ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปียืนอยู่ด้านหน้าของเรือเหาะ สีหน้าหม่นหมองเล็กน้อย ชุดคลุมสีเทาบนตัวโบกสะบัดเองโดยที่ไม่มีลม ด้านหน้ามีลูกเปลวไฟสีแดงลอยอยู่เจ็ดแปดลูก
คนผู้นี้ก็คือหลิ่วหมิงที่เพิ่งออกมาจากเมืองกู่หนานไม่นานนั่นเอง
ด้านหน้าของเรือเหาะมีทะเลเพลิงพวยพุ่ง มีผู้ฝึกฝนต่างเผ่าพยายามดิ้นรนอยู่ในนั้นหลายคน แต่หลังจากมีเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา พวกเขาก็ค่อยๆ กลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาอีก
พอหลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ ลูกเปลวไฟตรงหน้าก็ดับสลายจนหมดสิ้น
ตลอดการเดินทางที่ผ่านมา ทำให้เขารู้ถึงความวุ่นวายและความไม่มีขื่อไม่มีแปของเกาะตะพาบน้ำ
เรื่องการหายตัวของผู้ฝึกฝนในเมืองกู่หนาน ทำให้หลิ่วหมิงอำพรางระดับการฝึกฝนของตนเองให้อยู่ที่ระดับศิษย์จิตวิญญาณขั้นปลายที่สมบูรณ์แบบ เพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจ
ผลลัพธ์คือ ทุกระยะการเดินทางมักจะมีคนเจตนาหาเรื่องอยู่เสมอ โชคดีที่คนเหล่านี้มีพลังไม่ค่อยแข็งแกร่งมาก จึงถูกเขาสังหารไปจนหมดสิ้น
วันนี้ หลิ่วหมิงที่อยู่บนเรือกลเหาะค่อยๆ หรี่ตามองตลาดขนาดค่อนข้างใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง
“ในที่สุดก็มาถึงหุบเขาเหล็กอัคคีแล้ว” หลิ่วหมิงพูดพึมพำ และบังคับเรือกลเหาะให้ค่อยๆ ร่อนลงไป
ครึ่งชั่วยามต่อมา ชายหนุ่มชุดคลุมสีเทา ใบหน้าธรรมดา ก็ปรากฏตัวในหุบเขาเหล็กอัคคี เมื่อปะปนอยู่กับคนต่างเผ่าอื่นๆ แล้ว ก็ดูไม่เตะตาเลยแม้แต่น้อย
ก่อนออกเดินทาง หลิ่วหมิงได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับหุบเขาเหล็กอัคคี และเหยียนเจวี๋ยจากปากคนอื่นๆ มาแล้ว
หุบเขาเหล็กอัคคีเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ที่วังเพลิงดำควบคุม
ส่วนเหยียนเจวี๋ย มนุษย์เผ่าอัคคีบริสุทธิ์ที่เป็นหนึ่งในสามผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธในเขตทะเลชังไห่ ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธระดับสุดยอด ที่นั่งประจำการอยู่ในตลาดหุบเขาเหล็กอัคคีแห่งนี้
จากการกวาดสายตามอง ทำให้ค้นพบว่าสิ่งก่อสร้างทั้งหลายล้วนสร้างมาจากเหล็กและหินแร่ต่างๆ ภายใต้แสงแดดที่สาดส่องลงมา ก่อให้เกิดเป็นแสงทรงกลดสีขาวเทา ทำให้สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ ดูหนาแน่นและแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก
ระหว่างทาง นักรบชุดเกราะลักษณะน่าเกรงขามที่มีสัญลักษณ์ของวังเพลิงดำประทับอยู่บนตัว กำลังลาดตระเวณไปมา
นักรบชุดเกราะเหล่านี้ มีสีหน้าไร้ความรู้สึก กล้ามเนื้อบนใบหน้าแข็งทื่อราวกับก้อนหิน ราวกับร่างที่ไม่มีเลือดเนื้อ
หลิ่วหมิงส่งพลังจิตกวาดดูเล็กน้อย ก็ค้นพบว่า แม้นักรบชุดเกราะของวังเพลิงดำเหล่านี้ จะมีการฝึกฝนอยู่ระดับของเหลวลงไป แต่กลิ่นไอบนตัวกลับดูแปลกประหลาดมาก ทำให้รู้สึกราวกับว่าพวกเขาไม่มีชีวิต
นี่คือทหารโลหิตเหล็กที่มีชื่อเสียงของวังเพลิงดำนั่นเอง ว่ากันว่าแม้ระดับการฝึกฝนจะไม่สูง แต่กายเนื้อของพวกเขาผ่านการชุบของเหลวจิตวิญญาณชนิดพิเศษ ทำให้มีพลังมหาศาล สามารถขย้ำเสือด้วยมือเปล่าได้
หลิ่วหมิงได้ยินชื่อเสียงทหารโลหิตเหล็กของวังเพลิงดำมานานแล้ว ขณะนี้ได้เห็นกับตาตนเอง ย่อมรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขาแอบอุทานในใจว่าวังเพลิงดำนี้ไม่ง่ายเลย
เดินอยู่ในหุบเขาเหล็กอัคคีซักพัก หลิ่วหมิงค้นพบว่า ร้านหลอมอาวุธในตลาดมีจำนวนมาก ดูเหมือนเดินไปไม่กี่ก้าวก็พบหนึ่งร้าน
และร้านหลอมอาวุธแต่ละร้านจะมีผู้เชี่ยวการหลอมอาวุธประจำการอยู่หนึ่งคน
โดยปกติแล้ว เงื่อนไขของการเป็นผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธแต่ละคนล้วนโหดร้ายเป็นอย่างมาก ต้องมีการฝึกฝนเป็นระยะเวลาอันยาวนาน และใช้วัสดุในการฝึกฝนเป็นจำนวนมาก
ในนิกายปีศาจ ผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธที่แท้จริง ก็มีแค่ศิษย์พี่หวงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการที่นิกายปีศาจทุ่มเทกำลังฝึกฝนมา
นี่เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธมีน้อย แต่หุบเขาเหล็กอัคคีในตอนนี้ กลับมีผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธเป็นจำนวนมาก มันทำให้เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
จากนั้น เขายังค้นพบว่าของที่ขายตามร้านค้าสองข้างทางก็มีอาวุธจิตวิญญาณชนิดต่างๆ เป็นหลัก สิ่งของจำพวกวัสดุการหลอมอาวุธชนิดต่างๆ สมุนไพรจิตวิญญาณ และอื่นๆ กลับพบเห็นไม่มาก
ชื่อเสียงของหุบเขาเหล็กอัคคี สมกับคำร่ำลือจริงๆ
สองชั่วยามผ่านไป หลิ่วหมิงเดินวนร้านค้านในหุบเขาไปได้หนึ่งรอบ และถือโอกาสสอบถามราคาของสิ่งของ ในที่สุดก็พอเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ดังนั้นจึงไปหาที่พักในหุบเขา
……
ในหอลับตาคนที่สร้างตามภูเขา
หลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง เขาค่อยๆ หรี่ตาทั้งคู่ลงราวกับคิดอะไรอยู่ในใจ
“หุบเขาเหล็กอัคคีมีผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธมากมายเช่นนี้ คิดว่าคงต้องการวัสดุหลอมโลหะไม่น้อย โดยเฉพาะวัสดุหลอมอาวุธจิตวิญญาณที่หาได้ยาก”
หลิ่วหมิงกล่าวเช่นนี้ และพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา เผยให้เห็นกล่องสีแดงขนาดเท่าฝ่ามือ พอปล่อยพลังผ่านกล่องสีแดง ฝากล่องก็เปิดออก ขนแข็งสิบกว่าเส้นที่ถูกยันต์สะกดไว้เลื้อยขยุกขยิกอยู่ในนั้น
นี่คือขนแข็งสิบกว่าเส้น ที่หลิ่วหมิงได้มาจากบาทาปีศาจยักษ์ที่ถูกผนึกตนนั้น
หลังจากได้ขนแข็งเหล่านี้มา เขาเคยเจียดเวลาตรวจสอบมันอยู่หลายครั้ง ค้นพบว่าพอดึงยันต์ออก ขนแข็งเหล่านี้ก็จะบิดตัวไปมาราวกับสิ่งมีชีวิต แลดูคล้ายกับอสรพิษดำขนาดเล็ก
สำหรับวัสดุที่มีสติปัญญาเช่นนี้ แม้หลิ่วหมิงจะเคยได้ยินและได้เห็นเป็นครั้งแรก แต่ไม่ต้องถาม ก็รู้ว่าพวกมันเป็นวัสดุหลอมอาวุธที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก
แต่เพื่อโซ่ตรวนสะกดวิญญาณของเหยียนเจวี๋ยชิ้นนั้น หลิ่วหมิงจึงตัดสินใจนำมันออกมาแลกกับหินจิตวิญญาณจำนวนมาก หรืออาจจะลองนำไปแลกกับโซ่ตรวนสะกดวิญญาณโดยตรงก็ได้
ถ้าเป็นเช่นนี้ อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องไปแตะไข่เทพอสูรกับยันต์นักรบเกราะทองคำแล้ว
หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ และหยิบกล่องหยกออกมาอีกใบหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ วางขนแข็งสีดำลงไปในนั้นหนึ่งเส้น
แม้ในเวลานี้ แม้เขาจะรู้ว่าขนแข็งสีดำมีมูลค่าไม่น้อย แต่ก็ไม่อาจคาดเดาราคาได้อย่างแม่นยำ ด้วยเหตุนี้เลยตัดสินหาร้านในหุบเขา เพื่อลองขายดูก่อน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา