต่ก็ไม่อาจทิ้งหญิงอัปลักษณ์ที่อยู่บนพื้นแล้ววิ่งไล่ตามเด็กหนุ่มได้ เลยได้แต่จำใจป้องกันตัวจากอาวุธที่ลอยมาข้างหน้า โดยใช้กระบี่ที่ทำจากกระดูกเล่มนั้นแทงไปในอากาศเพื่อสกัดอาวุธลับที่พุ่งมา

เสียงดัง “ตูม”เม็ดขาวๆ กลุ่มนั้นถูกพลังที่มองไม่เห็นในอากาศกระแทกจนแตกกระจาย

เม็ดสีขาวเหล่านั้นแตกกระจายกลายเป็นผงสีขาวเทาสาดกระจายลงตรงหน้า ปกคลุมพื้นที่หลายจั้ง

ชายเสื้อน้ำเงินตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่กล้าให้ผงแป้งเหล่านี้สัมผัสโดนร่างกาย รีบเอากระบี่มาตั้งท่าไว้ที่หน้าอก มืออีกข้างดันตรงออกไปด้านหน้าและกล่าวคำว่า “ปราการคุ้มกัน”

ชั่วพริบตา กระบี่สั้นก็ค่อยๆ เปล่งแสงออกมา คลื่นพลังงานที่ไร้รูปแผ่กระจายขึ้นไปข้างบน ผลักผงเหล่านั้นแผ่กระจายร่วงหล่นไป

ชายหนุ่มย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว ใช้นิ้วชี้แตะผงที่อยู่บนพื้นข้างหน้ามาดม ความรู้สึกโกรธแค้นประดังเข้ามาทันที

“มันก็แค่ผงแป้งธรรมดา เจ้าเด็กสารเลว ข้าจะสับเจ้าเป็นหมื่นชิ้น”

ชายหนุ่มด่าสาปแช่งเสร็จแล้ว ก็รีบไปดูอาการของภรรยาที่อยู่บนพื้น

มือของนางกำคอไว้แน่น ลมหายใจแผ่วเบาลงทุกที ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้แล้ว

“ฮูหยินเจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไปเอาชีวิตของเจ้าเด็กนั่น เจ้าจะไม่ตายอย่างโดดเดี่ยวแน่นอน”

ชายเสื้อน้ำเงินกัดฟันพูดเสร็จก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง จับกระบี่สั้นในมือไว้แน่น ตะโกนออกมาว่า “ร่างสลาตัน” ร่างของเขาออกวิ่งอย่างรวดเร็วดุจพายุสลาตันไปทางที่เด็กหนุ่มหนีไป

ท่วงท่ารวดเร็วกว่าก่อนหน้านั้นมาก ดูราวกับปีศาจร้ายเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่ากำลังภายในเขาจะมีไม่มาก แต่อาศัยเม็ดโอสถ ‘ปราณโลหิต’ ที่กินเข้าไปเมื่อครู่นี้ ใช้เวลาแค่ไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สามารถใช้วิธีการของผู้ฝึกปราณได้สองสามครั้ง สำหรับการไล่ฆ่าคนธรรมดาแล้วนับว่ามีพลังเหลือเฟือเลยทีเดียว

……

หลิ่วหมิงกำลังวิ่งหนีอยู่ในป่าอย่างไม่คิดชีวิต รู้สึกถึงความหนักหน่วงของขาทั้งสองข้าง ในขณะเดียวกันก็รู้สึกแสบร้อนผิดปกติที่หน้าอก เป็นเพราะการหักโหมใช้พลังอย่างดุเดือด ทำให้มีเลือดไหลออกมาจากบาดแผลต่างๆ ไม่หยุด

บาดแผลเก่าบนหัวไหล่ออกอาการกำเริบหนักขึ้นกว่าเดิม ทำให้ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวได้ช้า

หลิ่วหมิงไม่คิดจะหยุดเพื่อพันแผล แต่กลับวิ่งตะบึงไปทิศทางบางแห่งไม่ยอมหยุด

พื้นที่สว่างโล่งด้านหน้า ในที่สุดเด็กหนุ่มก็วิ่งออกจากป่าดงดิบมาสู่พื้นที่โล่งกว้างนี้

สุดเขตพื้นที่โล่งกว้างคือแม่น้ำกว้างใหญ่หลายสิบจั้ง น้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยวกราก คลื่นยักษ์สีขาวซัดกระเพื่อมอย่างบ้าคลั่ง

หลิ่วหมิงรู้สึกดีใจที่เจอสถานที่แบบนี้ แต่ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างค่อยๆ มืดลง ขาโซเซจนเกือบจะล้มลงไป

เขารู้สึกตกใจ รีบเอาฟันกัดลิ้นอย่างรุนแรง กลิ่นคาวและรสชาติของเลือดสดคลุ้งเต็มช่องปาก ทำแบบนี้ถึงจะเรียกสติตัวเองให้ยืนตัวตรงได้

แต่ทว่าในขณะนั้นเสียงอาฆาตแค้นของชายเสื้อน้ำเงินดังขึ้นจากป่าดงดิบที่อยู่ด้านหลัง

“เจ้าเด็กสารเลว ดูสิว่าเจ้าจะหนีไปไหนพ้น!”

เสียงพูดเพิ่งสิ้นสุดลง เสียงพายุก็พัดมาอย่างแรง พริบตาเดียวชายเสื้อน้ำเงินก็โผล่มาจากหลังต้นไม้ใหญ่และกระโดดเข้าไปหาเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงหันมามอง ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รีบโยนกระบี่สีเงินใส่ชายเสื้อน้ำเงินอย่างโหดเหี้ยม แล้วสองขาก็กระโดดไปที่แม่น้ำอย่างรวดเร็ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา