ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 365

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 365 หลบหนี
ตอนที่ 365 หลบหนี
โดย
Ink Stone_Fantasy
“คิดจะหนีหรือ?”

ชิงฉินมองความคิดเขาออกตั้งแต่แรก หลังจากทำเสียงฮึดฮัดแล้ว ก็เปลี่ยนท่ามืออย่างรวดเร็ว ร่างของเขาพร่ามัว ลำแสงสีดำเปล่งประกายออกมา ไม่นานก็กลายเป็นเงาร่างสีดำสามเงาที่มีรูปร่างเหมือนกันไม่มีผิด จากนั้นก็พร่ามัวไปขวางอยู่ตรงหน้าหงซาน พอขยับแขนทั้งหก คมวายุจำนวนมากก็พุ่งยิงออกไปเต็มท้องฟ้า

แสงเย็นสะท้านเปล่งประกายในดวงตาของหงซาน เขารู้สึกโมโหจนถึงขีดสุด แต่ก็ทำได้เพียงหยุดชะงักแล้วแสดงวิชาเพิ่มพลังป้องกัน

หลังจากถูกร่างจริงและเงาร่างของชิงฉินโจมตีพร้อมกัน คิดจะหลุดพ้นจากการโจมตีนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย

ช่วงระหว่างเวลานี้ ม่านแสงตรงหน้าเซียนเซิ่งจีก็แตกร้าวออกมาในที่สุด

พอมีเสียงดังขึ้น ร่างอรชรก็ร่วงลงจากอากาศ ส่วนอีกสี่คนที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงร้องออกมาอย่างเวทนา จากนั้นร่างของพวกเขาก็ระเบิดออกมาเป็นหมอกโลหิต

ชื่อลี่เห็นเช่นนี้รู้สึกดีใจมาก พอนางทำท่ามือกระตุ้น เปลวไฟสีดำก็พวยพุ่งออกไป เพื่อที่จะเผาไหม้นางให้เป็นเถ้าถ่าน

หลังจากค่ายกลของเซียนเซิ่งจีถูกทำลายไปแล้ว ระดับการฝึกฝนของนางก็ลดลงมาอยู่ที่ระดับของเหลวขั้นปลาย พอเป็นเช่นนี้ ไหนเลยจะกล้าไปขัดขวางอีก นางทำได้เพียงแต่ยกมือปล่อยยันต์ออกไปผืนหนึ่ง จากนั้นมันก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีทองปกคลุมร่างของนางไว้ และพยามพุ่งหลบหนีอย่างสุดชีวิต

“เซิ่งจี!”

พอเห็นเซียนเซิ่งจีตกอยู่ในอันตราย หงซานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาอาศัยจังหวะที่ชิงฉินสะเพร่า อ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ห่อหุ้มชามเล็กๆ สีดำด้วยดวงตาที่ดวงก่ำ หลังจากหมุนวนรอบหนึ่งแล้ว มันก็ตกลงบนมือของเขา

หงซานประคองชามเล็กๆ ไว้ ส่วนอีกมือก็ทำท่ามือ แสงสีเขียวเปล่งประกายออกจากชามในทันที อักขระจำนวนมากเปล่งประกายอยู่ในนั้น ขณะเดียวกัน ของเหลวแปลกประหลาดที่มีสีเขียวเข้ม ก็พุ่งใส่เงาร่างของชิงฉินที่อยู่ตรงหน้า

ของเหลวส่งกลิ่นเหม็นหึ่งราวกับว่ามีแรงกัดกร่อนสูงมาก

ชิงฉินไม่ทันระวัง เงาร่างทั้งสามจึงจมอยู่ในของเหลวสีเขียวเข้ม แสงจิตวิญญาณที่ปกป้องร่างอยู่ไม่อาจต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย ท่ามกลางเสียงดัง “ฟู่ๆ!” เงาร่างทั้งสามกลายเป็นควันสีดำก่อนสลายไป

“กล้าทำลายร่างแปลงของข้าหรือ!”

ร่างจริงของชิงฉินที่เชื่อมจิตกับเงาร่างทั้งสามอยู่ รู้สึกหวานที่ลำคอ จากนั้นก็กระอักเลือดออกมาด้วยความตกใจระคนโมโห

อย่างที่รู้ว่าวิชาที่เขาแสดงเมื่อครู่ไม่ใช่วิชาทั่วไป ทุกเงาร่างจะมีพลังของร่างจริงสามถึงสี่ส่วน เดิมทีใช้ในโอกาสพิเศษจะได้ผลเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้กลับถูกของเหลวที่ดูไม่เตะตาทำลายเข้า

และการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน ไม่เพียงแต่ทำให้ชิงฉินได้รับบาดเจ็บไม่น้อย เงาร่างทั้งสามเป็นสิ่งที่เขาบ่มเพาะด้วยโลหิตบริสุทธิ์ตั้งแต่เข้าสู่ระดับผลึกขั้นต้น ถึงได้เชื่อมจิตกับร่างจริงของเขาได้อย่างวันนี้!

หงซานทำราวกับมองไม่เห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น หลังโจมตีสำเร็จแล้ว ก็กลายร่างเป็นแสงสีแดงพุ่งไปยังเซียนเซิ่งจีอย่างบ้าคลั่ง และระหว่างทางก็สะบัดชามเล็กสีดำอีกครั้ง

ของเหลวสีดำเข้มพุ่งออกมาจำนวนมาก และพวยพุ่งกลายเป็นอสรพิษวารีสีเขียวเข้มสองตัว ตัวหนึ่งพุ่งไปหาชิงฉิน อีกตัวกระโจนเข้าหาชื่อลี่

และขณะที่เซียนเซิ่งจีเผชิญกับอันตรายจนถึงตอนที่หงซานใช้ของเหลวมีพิษจนหลุดรอดออกจากชิงฉินมาได้นั้น เกิดขึ้นเพียงอึดใจเดียว ซึ่งรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ!

หลังจากชิงฉินรับรู้ความร้ายกาจของของเหลวสีเขียวเข้มแล้ว ไหนเลยจะยอมให้อสรพิษวารีสีเขียวเข้าใกล้ตัวได้ เขาได้แต่ขยับตัวถอยออกไปชั่วคราว

พอชื่อลี่เห็นอสรพิษวารีสีเขียวเข้มอีกตัวกระโจนเข้ามา ก็แอบด่าว่าฉิงชินไม่ได้เรื่องอยู่ในใจ จากนั้นก็ร่ายคาถา และทำท่ามือด้วยมือทั้งสองก่อนโบกมือไปยังเปลวไฟสีดำกลางอากาศ

เปลวไฟม้วนตัวกลับมาทันที จากนั้นกลายเป็นกำแพงอัคคีสีดำรับมือกับอสรพิษวารีสีเขียวเข้ม

ขณะนี้หงซานกลับไม่ควบคุมอสรพิษวารีสองตัวนั้นต่อ หลังจากเก็บชามเล็กในมือแล้ว ก็อ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา มันหมุนติ้วๆ กลายเป็นธงปลายแหลมสีเลือดที่สูงสองสามชุ่น

หลังจากหงซานอ้าปากพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมาแล้ว ก็โบกธงปลายแหลมอย่างรุนแรง จากนั้นมันก็หายไปในแสงสีเลือด

ครู่ต่อมา ร่างของหงซานพร่ามัวมาปรากฏตรงหน้าเซียนเซิ่งจี แสงสีเลือดม้วนออกมาห่อหุ้มเซียนเซิ่งจีไว้ และกลายเป็นสายรุ้งโลหิตทะยานขึ้นฟ้าด้วยเสียงอันดัง

ในขณะที่สายรุ้งโลหิตม้วนตัวผ่านไป เจียหลานที่กำลังติดพันอยู่กับปีศาจอสูรสองตน ก็ถูกดูดเข้าไปในนั้นด้วย

ไม่เพียงแค่นี้ สายรุ้งโลหิตยังพุ่งทะลุเข้าไปในที่พักของเผ่าเจ้าสมุทร หลังจากหมุนวนหนึ่งรอบก็พุ่งไปออกไปนอกหุบเขาอย่างไม่ลังเล

พอเห็นหงซานพาเซียนเซิ่งจีและคนอื่นๆ หนีไปต่อหน้าต่อตา ชื่อลี่ย่อมรู้สึกโมโหเป็นอย่างยิ่ง หลังจากปราดตามองชิงฉินที่นั่งขัดสมาธิอยู่ไม่ไกลด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาแล้ว ก็กลายเป็นร่างสายรุ้งสีแดงเพื่อจะไปขัดขวางหงซาน

พริบตาเดียว ทั้งสองก็พุ่งหายไปจากขอบฟ้า

ชื่อลี่ตามติดอยู่ด้านหลังแสงสีเลือด ขณะที่อยู่ห่างแค่สิบกว่าจั้งนั้น ก็หัวเราะแล้วกล่าวออกมา

“ดูซิว่าพวกเจ้าจะหนีไปไหนพ้น!” ขณะที่กล่าวออกมานั้น ความเร็วก็เพิ่มขึ้นมามาก

พอรับรู้ถึงกลิ่นไอของชื่อลี่ที่อยู่ด้านหลัง หงซานก็กระตุ้นพลังเวทย์อย่างรีบร้อน เพื่อที่จะหลบหนีฝ่ายตรงข้ามให้ได้

แต่เป็นเพราะเขาเพิ่งผ่านศึกมาหนึ่งรอบ และในสายรุ้งโลหิตยังมีคนอยู่ถึงสี่คน สองคนในนั้นก็ดูเหมือนจะยังไม่ได้สติ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไหนเลยจะเทียบความเร็วของชื่อลี่ได้!

ผ่านไปซักพัก ทั้งสองก็อยู่ห่างกันแค่สิบจั้งเท่านั้น

ชื่อลี่จ้องมองคนที่อยู่ตรงหน้า และมือข้างที่ถือติ่งสี่เหลี่ยมอยู่ก็ยกขึ้นมา

ติ่งสี่เหลี่ยมกลายเป็นแสงสีแดงแผ่ความร้อนออกมา จากนั้นก็พุ่งไปปะทะกับสายรุ้งโลหิต

หางซานรู้สึกว่าความร้อนประชิดเข้ามา จึงต้องกัดฟันหยุดการเคลื่อนไหวในฉับพลัน พอเขาโยนมือข้างหนึ่งออกไป ธงปลายแหลมเล็กๆ ในมือ ก็กลายเป็นสายรุ้งโลหิตห้อหุ้มทั้งสี่ไว้แล้วทะยานออกไปอีกครั้ง

พริบตาที่ติ่งสี่เหลี่ยมเข้าใกล้นั้น เขาก็หันตัวกลับมา กระบองสั้นสีแดงปรากฏขึ้นบนมือของเขา ส่วนมืออีกข้างก็ปล่อยวิชาใส่กระบองสั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา