สำหรับราชาปีศาจสมุทรแล้ว ผู้ฝึกฝนกระบี่ระดับผลึกที่มีพลังเวทย์บริสุทธิ์อย่างเย่เทียนเหมย ไม่ใช่เตาหลอมพลังอันสุดยอดของเขาหรอกหรือ!
ด้วยเหตุนี้ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเคล็ดลับการเข้าสู่แก่นแท้ และความยืนยาวของอายุขัย ทำให้ผู้อาวุโสหลิวไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ในแต่ก่อน ถึงได้รวมพลังจัดการหมาซู่ และโจมตีเย่เทียนเหมยในฉับพลัน
แน่นอนว่าผลลัพธ์ที่เขาทำเช่นนี้ เพียงแค่มีข่าวเล็ดลอดออกไปเล็กน้อย ชีวิตนี้คงไม่อาจกลับไปยังแผ่นดินอวิ๋นชวนได้
พอคิดมาถึงจุดนี้ ผู้อาวุโสคิ้วดำก็ไม่รีบไล่ตามนางไป แต่กลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง
……
ยอดเขาเมฆาอัคคี เป็นยอดเขาที่อยู่ห่างจากหุบเขาเหล็กอัคคีไปทางทิศเหนือร้อยกว่าลี้
ท่ามกลางเทือกเขาที่ทอดยาวติดต่อกัน ยอดเขานี้จึงดูไม่เตะตามากนัก เพียงแต่บนเขาถูกปกคลุมไปด้วยต้นไม้สีแดง มองดูไกลๆ ราวกับเป็นเมฆาอัคคีรูปดอกเห็ด ด้วยเหตุนี้มันจึงได้ชื่อว่า ‘ยอดเขาเมฆาอัคคี’
ขณะนี้ เรือกลเหาะที่หลิ่วหมิงใช้เดินทางกำลังลอยอยู่เหนือยอดเขาร้อยกว่าจั้ง อยู่ๆ เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมา เพราะรับรู้ได้ว่าป้ายอวิ๋นชวนที่เย่เทียนเหมยมอบให้เขา กำลังสั่นสะเทือนเบาๆ
เขาสะบัดแขนเสื้อในทันที ป้ายสีแดงพุ่งยิงออกมาลอยอยู่ตรงหน้า แสงสีแดงเปล่งประกายอยู่บนพื้นผิว จากนั้นอักขระสีเงินเล็กๆ ลอยออกมา
หลิ่วหมิงมองดูแล้วก็รู้สึกหนาวสะท้าน เขาทำท่ามือด้วยเดียว เรือหมุนอยู่กลางอากาศหนึ่งรอบแล้วพุ่งยิงไปยังทิศทางบางแห่ง ขณะเดียวกัน พลังจิตอันแข็งแกร่งของเขา ก็เริ่มกวาดดูพื้นที่บริเวณนั้นอยู่ไม่หยุด
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป มีแสงสีเงินกระพริบตรงขอบฟ้าไกลๆ จุดแสงสีเงินปรากฏออกมา จากนั้นก็พุ่งมาทางด้านนี้
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ไม่เพียงแต่รู้สึกใจสั่นสะท้าน แต่ยังทำท่ามือกระตุ้นเรือเหาะออกไปรับ
ชั่วเวลาไม่กี่พริบตา หลิ่วหมิงรู้สึกว่าจุดแสงสีเงินขยายใหญ่ขึ้นมาเล็กน้อย และมองเห็นเงาร่างอรชรในนั้นอยู่รำไร นางกำลังขี่กระบี่มาทางเขา
เมื่อเข้าใกล้มากยิ่งขึ้น แสงสีเงินก็ติดๆ ดับๆ
หลิ่วหมิงเหาะมาได้ระยะหนึ่ง ก็บังคับเรือเหาะให้หยุดลง เพราะแสงสีเงินอยู่ไม่ไกลแล้ว หลังจากที่มันกระพริบและหยุดการเคลื่อนไหว ก็เผยให้เห็นใบหน้าของคนที่อยู่ในนั้น
ซึ่งก็คือเย่เทียนเหมยนั่นเอง!
“อาจารย์อาเย่!” หลิ่วหมิงตะโกนออกไปด้วยความตกใจ และก็ไม่พูดอะไรต่ออีก
พอเห็นเย่เทียนเหมยที่ปกติมีสีหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง แต่ตอนนี้กลับมีสีหน้าซีดขาวไร้เลือดฝาด ก็ประจักษ์ชัดว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัส
พอนางเห็นหลิ่วหมิงก็แค่พยักหน้าสองสามที จากนั้นเท้าของนางก็ซวนเซ กระบี่ยักษ์กลายเป็นจุดแสงแวววาวก่อนสลายไปในอากาศ ร่างของนางอ่อนยวบยาบและตกลงมา
หลิ่วหมิงกระตุ้นพลังเวทย์ด้วยความตกใจ เรือเหาะสั่นไหวพุ่งลงไปด้านล่าง
ขณะที่อยู่ห่างจากเย่เทียนเหมยไม่ถึงสองสามจั้ง เขาก็สะบัดแขนเสื้อออกไป จากนั้นไอดำพวยพุ่งออกมา และกลายเป็นเชือกสีดำม้วนไปด้านหน้า
“ฟู่!”
เชือกดำรัดเอวเย่เทียนเหมยไว้ในพริบตา จากนั้นก็ดึงนางมาบนเรือเหาะ
ขณะนี้หลิ่วหมิงถึงถอนหายใจยาวออกมา และควบคุมเชือกให้นำนางวางไว้บนพื้นเรือ
เย่เทียนเหมยพยายามลืมตาอันหนักอึ้งทั้งสอง และกล่าวกับหลิ่วหมิง
“มีคนตามข้ามา……ผู้อาวุโสคิ้วยาว……ระดับผลึกขั้นกลาง…..ที่…….ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน…….ต้องรีบไป……ช่วงชิงเวลาให้ข้าหน่อย”
เย่เมียนเหมยกล่าวยังไม่ทันจบก็หมดสติไป
พอหลิ่วหมิงได้ยินคำว่า ‘ระดับผลึกขั้นกลาง’ ก็รู้สึกหนาวสะท้าน เขารีบทำท่ามือหมุนหัวเรือกลับอย่างรวดเร็ว และพุ่งออกไปด้านหน้าทันที
จากนั้นเขาหยิบขวดโอสถออกมาจำนวนมาก และเทโอสถสีต่างๆ ออกมาป้อนเย่เทียนเหมยที่สลบไป
ผ่านไปซักพัก สีหน้าเย่เทียนเหมยก็ดูมีเลือดฝาดในที่สุด แต่ยังไม่มีท่าทีจะฟื้นขึ้นมา
หลิ่วหมิงรู้สึกใจหาย ตอนนี้เขารู้ว่านางได้รับบาดเจ็บสาหัสเกินกว่าที่คาดไว้มาก และผู้ที่โจมตีนางจนบาดเจ็บสาหัส คงเป็นผู้ที่กำลังตามมาอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ สถานการณ์จึงดูท่าไม่ดีเป็นอย่างมาก
หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอย่างไม่มีทางเลี่ยง และใช้พลังจิตกวาดดูด้านหลังอยู่ไม่หยุด เพื่อติดตามการเคลื่อนไหวตรงด้านหลังอยู่ตลอดเวลา
……
ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูปผ่านไป
เหนือยอดเขาเมฆาอัคคีร้อยกว่าจั้ง
ผู้อาวุโสชุดคลุมสีเทา คิ้วสีดำ ใบหน้าธรรมดา กำลังลอยอยู่กลางอากาศเงียบๆ ดูเหมือนเขากำลังคิดใคร่ครวญอะไรบางอย่างอยู่
“คิดไม่ถึงว่านางจะมีพรรคพวกคอยช่วยอยู่ที่นี่ด้วย ตอนนี้คงหนีไปราวๆ ร้อยลี้แล้ว”
ขณะนี้เขากำลังจ้องมองแผ่นกลมๆ สีแดงอย่างตั้งอกตั้งใจ บนนั้นมีแสงสีขาวหนึ่งจุดกำลังหมุนวนอยู่ตรงขอบอย่างช้าๆ
“ในเมื่อหนีไปอย่างรีบร้อนเช่นนี้ ระดับการฝึกฝนของคนที่มาช่วยนางคงไม่สูงเท่าไหร่ อย่างมากคงเป็นเด็กรุ่นหลังเย่เทียนเหมย หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ อย่าคิดจะหนีพ้นเงื้อมมือข้าไปได้เลย” ผู้อาวุโสหลิวค่อยๆ ขมวดคิ้ว และกล่าวด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น
จากนั้นผู้อาวุโสคิ้วดำก็สะบัดแขนเสื้อ รถเหาะที่เดิมทีเป็นของหมาซู่คันนั้น ปรากฏตรงใต้เท้าในฉับพลัน
“ข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะหนีไปไหนได้!” กล่าวจบผู้อาวุโสคิ้วดำก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสอง ล้อรถหมุนวนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลายเป็นเงาสีดำพุ่งไปด้านหน้า
……
ขณะที่หลิ่วหมิงพาเย่เทียนเหมยหนีห่างจากผู้อาวุโสหลิวร้อยลี้นั้น ศึกในหุบเขาเหล็กอัคคีก็เข้าสู่ขั้นตึงเครียดที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา