ผลึกกลมๆ นี้เป็นสมบัติย่อส่วนที่พบเจอได้น้อยมาก พื้นที่ในนั้นดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่กว่าหอยสังข์ย่อส่วนเล็กน้อย
เขานำของทั้งสองชิ้นออกมาด้วยความประหลาดใจ
โล่กระดูกมีขนาดเท่าฝ่ามือ มีสีดำมืด และมีหัวกะโหลกสลักอยู่เก้าหัว ไอดำลอยวนเวียนอยู่บนนั้นเป็นชั้นๆ ภายใต้สถานการณ์ที่ไอดำพวยพุ่งอยู่ไม่หยุด มีใบหน้าปีศาจจำนวนมากปรากฏขาดๆ หายๆ แลดูแปลกประหลาดยิ่งนัก
ส่วน ‘คัมภีร์หลอมอัคคี’ เล่มนั้น หลังจากเปิดดูไปหนึ่งรอบ กลับค้นพบว่าครึ่งแรกของมัน บันทึกเกี่ยวกับพลังและเคล็ดวิชาที่เหมาะสมสำหรับมนุษย์เผ่าอัคคีบริสุทธิ์ ครึ่งหลังบันทึกเกี่ยวกับประสบการณ์การหลอมอาวุธของเหยียนเจวี๋ย และวิธีการหลอมอาวุธจิตวิญญาณที่มีอานุภาพสองสามอย่าง
จากการแนะนำอาวุธจิตวิญญาณของ ‘คัมภีร์หลอมอัคคี’ ในที่สุดหลิ่วหมิงก็เข้าใจว่า ที่แท้โล่กระดูกสีดำมืดนั้น เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่มีชื่อว่า ‘โล่เก้ากะโหลก’
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่จะรู้สึกดีใจมาก เขารีบทำท่ามือส่งพลังเวทย์เข้าไปในโล่ทันที
“ฟู่!” “ฟู่!”
จากนั้นไอดำในโล่พวยพุ่งออกมา อักขระสีดำเริ่มลอยออกมาบนพื้นผิว และหมุนติ้วๆ รวมตัวเป็นค่ายกลอักขระเลือนลางหลายชั้น พอมองออกไปจะเห็นว่ามีมากถึงสามสิบห้าชั้น
คิดไม่ถึงว่าอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้ จะมีสามสิบห้าชั้นจำกัด!
หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นสะท้าน สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกตกใจขึ้นมาจริงๆ
อาวุธจิตวิญญาณสามสิบห้าชั้นจำกัด เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอด มีชั้นจำกัดมากกว่ากระบี่จันทราทองคำในมือเขาถึงเจ็ดชั้น
อย่างที่รู้ว่า ขณะที่ระดับของอาวุธจิตวิญญาณเพิ่มสูงขึ้น ชั้นจำกัดของมันก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และอานุภาพก็เพิ่มขึ้นทวีคูณ!
“เหยียนเจวี๋ยผู้นี้สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธจริงๆ โล่เก้ากระดูกอันนี้ห่างจากต้นแบบอาวุธเวทย์สามสิบหกชั้นจำกัดในตำนานเพียงก้าวเดียว ตามที่บรรยายใน ‘คัมภีร์หลอมอัคคี’ เดิมทีสองชั้นจำกัดสุดท้ายของอาวุธจิตวิญญาณ ต้องใช้วัสดุจิตวิญญาณมาช่วยเสริม มิน่าเหยียนเจวี๋ยถึงอยากได้ขนแข็งปีศาจยักษ์ขนาดนี้ หากเป็นข้าที่เจอสถานการณ์เช่นนี้ ก็คงไม่ต่างกัน แต่อันโล่นี้ จะสามารถประทับชั้นจำกัดที่สามสิบเจ็ด จนกลายเป็นอาวุธเวทย์ในตำนานอย่างแท้จริงได้หรือไม่นั้น คงไม่ใช่อาศัยแค่วัสดุจิตวิญญาณ แต่ยังต้องอาศัยจังหวะและโอกาสด้วย เขามีสมบัติล้ำค่าระดับนี้ กลับไม่เคยปรับแต่งมาก่อน ช่างน่าแปลกเสียจริง มิเช่นนั้นคงไม่ถึงกับเสียชีวิตง่ายๆ เช่นนี้” หลิ่วหมิงคิดอยู่ในใจ และจ้องมองโล่บนมือด้วยตาที่เป็นประกาย ใบหน้าเขาปิดบังความตื่นเต้นไม่มิด
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เดิมทีเหยียนเจวี๋ยคิดจะหลอมชั้นจำกัดที่สามสิบหกให้เสร็จสรรพก่อน แล้วค่อยทำการปรับแต่ง
จากนั้นอาศัยเคล็ดวิชาบางอย่าง ยืมพลังของอาวุธจิตวิญญาณทะลวงคอขวดไปถึงระดับผลึก
แต่พอคิดจะหลอมชั้นจำกัดที่สามสิบหกของโล่เก้ากระโหลกออกมา ก็จำเป็นต้องใช้วัสดุจิตวิญญาณจำนวนไม่น้อย
ขณะที่เหยียนเจวี๋ยเริ่มวางแผนแย่งชิงขนแข็งจากเขานั้น คงคิดไม่ถึงว่าตนเองจะเสียชีวิตในมือผู้ฝึกฝนระดับของเหลวคนหนึ่ง
เพราะที่เขาออกมาในครั้งนี้ แค่หุ่นนักรบสองตัวก็มีพลังไม่ด้อยไปกว่าผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายแล้ว และตัวเขาเองยังพกทรายทองคำร่วงที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดมาด้วย
หลิ่วหมิงเก็บโล่กระดูกเข้าไป และเปิด ‘คัมภีร์หลอมอัคคี’ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโล่เก้ากระโหลก เพื่ออ่านอย่างละเอียดอีกครั้ง
ในนั้นบันทึกวิธีหลอมชั้นจำกัดที่สามสิบหกอย่างละเอียด หากจะหลอมชั้นจำกัดนี้ออกมา นอกจากต้องใช้วัสดุจิตวิญญาณจำนวนไม่น้อยแล้ว ยังต้องใช้วัสดุล้ำค่าอีกสองสามอย่างมาช่วยเสริม
“หินจื่อหยาง น้ำยาฮุ่ยหยิน……”
พอหลิ่วหมิงอ่านจบ ก็รีบจดจำชื่อของวัสดุเสริมเหล่านั้นทันที และปิดคัมภีร์สีแดงลง จากนั้นก็มองไปยังกองขี้เถ้าด้วยตาที่เป็นประกาย
เขาเพียงแค่คว้ามือไปกลางอากาศ
“ฟู่!” เม็ดทรายสีทองขนาดเท่าเมล็ดถั่วเหลืองจำนวนสิบเอ็ดเม็ดพุ่งออกมา และตกลงบนมือของเขาทั้งหมด
หลิ่วหมิงตรวจสอบดูมันอย่างละเอียด และแล้วก็ต้องเผยรอยยิ้มออกมา
ความร้ายกาจของทรายทองคำร่วงนี้ เขาได้เห็นกับตามาก่อนหน้านั้นแล้ว
ตอนนี้มาตกอยู่ในมือของเขา ทำให้เขามีอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดเพิ่มขึ้นมาอีกชิ้น ย่อมเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก
พอหลิ่วหมิงพลิกฝ่ามือ สิ่งของทั้งหมดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย จากนั้นก็เก็บแมงป่องกระดูกกับหัวบินเข้าไปด้วย เขาไม่กล้าอยู่ที่นี่นานมากนัก ดังนั้นจึงสะบัดแขนเสื้อปล่อยเรือกลเหาะออกมา
หลิ่วหมิงแตะเท้าข้างหนึ่งลงพื้นเบาๆ จากนั้นร่างของเขาก็ไปปรากฏอยู่บนเรือกลเหาะ พอทำท่ามือด้วยมือเดียว เรือเหาะก็กลายเป็นลำแสงทะยานขึ้นฟ้า
……
ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังหลบหนีอยู่นั้น มีเสียงแหลมดัง “ฟิ้ว!” บนอากาศที่อยู่ห่างจากหุบเขาเหล็กอัคคีระยะหนึ่ง
สายรุ้งสีเงินพุ่งมาจากด้านหนึ่งของขอบฟ้า พอสีแสงสีเงินเปล่งประกาย มันก็มาปรากฏตัวในระยะร้อยกว่าจั้ง
หากสังเกตดูในระยะอันใกล้นี้ ก็จะค้นพบพบว่า มีหญิงสาวงดงามสวมชุดสีขาวถูกสายรุ้งสีเงินห่อหุ้มอยู่ ดวงตาดูมืดมนเล็กน้อย แต่กลิ่นไอบนตัวยังคงดุเดือดรุนแรงมาก ราวกับกระบี่แหลมคมที่ออกจากฝัก
นางคือเย่เทียนเหมยที่ถูกหมาซู่ไล่ล่านั่นเอง
ตลอดการตามล่า เป็นเพราะว่าหมาซู่หวาดกลัววิชากระบี่อันแข็งแกร่งของเย่เทียนเหมย จึงไม่กล้าเข้าใกล้นางมากนัก ทำได้แต่รักษาระยะห่างไว้ และใช้พลังจิตจับตำแหน่งของนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา