“เจ้าช่างกล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้ ถ้าไม่ใช่ว่าข้าเห็นปีศาจอสูรหนูเข่นฆ่าผู้คนอยู่ระหว่างดินแดนของเรา และตามฆ่ามันจนถึงที่นี่แล้วล่ะก็ ยังไม่รู้ว่ามันจะสร้างความยุ่งยากให้กับโลกแห่งการฝึกฝนในดินแคว้นต้าเสวียนมากมายขนาดไหน ตอนนี้ข้าไม่แม้แต่จะได้ยินคำขอบคุณจากท่าน ทั้งยังมาหาเรื่องข้าอีก หรือว่าสหายเยี่ยนคิดว่าท่านอาวุโสกว่าแล้วจะมาดูถูกผู้ที่อายุน้อยกว่าได้ หรือว่าคิดที่จะไม่รองานชุมนุมเซียน แล้วลงมือประลองกับข้า” พอเย่เทียนเหมยได้ยินคำพูดนี้ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันจนตั้งตรง ใบหน้าฉายแววดุร้ายขึ้นมา
“ท่านเซียนอย่าได้โกรธ แขนขาข้าแก่ชราขนาดนี้ไม่อาจทนทรมานได้ แต่ด้วยวิชากระบี่บินที่ท่านเซียนฝึกสำเร็จ ใช้จัดการกับแค่ปีศาจอสูรหนูตนหนึ่ง แต่กลับปล่อยให้มันวิ่งหนีมายังดินแดนนิกายปีศาจของพวกข้าได้ นี่ยังมีเหตุผลอะไรที่ต้องแก้ตัวอีก” ดูเหมือนผู้อาวุโสชุดเทาจะตกใจนิดหน่อย แล้วก็ยกมือห้ามปราม แต่ก็ยังกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“เจ้าจะรู้อะไร? นี่เป็นปีศาจอสูรหนูที่ไม่รู้วิ่งมาจากไหน มันฝึกฝนจนถึงระดับของเหลวจิตวิญญาณซึ่งห่างจากข้าและเจ้าที่อยู่ระดับผลึกจิตวิญญาณเพียงแค่ขั้นเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ใช่เพราะสติของเจ้าปีศาจอสูรหนูตนนี้ยังไม่ค่อยฟื้นตัวดีสักเท่าไหร่ ดูเหมือนว่ามันตกอยู่ในสภาพบางอย่างที่สามารถใช้ได้แค่สัญชาตญาณในการต่อสู้อย่างบ้าระห่ำ ไม่เช่นนั้นข้าเองคงไม่อาจลงมือได้ง่ายดายถึงเพียงนี้” เย่เทียนเหมยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“อะไรนะ ปีศาจอสูรระดับของเหลวจิตวิญญาณ ท่านเซียนคงไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะ ปีศาจอสูรหนูเป็นอสูรที่ต่ำชั้นที่สุด โดยทั่วไปมันไม่อาจฝึกฝนจนถึงขั้นนี้ได้” ผู้อาวุโสเสื้อเทาได้ยินก็รู้สึกตกใจขึ้นมา
“ท่านคิดว่าข้าโกหกหรอกรึ ฮึ! ช่างเถอะ ท่านดูสิว่านี่คืออะไร!” เย่เทียนเหมยอุทานออกมาเบาๆ มือข้างหนึ่งหมุนพลิกขึ้น โถกลมๆ สีเหลืองก็ปรากฏขึ้นบนมือทันที
หญิงนางนี้ใช้มือตบเบาๆ ที่โถกลมๆ ชิ้นส่วนผลึกสีดำขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองชิ้นหนึ่งก็กระเด็นออกมา แล้วใช้นิ้วหยกดีดเบาๆ
เสียงดัง “ฟู่”
แผ่นผลึกกลายเป็นแสงสีดำพุ่งตรงไปยังผู้อาวุโสชุดเทา ซึ่งมันไม่ได้ด้อยไปกว่าลูกธนูเลยแม้แต่น้อย
ผู้อาวุโสหรี่ตาทั้งคู่ ไม่ขยับเขยื้อนร่างกายแม้แต่น้อย แต่ด้านหน้ากลับมีลมแปลกประหลาดพัดขึ้นมา ทันใดนั้นกรงเล็บปีศาจที่มีเกล็ดสีเขียวกระจายไปทั่วก็ยื่นออกมา แค่หยิบมือเดียวก็จับแผ่นผลึกชิ้นนั้นได้
“ดูเหมือนหลายปีมานี้สหายเยี่ยนท่านก็ไม่อยู่ว่างๆ ศพขนเหล็กเขียวของท่านคงตัวนี้ก็ใกล้จะกลายเป็นศพเงินแล้ว”
เย่เทียนเหมยเห็นดังนี้ ลูกตาดำก็หดลงเล็กน้อย
“เฮ่อๆ ท่านเซียนพูดล้อเล่นแล้ว ศพเหล็กถ้าจะพัฒนาให้กลายเป็นศพเงินไม่รู้ว่าต้องใช้ทรัพยากรมากมายเท่าไหร่ ข้าจะมีความสามารถเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”
ผู้อาวุโสชุดเทาหัวเราะกล่าวออกมา และยื่นมือไปรับแผ่นผลึกสีดำจากมือปีศาจอย่างไม่รีบร้อน จากนั้นค่อยๆ ตรวจดูมันอย่างละเอียด
เย่เทียนเหมยได้ยินดังนั้น ก็ยิ้มเยือกเย็น แต่กลับไม่ได้ถามอะไรต่อ
จนผ่านไปสักครู่ สีหน้าของผู้อาวุโสชุดเทาก็เปลี่ยนไป เขานำแผ่นผลึกนั้นมาดมแล้วก็แสดงสีหน้าที่ดูไม่ได้ออกมา
“ที่แท้ก็เป็นอสูรระดับของเหลวจิตวิญญาณ ดูจากองค์ประกอบของมันที่แตกสลายออกมานี้ มันคืออสูรหนูไม่ผิด แต่นี้ช่างแปลกจริงๆ หรือว่าอสูรหนูตนนี้เป็นอสูรที่มีลักษณะพิเศษในการบรรลุขั้น?”
“ข้าเองก็คิดแบบนี้ แต่ข้าเตรียมสิ่งเหล่านี้ไปให้ศิษย์พี่ข้าตรวจสอบดู” เย่เทียนเหมยกล่าวขึ้นช้าๆ
“ถ้าหากเป็นเหลิ่งเยวี่ยก็ล่ะก็ ย่อมไม่มี ย่อมไม่มีปัญหา ด้วยประสบการณ์ของนาง คงให้คำตอบที่ดีได้” ผู้อาวุโสเสื้อเทาได้ยินชื่อ ‘เหลิ่งเยวี่ย’ สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แต่รีบกระแอมไอแล้วทำสีหน้ากลับมาเป็นปกติ
“สหายเยี่ยนคิดว่าไม่มีปัญหา คิดว่าคงไม่คาดโทษที่ข้าเข้ามาในนิกายปีศาจแล้วใช่ไหม ในเมื่อเป็นแบบนี้ข้าก็ขอลาก่อนล่ะ แล้วพบกันอีกครั้งตอนงานชุมนุมเซียน” เย่เทียนเหมยตอบกลับเรียบๆ แสงสีเงินก็เปล่งประกายม้วนตัวออกมา แล้วกลายเป็นลูกแสงกลมๆ พุ่งขึ้นฟ้าไป พริบตาเดียวก็หายไปจากขอบฟ้า
ผู้อาวุโสเสื้อเทาก็หาได้ห้ามแต่อย่างใดไม่ แต่เมื่อหญิงผู้นั้นไปไกลแล้ว คิ้วเขาก็ขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว
และในตอนนี้มีคลื่นสั่นไหวมาจากยอดเขาด้านล่าง และมีคนผู้หนึ่งขี่เมฆสีดำทะยานเข้ามาหา
“ท่านอาจารย์! หรือว่าผู้นี้ก็คือผู้อาวุโสเย่ที่ความสามารถควบคุมกระบี่บินได้สำเร็จเพียงหนึ่งเดียวของนิกายจันทราสวรรค์” พอบุคคลผู้นี้ลอยมาถึงด้านหน้าของผู้อาวุโส ก็ถามขึ้นอย่างนอบน้อม
ดูจากรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์แล้ว ชายผู้นั้นก็คือผู้ที่เฝ้าดูแลหอเก็บคัมภีร์ที่มีเรียกว่า ‘อาจารย์อาหร่วน’ นั่นเอง
“อืม ไม่ผิด คือนางนั่นแหละ เจ้าเด็กนี่ไม่เจอกันแค่ไม่กี่ปี ก็ฝึกฝนกระบี่ไปได้ไกลกว่าเดิมแล้ว เกรงว่าแม้แต่ศิษย์พี่เหลิ่งเยวี่ยของนาง ก็อาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางแล้ว” ผู้อาวุโสชุดเทาถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วกล่าวขึ้น
“แต่ว่าศพเหล็กขนเขียวของอาจารย์ก็ใกล้จะบรรลุขั้นแล้ว รอมันบรรลุเข้าขั้นศพเงินคิดว่าคงจะเก่งกาจกว่ากระบี่บินของฝั่งตรงข้าม และก็คงไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไป” อาจารย์อาหร่วนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ถึงแม้ศพเหล็กตนนี้ใกล้จะก้าวเข้าสู่ขั้นสุดท้ายแล้ว แต่ก็อย่างที่ข้าบอกไป มันไม่ได้บรรลุได้ง่ายขนาดนั้น ยังไม่รู้ว่าข้าจะต้องทุ่มเทกับมันอีกสักเท่าไหร่” ผู้อาวุโสชุดเทาส่ายหน้า
“ด้วยกำลังของท่านอาจารย์ การที่ทำให้ศพเหล็กบรรลุขั้นนั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น มันไม่มีปัญหาอย่างอื่นแน่นอน” อาจารย์อาหร่วนกล่าว
“หวังว่ามันคงจะเป็นเช่นนั้น ใช่สิ ข้าได้ยินมาว่ามีศิษย์ฝึกเคล็ดวิชากระดูกดำของเจ้าอีกคน เมื่อหลายวันก่อนร่างกายระเบิดเสียชีวิตระหว่างการทะลวงเข้าสู่อาจารย์จิตวิญญาณแล้ว” ผู้อาวุโสชุดเทาพยักหน้า แล้วก็ตีหน้าขรึมขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา