ตอน ตอนที่ 372 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 372 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
แต่ทว่าขณะนั้นเอง พลันมีเสียงกระซิบกระซาบดังออกมาในกลุ่มผู้คน ผู้แข็งแกร่งเผ่าเจ้าสมุทรระดับผลึกของวังเพลิงดำสองคนที่อยู่ด้านหลังของอู่เหยียนสบตากัน หลังจากแลกเปลี่ยนสายตากันแล้ว ก็ดูเหมือนจะบรรลุข้อตกลงอะไรบางอย่าง
จากนั้นผู้แข็งแกร่งระดับผลึกขั้นต้นที่มีใบหน้ามุทะลุคนหนึ่งกระแอมไอเบาๆ แล้วก้าวไปด้านหน้า หลังจากเดินวนรอบตัวอู่เหยียน และประสานมือคารวะราชาปีศาจสมุทรแล้ว ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อม “ท่านราชาปีศาจสมุทร พวกข้าทั้งสามหารือกันแล้วว่าจะยอมสวามิภักดิ์ฝ่าบาท ขอฝ่าบาทไว้ชีวิตพวกข้าด้วย!”
ขณะที่คนผู้นี้กำลังขยับตัวนั้น อู่เหยียนก็รู้สึกว่ามีอะไรไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากฝ่ายตรงข้ามเอ่ยปากออกมาแล้ว ก็รู้สึกโมโหมาก สีหน้าดูไม่พอใจอย่างถึงขีดสุด แต่กลับไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
หลังจากชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวได้ยิน เขาก็ยิ้มกว้างมากขึ้น
ชายฉกรรจ์ใบหน้ามุทะลุเห็นราชาปีศาจสมุทรมีท่าทางเช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจมาก ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากออกมาอีกครั้งนั้น พลันได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นข้างหู
เขาเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าซีดขาวไร้โลหิตในทันที ดวงตาเผยแววหวาดผวาจนถึงขีดสุด
“ไม่……”
ท่ามกลางคลื่นพลังจิตวิญญาณอันแข็งแกร่ง แสงสีฟ้าเปล่งประกายลงมาโดยไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน จากนั้นก็ม้วนตัวชายฉกรรจ์ใบหน้ามุทะลุเข้าไปในนั้น
อักขระสีทองจางๆ ปรากฏบนพื้นผิวของม่านแสงสีฟ้าทันที มันเปล่งแสงแวววาว และเกิดแสงทรงกลดจางๆ
ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกของเผ่าเจ้าสมุทรผู้นั้น แผ่กลิ่นไอแข็งแกร่งออกมาโดยไม่ทันได้คิดอะไร เขาคิดจะปล่อยอาวุธจิตวิญญาณออกมาเพื่อหนีไปจากที่นี่ แต่กลับต้องพบกับเรื่องราวอันน่าตกใจ ราวกับว่าร่างของเขาถูกภูเขาหินที่หนักหมื่นจินกดทับไว้ โดยไม่สามารถกระดิกนิ้วได้เลย
ชายใบหน้ามุทะลุหวาดกลัวจนริมฝีปากสั่นระรัว ขณะที่ดูเหมือนจะพูดอะไรออกมานั้น กลับถูกม่านแสงสีฟ้ากลั้นไว้โดยที่คนอื่นไม่ได้ยินเลย
พอชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวขยับแขน และกำนิ้วทั้งห้าเบาๆ ก็ก่อให้เกิดสายลมเย็นพัดพาเบาๆ
“เพล้ง!”
ม่านแสงสีฟ้าหมุนตัวขึ้นฟ้าเป็นลายก้นหอย ชายฉกรรจ์ที่อยู่ในนั้นถูกบิดจนมีรูปร่างที่ไม่อาจคาดคิดได้ แต่กลับไม่ระเบิดออก มันช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
เมื่อแสงสีฟ้าอยู่สูงจากพื้นราวๆ ห้าหกจั้ง กลับส่งเสียงดัง “เพล้ง!” แล้วกลายเป็นจุดแสงสลายไปในอากาศ ชายฉกรรจ์ที่อยู่ในนั้นก็หายสาบสูญไปโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย
พอเห็นฉากนี้ ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างก็รู้สึกตกตะลึง ผู้ฝึกฝนระดับต่ำหลายคนมีสีหน้าซีดขาวขึ้นมา
พอผู้แข็งแกร่งเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่กับชายฉกรรจ์ใบหน้ามุทะลุในก่อนหน้านั้น เห็นทางฝั่งตนเองได้เอ่ยปากยอมจำนนแล้ว แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับลงมือสังหารเช่นนี้ กลับทำให้เขาตกใจจนหน้าถอดสี
“ท่านราชาปีศาจสมุทร เหตุใดท่าน…….!”
แต่เขาพูดยังไม่ทันจบ สีหน้าของราชาปีศาจเจ้าสมุทรก็เยือกเย็นขึ้นมาทันที แขนขวาที่เพิ่งปล่อยลงไปถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง นิ้วทั้งห้าคลายออกมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คว้าออกไปด้านหน้าเบาๆ
“ตู๊ม!”
ปราณพลังฟ้าดินบริเวณนั้นค่อยๆ ทะลักขึ้นกลางอากาศ พริบตาเดียวก็มีขนาดใหญ่จั้งกว่าๆ มันดูคล้ายฝ่ามือยักษ์สีฟ้า สามารถมองเห็นรอยบนฝ่ามือยักษ์ได้อย่างชัดเจน มันแผ่คลื่นสั่นสะเทือนอันน่าตกใจออกมา
“ข้ากับเผ่าเจ้าสมุทร มีแค่คำว่าสังหารเท่านั้น ดังนั้น……เจ้าก็ไปตายได้แล้ว!”
พริบตาที่น้ำเสียงแจ่มชัดของราชาปีศาจสมุทรดังออกมา ฝ่ามือยักษ์กลางอากาศกระพริบมาอยู่เหนือศีรษะผู้แข็งแกร่งระดับผลึกของเผ่าเจ้าสมุทรผู้นี้ทันที จากนั้นก็กดลงมาอย่างโหดเหี้ยม
ทันใดนั้น ทุกสิ่งที่อยู่บริเวณรอบๆ ค่อยๆ หยุดชะงักลง ต่อมามีเสียงระเบิดดังขึ้นใต้ฝ่ามือยักษ์ ก่อให้เกิดพายุบ้าระห่ำสีฟ้าม้วนตัวออกไปนอกทิศทาง
คนอื่นๆ เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ค่อยๆ ถอยออกไปสิบกว่าจั้ง ดวงตาเผยแววหวาดผวาออกมา ไหนเลยพวกเขาจะกล้ารับมือโดยตรง
ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกของเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่ใต้ฝ่ามือยักษ์ คิดจะแสดงวิชาหลบหลีกหรือปล่อยอาวุธจิตวิญญาณออกมาต้านทานด้วยใบหน้าซีดขาว แต่พอพลังอันแข็งแกร่งรอบด้านบีบตัวแน่น เขาก็ไม่สามารถทำการเคลื่อนไหวใดๆ ได้อีก ทำได้เพียงแต่จ้องมองมือยักษ์กลางอากาศร่วงหล่นลงมา
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
“ท่านประมุขวังเพลิงดำช่วยข้าด้วย!”
อู่เหยียนได้ยินคนผู้นี้ตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่กลับทำเหมือนไม่ได้ยิน เขาเพียงแค่ยืนจ้องมองด้วยแววตาเยือกเย็น
เมื่อครู่ คนผู้นี้ยังยอมสวามิภักดิ์ราชาปีศาจสมุทรอย่างเต็มปากเต็มคำ เวลานี้มีจุดจบเช่นนี้ เขาย่อมไม่ยอมยื่นมือเข้าช่วยอย่างแน่นอน
“พู่!” “พู่!”
ขณะที่ฝ่ามือยักษ์กดลงมา ปราณแกร่งที่ห่อหุ้มร่างกับร่างของผู้แข็งแกร่งระดับผลึกผู้นี้ ก็กลายเป็นหมอกโลหิต และกระจายหายไปในอากาศ
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ราชาปีศาจสมุทรก็กวาดสายตามองกลุ่มคนเหล่านี้ด้วยแววตาเยือกเย็น
สายตาของเขาแหลมคมราวกับคมกระบี่ มันทิ่มแทงจนผิวหนังรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมา คนกลุ่มนี้ต่างก็ค่อยๆ ก้มหน้าลง ไม่มีใครกล้าสบตาเขา
สุดท้ายกลับมีแค่อู่เหยียนกับเย่เทียนเหมยที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ
เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ แล้ว หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหลังเย่เทียนเหมย มีระดับการฝึกฝนอยู่ในช่วงท้ายๆ และอานุภาพที่ราชาปีศาจสมุทรแผ่ออกมา มันแข็งแกร่งเกินไป โชคดีที่มีเย่เทียนเหมยช่วยเขาต้านทานพลังส่วนมากเอาไว้ได้ ดังนั้นนอกจากจะหลบสายตาด้วยความหวาดกลัวแล้ว ก็ไม่ได้รับพลังของฝ่ายตรงข้ามโดยตรง
ชายวัยกลางคนรู้สึกเย็นสะท้านในใจ ขณะที่กำลังจะอ้าปากอธิบายนั้น ราชาปีศาจสมุทรก็กล่าวคำพูดที่ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไป
“เดิมทีกะจะรอให้พวกเจ้ายอมจำนนแล้ว ข้าจะไว้ชีวิตพวกเจ้า แต่ในเมื่อตอนนี้กลับเป็นห่วงร่างกายของข้าถึงเพียงนี้ ข้ารู้สึกทราบซึ้งใจยิ่งนัก ดังนั้นตอนนี้ข้าได้เปลี่ยนความคิดแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนพวกเจ้าเล็กน้อย นอกจากเผ่าเจ้าสมุทรที่ต้องสังหารให้สิ้นซากแล้ว เพียงแค่เผ่าปีศาจยอมสวามิภักดิ์ต่อข้า ข้าจะไว้ชีวิต ส่วนมนุษย์และเผ่าอื่นๆ เพียงแค่รับฝ่ามือข้าได้หนึ่งฝ่ามือ ก็จะอนุญาตให้สวามิภักดิ์ข้าได้”
นอกจากเผ่าปีศาจทั้งสองที่แสดงสีหน้าดีใจออกมาแล้ว พอคนอื่นๆ ได้ยินต่างก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที พวกเขาแอบกร่นด่าความไร้ยางอายของราชาปีศาจสมุทรอยู่ในใจ
อย่างที่รู้กันว่า ราชาปีศาจสมุทรเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ พลังเวทย์ของเขาหนาแน่นมาก เมื่อเขาควบคุมปราณจิตวิญญาณฟ้าดิน มันเหนือชั้นกว่าผู้คนในนี้มาก
และผู้แข็งแกร่งระดับผลึกของเผ่าเจ้าสมุทรทั้งสองในเมื่อครู่ ก็ถูกอานุภาพอันน่าหวาดกลัวของฝ่ามือทำให้เสียชีวิตไปแล้ว
คิดไม่ถึงว่าตอนนี้ เขาจะให้ทุกคนรับมือเขาโดยตรง มันต่างอะไรกับการรนหาที่ตายเล่า
แต่ทุกคนต่างก็เข้าใจว่า ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามเอ่ยปากออกมาแล้ว พวกเขาก็ไม่มีทางเลี่ยง
หากไม่รับฝ่ามือของเขาล่ะก็ คงต้องตายลูกเดียวเท่านั้น ฝ่ายตรงข้ามคงจะลงมือสังหารพวกเขาในทันที
หากรับปากล่ะก็ อาจมีชีวิตรอดก็เป็นได้ ถ้ายังไม่ลองจะรู้ได้อย่างไร
พอเย่เทียนเหมยได้ยิน ดวงตาแวววาวของนางก็เปล่งประกายออกมา ฝ่ามือที่หดอยู่ในแขนเสื้อค่อยๆ กำแน่นขึ้นมา
หลิ่วหมิงฟังจบก็หน้าเขียวปัดอย่างช่วยไม่ได้
ระดับการฝึกฝนของเขากับราชาปีศาจสมุทรห่างชั้นกันมากนัก ดูเหมือนจะไม่มีหวังในการรับฝ่ามือของราชาสมุทรได้แม้แต่น้อย นอกเสียจากว่า……
“ราชาปีศาจสมุทร ท่านเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ ตอนนี้ยังเป็นเจ้ายุทธจักรเพียงหนึ่งเดียว คิดจะใช้วิธีการเช่นนี้ ทำให้พวกข้าลำบากใจหรอกหรือ!” อู่เหยียนกล่าวกับชายหนุ่มชุดขาวด้วยตาที่เป็นประกาย
พอราชาปีศาจสมุทรฟังจบ และยังไม่ทันได้เอ่ยปากออกมา ชิงฉินที่อยู่ด้านหลังก็หัวเราะออกมาเบาๆ และกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“ไหนเลยราชาปีศาจสมุทรจะเคยทำให้ทุกท่านลำบากใจ ฝ่าบาทได้ให้โอกาสทุกท่านแล้ว แต่ทุกท่านกลับแอบคิดไม่ซื่อ ตอนนี้ยังต้องการอะไรอีก?”
“ข้าว่า ฝ่าบาทจัดการคนพวกนี้ให้หมดจะดีกว่า จะได้ลดปัญหาลง!” ชื่อลี่ที่อยู่อีกข้างหัวเราะออกมาเบาๆ และกล่าวออกมา
……………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา