ดวงตาดุร้ายของชิงฉินจ้องมองหญิงกระโปรงแดงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ในใจเขาเหมือนคาดเดาอะไรบางอย่างได้ น้ำเสียงจึงเต็มไปด้วยความโมโห
“ฮึ! หงซานปล่อยอานุภาพของเหลวพิษออกมาโดยไม่เสียดายพลัง คิดว่าเจ้าคงรู้ซึ้งถึงพิษของมันดี อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึงแล้ว ข้าจะคุ้มครองให้เจ้ารักษาอาการบาดเจ็บ และฟื้นฟูพลังก่อนแล้วค่อยวางแผนกันยาวๆ” หญิงกระโปรงแดงทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวอย่างไม่สนใจใยดี จากนั้นก็กลายเป็นเงาก่อนหายไป
สีหน้าชิงฉินเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงหลับตาเพื่อโคจรพลังรักษาอาการบาดเจ็บ
……
เสียงแผดร้องดังเข้ามาบนท้องฟ้าที่อยู่ห่างหุบเขาเหล็กอัคคีหลายร้อยลี้ รถเหาะทองสัมฤทธิ์พุ่งออกจากก้อนเมฆที่อยู่ไกลๆ
บนรถเหาะ ผู้อาวุโสคิ้วดำกำลังทำท่ามือกระตุ้นรถเหาะจนกลายเป็นแสงสีดำยาวๆ พุ่งทะยานไปด้านหน้า
ห่างจากเขาไปร้อยกว่าลี้ หลิ่วหมิงกำลังทำท่ามือด้วยมือทั้งสองปล่อยวิชาออกมา เพื่อกระตุ้นเรือกลเหาะให้พุ่งไปด้านหน้า ตรงหน้ามีแผ่นกลมๆ สีขาวที่หดขยายอยู่ไม่หยุด จุดแสงสีเงินจำนวนหนึ่งที่อยู่บนนั้นค่อยๆ หายไป
จุดแสงสีเงินเหล่านี้ เป็นยันต์ตรวจสอบที่เขาทิ้งไว้ระหว่างทาง ตอนนี้มันค่อยๆ ถูกกระตุ้นขึ้นมา แสดงว่าคนที่อยู่ด้านหลังกำลังตามมาด้วยความเร็วสูง
สีหน้าหลิ่วหมิงค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้นมา พอคำนวณดูเล็กน้อยก็ค้นพบว่า ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เขาจะถูกตามทันในไม่ช้า พอถึงเวลานั้น หากฝ่ายตรงข้ามเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึกจริงๆ ล่ะก็ ตนเองย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน
พอหลิ่วหมิงสัมผัสกับคลื่นจางๆ บนแผ่นค่ายกล ก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาค่อยๆ กางแขนขวาออก จากนั้นก็มียันต์ปรากฏขึ้นในมือผืนหนึ่ง
เขาค่อยๆ ส่งพลังเวทย์เข้าไปในนั้น ลำแสงบนยันต์หมุนปกคลุมเขากับเย่เทียนเหมยไว้
แสงสีทองหายไปทันที ร่างของคนทั้งสองปรากฏออกมา
เพียงแต่ครั้งนี้กลับมีหลิ่วหมิงกับเย่เทียนเหมยสองคน กลิ่นไอของพวกเขาไม่เปลี่ยนไปเลย รูปร่างหน้าตาก็เหมือนกันทุกอย่าง แม้แต่เรือกลเหาะที่ใช้เดินทางก็มีรูปร่างเหมือนกันไม่มีผิด
ต่อมา หลิ่วหมิงทั้งสองต่างก็แยกย้ายกันพาเย่เทียนเหมยพุ่งหลบหนีไปคนละทิศทาง
……
หนึ่งชั่วยามต่อมา ร่างของผู้อาวุโสคิ้วดำที่นั่งรถเหาะก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ เขาขมวดคิ้ว และแสดงสีหน้าลังเลออกมา
“ทำไมถึงมีกลิ่นไอสองกลุ่ม ทั้งยังมาจากคนละทิศทางด้วย…..”
ผู้อาวุโสคิ้วดำจ้องมองกระจกจิตวิญญาณในมือแล้วกล่าวพึมพำออกมา ชั่วขณะนั้นเขาไม่รู้ว่าจะตามไปทิศทางใด
ผ่านไปซักพักใหญ่ๆ ดวงตาของผู้อาวุโสก็เปล่งประกาย พอเขาทำท่ามือและกำหนดทิศทางแล้ว รถเหาะก็สายเป็นสายรุ้งสีดำพุ่งไปยังทิศทางหนึ่ง
และขณะนี้ หลิ่วหมิงที่ไปอีกทิศทาง กำลังพาเย่เทียนเหมยที่หมดสติพุ่งไปอย่างรวดเร็ว
บนเรือเหาะ หลิ่วหมิงจ้องมองคลื่นสั่นไหวบนแผ่นค่ายกลด้วยตาที่เป็นประกาย หลังจากมั่นใจว่าฝ่ายตรงข้ามไปไกลแล้ว ถึงได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
ดูท่าฝ่ายตรงข้ามคงตามเงาร่างไป ถ้าเป็นเช่นนั้น เมื่อฝ่ายตรงเข้าย้อนกลับมาอีกครั้ง คงต้องใช้เวลาหลายชั่วยาม
……
“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน บังอาจใช้วิธีการนี้หลอกลวงข้า”
ผู้อาวุโสคิ้วดำโจมตีเงาร่างของหลิ่วหมิงกับเย่เทียนเหมยที่อยู่บนเรือเหาะจนแตกละเอียด ดวงตาเผยแววดุร้ายราวกับว่ายังไม่ได้ระบายความแค้นในใจ
จากนั้นก็แช่แข็งเรือเหาะสีดำที่ค่อยๆ สลาย และเผาไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีฟ้าจนกลายเป็นขี้เถ้า
“ยันต์แบ่งร่างนี้แปลกประหลาดยิ่งนัก คิดไม่ถึงว่าเคล็ดวิชาติดตามของข้า ก็ถูกมันหลอกไปด้วย แต่ของที่ล้ำค่าเช่นนี้ คิดว่าฝ่ายตรงข้ามคงมีไม่มาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้มีเพียงแค่เงาร่างเดียว วิธีการเบี่ยงเบนสายตาเช่นนี้ ถูกข้ามองออกแล้ว ข้าอยากจะรู้นักว่ายังจะเล่นลูกไม้อะไรอีก!”
ผู้อาวุโสคิ้วดำพูดพึมพำ และกระตุ้นเรือเหาะพุ่งไปอีกทิศทางหนึ่ง
……
ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงค่อยๆ หันหน้ามองเย่เทียน และต้องขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
กลิ่นไอของนางขาดๆ หายๆ ดูท่าคงไม่ฟื้นขึ้นมาในระยะเวลาอันสั้นนี้
แม้จะเป็นเช่นนี้ เย่เทียนเหมยที่นอนหมดสติอยู่ ก็ยังดูอันตรายเป็นอย่างมาก ทำให้เขาไม่กล้าเข้าใกล้โดยง่าย
หลิ่วหมิงละสายตาไปดูรอยสีแดงตรงหัวไหล่ และคราบโลหิตบนดาดฟ้าเรือที่ไม่รู้ว่าปรากฏออกมาตอนไหน
ตอนนั้นเย่เทียนเหมยเพียงแค่ใช้ยันต์กับโอสถระงับบาดแผลตรงหัวไหล่ชั่วคราวเท่านั้น และการกระตุ้นพลังแฝงขี่กระบี่ในก่อนหน้า กลับทำให้ปากแผลเปิดมากกว่าเดิม
แต่เพราะนางเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึก เพียงแค่กายเนื้อที่แข็งแกร่ง ก็ทำให้บาดแผลสมานกันอย่างรวดเร็วในขณะที่หลิ่วหมิงกำลังบังคับเรือเหาะอยู่
แต่พอมองคราบโลหิตเหล่านี้แล้ว กลับทำให้หลิ่วหมิงฉุกคิดวิธีถ่วงเวลาขึ้นมาได้
เขาเสี่ยงเอาเรือเหาะลงพื้น และหยิบธงค่ายกลสีฟ้าออกจากยันต์เก็บของมาปึกหนึ่ง มือทั้งสองทำท่ามือจนอักขระกลุ่มหนึ่งก่อตัวขึ้นมา จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีทองละลายเข้าไปในธงเหล่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา