ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 359

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 359 ทรายทองคำร่วง
ตอนที่ 359 ทรายทองคำร่วง
โดย
Ink Stone_Fantasy
หลิ่วหมิงมองดูอาวุธที่กลายร่างมาจากแขนของหุ่นนักรบทั้งสองด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ขมวดคิ้ว และเพ่งเล็งสมาธิไปยังร่างหุ่นนักรบที่แขนกลายเป็นค้อน

เดิมทีพลังของหุ่นนักรบตัวนี้ก็แข็งแกร่งมากแล้ว หากประสานมือกับค้อนที่หนักเช่นนี้ พลังการโจมตีของมัน จะต้องไม่ต่ำกว่าพลังการโจมตีของระดับของเหลวขั้นปลายอย่างแน่นอน!

“ฟู่!” “ฟู่!”

แสงสีทองบนร่างของหุ่นนักรบทั้งสองหมุนวนเวียนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พร่ามัวมาขนาบอยู่ด้านหน้าและด้านหลังของหลิ่วหมิง กริชและค้อนตัดสลับกัน ฟันลงบนตัวของเขาทันที

ขณะนี้ เหยียนเจวี๋ยที่มองดูการต่อสู้อยู่ ก็เคลื่อนไหวขึ้นมา พอเขาพลิกมือข้างหนึ่งขึ้น เม็ดทรายสีทองอร่ามก็ปรากฏในมือ

เขาหัวเราะอย่างเยือกเย็น พร้อมกับยกแขนทั้งสองขึ้น และเอามือถูกัน จากนั้นเม็ดทรายก็ถูกโยนออกไป ขณะเดียวกันก็นั่งขัดสมาธิอยู่กลางอากาศ และเริ่มร่ายคาถาออกมา

ฉากอันน่าประหลาดใจบังเกิดโดยฉับพลัน!

เม็ดทรายสีทองลอยเต็มท้องฟ้าท่ามกลางเสียงแผดร้อง พริบตาเดียวก็หายไปในอากาศจนหมดสิ้น

ขณะนี้ หลิ่วหมิงที่อยู่ไม่ไกลกำลังจะเปิดการโจมตีใส่หุ่นนักรบทั้งสอง ทันใดนั้น แสงสีทองเปล่งประกายขึ้นตรงหน้า พริบตาเดียวก็ห่อหุ้มเม็ดทรายสีทองทั้งหมดไว้

เขารีบกระตุ้นพลังเวทย์ทั้งหมดใส่กระบี่จันทราทองคำด้วยความตกใจ กระบี่เปลี่ยนเป็นแสงสีทองอร่าม และฟาดฟันเม็ดทรายสีทองอย่างรุนแรง

แต่สิ่งที่ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกหวาดผวาก็คือ กระบี่จันทราทองคำฟันใส่เม็ดทรายสีทอง ราวกับฟันลงบนกำแพงเหล็กจนเกิดสะเก็ดไฟขึ้นมา และเม็ดทรายสีทองเหล่านั้นกลับไม่เป็นอะไรเลย

“ข้าตั้งใจสร้างอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดอย่างทรายทองคำร่วงขึ้นมา พอมันถูกกระตุ้น สามารถปกคลุมพื้นที่ได้กว้างถึงร้อยจั้ง ทั้งยังแข็งแกร่งจนไม่สามารถทำลายได้ แม้ว่ากระบี่สั้นในมือของสหายจะเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอด แต่หากคิดจะให้อาวุธนี้ทำลายทรายทองคำล่ะก็ มันดูเพ้อฝันไปหน่อย” ขณะนี้ เหยียนเจวี๋ยที่กำลังควบคุมทรายทองคำลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา พอมองสถานการณ์ตรงหน้าแล้ว ก็กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน

หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นสะท้านขึ้นมา แต่ไม่แสดงออกทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงแค่กระตุ้นพลังเวทย์ใส่กระบี่จันทราทองคำอย่างเงียบๆ

เหยียนเจวี๋ยเห็นเช่นนี้ ก็หัวเราะออกมาเยือกเย็นกว่าเดิม จากนั้นก็กล่าวอย่างไม่รีบร้อน

“หากรู้จักเอาตัวรอด ข้าจะให้สหายไปเกิดใหม่แบบสบายๆ แต่หากยังยืนกรานความคิดอันโง่งมจนทำให้ข้าโมโหล่ะก็ ข้าจะทำให้เจ้ารู้ว่าอะไรคือจะอยู่ก็ไม่ได้จะตายก็ไม่เชิง”

หลิ่วหมิงยังคงไม่แสดงอาการใดๆ ออกมา แต่กระบี่จันทราทองคำในมือเริ่มสั่นไหว แสงสีทองค่อยๆ เปล่งประกาย

หลังจากมีเสียงตะโกนดังออกมา แสงเย็นสะท้านก็เปล่งประกาย!

กระบี่จันทราทองคำกลายเป็นเงาสีทองซ้อนทับกันหลายชั้น จากนั้นก็ฟันออกไปทั่วทิศราวกับคลื่นอันบ้าคลั่ง

“โครมคราม!”

เม็ดทรายสั่นสะเทือนราวกับกระแสน้ำที่ไหลทะลัก มันทำลายการโจมตีของกระบี่จันทราทองคำได้ทั้งหมด

ขณะนี้ บริเวณรอบๆ ตัวของหลิ่วหมิง มีเสียงอากาศระเบิดตัวออกมา หุ่นนักรบทั้งสองพุ่งมาถึงด้านนอกของเม็ดทรายทองคำ แขนของมันกลายเป็นคมมีดอันแหลมคมและฟันเข้ามา

ทรายทองคำเหล่านั้น ไม่เป็นอุปสรรคต่อการโจมตีของพวกมันเลย ราวกับว่าไม่มีทรายทองคำอยู่ตรงนั้น

หลิ่วหมิงตีหน้าขรึมลง พอเขาสะบัดข้อมือข้างหนึ่ง กระบี่สั้นสีทองก็กลายเป็นแสงกระบี่ต้านทานทรายทองคำและคมมีดอันแหลมคมไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ตบถุงหนังตรงเอว

“ฟู่!”

ถุงหนังเปิดออก กลุ่มไอสีดำพุ่งออกมา

มันหมุนตัวติ้วๆ และก่อตัวกลางอากาศ พอมีเสียงดังหัวเราะแปลกประหลาดดังขึ้น มันก็กลายเป็นหัวบินที่มีผมสีเขียว

หลังผ่านการบรรลุระดับ และบ่มเพาะมาช่วงหนึ่ง หัวกระโหลกทั้งสองที่อยู่ด้านข้าง ก็ใหญ่ขึ้นเล็กน้อย เปลวไฟปีศาจในดวงตาก็สว่างกว่าตอนนั้นมาก

ต่อมา หลิ่วหมิงตบถุงหนังอีกใบ พอแสงสีดำม้วนตัวออกมา แมงป่องกระดูกที่มีเกล็ดสีแดงขนาดเท่าเมล็ดถั่ว ก็ปรากฏออกมาพร้อมกับส่งเสียงร้อง

เขากระตุ้นจิตสั่งหัวบินกับกระดูกขาวอย่างเงียบๆ

แมงป่องกระดูกฟังจบ ก็กระโดดขึ้นมาทันที และพุ่งไปหาหุ่นนักรบตัวหนึ่ง ขณะเดียวกัน ‘หัวอสรพิษ’ ตรงหลังก็เลื้อยไปมาพร้อมกับส่งเสียงร้อง เส้นสีดำจำนวนพุ่งไปยังฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว

เกือบจะในเวลาเดียวกัน หัวบินอ้าปากพ่นไอสีเขียวพวยพุ่งห่อหุ้มร่างของนักรบตัวหนึ่งไว้

ผมยาวสีเขียวพุ่งยิงออกไปจนเต็มท้องฟ้า และกลายเป็นตาข่ายปกคลุมหุ่นนักรบตัวนี้

หุ่นนักรบทั้งสองก็ไม่ยอมแพ้ พวกมันอาศัยร่างอันแข็งแกร่งกับอาวุธที่สองมือกลายร่างมาโจมตีกลับอย่างสุดชีวิต

การป้องกันของหุ่นนักรบทั้งสองน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แม้ว่าการโจมตีของแมงป่องกระดูกกับหัวบินจะแปลกประหลาด และมีอานุภาพไม่น้อย แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้ในชั่วขณะหนึ่ง ทำได้เพียงแต่ก่อกวนพวกมันไม่ให้โจมตีหลิ่วหมิงเท่านั้น

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย และตั้งสมาธิไปยังทรายทองคำที่อยู่ตรงหน้า

เขาเก็บกระบี่จันทราทองคำในมือ และกำมือทั้งสองไว้แน่น ทันใดนั้น ไอดำพวยพุ่งออกมา ภายใต้เสียงตะโกนอันดัง กำปั้นทุบใส่ทรายทองคำตรงหน้าอย่างรุนแรง

“หวึ่งๆ!”

อากาศบริเวณที่กำปั้นเคลื่อนตัวผ่าน มีเสียงอู้อี้ดังออกมา ขณะเดียวกัน อากาศบริเวณนั้นก็ค่อยๆ สั่นไหว

“เจ้าโง่!”

เหยียนเจวี๋ยหัวเราะอย่างเยือกเย็น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา