ต่อมา วารีบริสุทธิ์หยดหนึ่งได้ก่อตัวบนฝ่ามือของเขา และราดใส่ชายบนพื้นจนฟื้นขึ้นมา
ในขณะที่กำลังกระตุ้นพลังเวทย์ปล่อยหยดวารีออกมานั้น หลิ่วหมิงกลับต้องขมวดคิ้วขึ้นมา
เขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า แม้จะเป็นวิชาเล็กๆ แต่กลับใช้พลังเวทย์ไปมาก ซึ่งมากกว่าปกติสามสี่เท่าขึ้นไป!
และสถานการณ์เช่นนี้ ก่อนหน้าที่ปล่อยลูกเปลวไฟออกมา เขาก็รับรู้ถึงความผิดปกติแล้ว
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้…..”
พอหลิ่วหมิงขบคิดอย่างรวดเร็ว ก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และหลับตาลงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
หลังจากกำหนดลมหายใจเข้าออกไม่นาน สีหน้าก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน
เขาค้นพบว่าสถานที่แห่งนี้มีปราณจิตวิญญาณเบาบางมาก มีแค่หนึ่งถึงสองในสิบของโลกภายนอก
ภายใต้ผลกระทบของพลังแปลกประหลาดที่ควบคุมไว้ ทำให้เขาดูดซับปราณจิตวิญญาณฟ้าดินจากอากาศบริเวณนี้ได้น้อยมาก
เช่นนี้แล้วมันเป็นการยากที่จะนั่งสมาธิเพื่อเพิ่มพลังเวทย์ที่สูญเสียไป หรืออาจมีแค่วิธีการใช้หินจิตวิญญาณ โอสถจิตวิญญาณ และวัสดุภายนอกอื่นๆ ถึงจะรักษาพลังเวทย์ภายในร่างให้คงอยู่อย่างเต็มเปี่ยมได้
หลังผ่านการทดลองดูไปหนึ่งรอบ ในที่สุดหลิ่วหมิงก็เข้าใจว่าทำไมชายที่ไม่ได้มีระดับการฝึกฝนที่อ่อนแอถึงได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
“เฮ่อๆ! เจ้าเด็กใหม่ อย่าคิดว่าตนเองยังสามารถกระตุ้นพลังเวทย์ได้ ก็คิดจะโอ้อวดแสนยานุภาพที่นี่ ฮึ! รีบปล่อยข้า มิเช่นนั้น……”
พอชายผอมแห้งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมา เห็นหลิ่วหมิงดูดซับปราณจิตวิญญาณ ก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมา น้ำเสียงเต็มไปด้วยการคุกคาม
หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็ลืมตาทั้งคู่ทันที ดวงตาดูเฉียบขาดขึ้นมา และชี้มือไปทางอากาศโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
แสงเย็นสะท้านพุ่งออกจากนิ้วแล้วเข้าไปในร่างของชายผอมแห้ง พอชายผอมแห้งเห็นเช่นนี้ก็เกิดอาการหวาดผวาเป็นอย่างมาก
“เจ้าคิดจะทำอะไร?”
“หยุดเดี๋ยวนี้!”
ทันใดนั้นอาการคันที่ไม่สามารถบอกได้ก็ปกคลุมไปทั่วร่างกาย และเข้าลึกไปถึงไขกระดูก ราวกับกำลังถูกมดจำนวนมากกัด ทำให้ชายผู้ฝึกฝนระดับของเหลวผู้นี้ นอนกลิ้งไปมาบนพื้น และส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา
หลิ่วหมิงจ้องมองฉากนี้ด้วยแววตาเยือกเย็น ไม่ว่าชายผู้นั้นจะดิ้นรนด้วยความเจ็บปวดเพียงใด เขาก็ยังมีสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
ชั่วเวลาครึ่งถ้วยชาผ่านไป เสียงร้องก็ค่อยๆ เบาลง แต่ร่างของชายผู้นั้นขดตัวเป็นม้วน หนังถลอกเนื้อแตกจนทั้งตัวเต็มไปด้วยโลหิต กลิ่นไอบนตัวอ่อนลงจนถึงขีดสุด ดูหายใจรวยรินเป็นอย่างมาก
ขณะนี้ หลิ่วหมิงถึงยกแขนขึ้นมาแล้วชี้ไปทางชายร่างผอมแห้งอีกครั้ง
อาการคันบนตัวหายไปทันที สีหน้าดูผ่อนคลายลง และพลันได้ยินเสียงเยือกเย็นของหลิ่วหมิงดังเข้ามา เขาจึงหันไปมองด้วยความตกใจ
“บอกเรื่องทั้งหมดที่เจ้ารู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้มาแต่โดยดี หากปิดบังข้าล่ะก็ ข้าจะให้เจ้ารสลิ้มแบบเมื่อครู่อีกครั้ง”
น้ำเสียงของหลิ่วหมิงไม่ดังมาก แต่พอเข้าไปในหูของชายร่างผอมแห้งแล้ว ก็ดูราวกับเป็นน้ำเสียงของปีศาจในปรโลก ทำให้เขารู้สึกสั่นสะท้าน หลังจากถอยออกจากไปเล็กน้อย ชายร่างผอมแห้งก็รีบเล่าออกมา
ที่แท้สถานที่แห่งนี้เป็นสายแร่ใต้ทะเลลึกที่ใหญ่ที่สุดของราชาปีศาจสมุทร มีวัสดุล้ำค่าที่หาได้ยากในโลกภายนอกฝังอยู่ในสายแร่เป็นจำนวนมาก
สถานที่ที่หลิ่วหมิงอยู่ในขณะนี้ เป็นถ้ำเหมืองแร่ที่ถูกทาสเหมืองแร่ขุดเจาะเป็นเวลาหลายปี
พื้นที่แห่งนี้กว้างราวๆ ร้อยลี้ และได้กลายเป็นโลกอีกใบแล้ว
คนงานเหมืองแร่ในสถานที่นี้ ต่างก็เป็นผู้ฝึกฝนเผ่าต่างๆ ที่ถูกราชาปีศาจสมุทรกับลูกน้องของเขาจับมา ดูเหมือนตอนนี้จะมีจำนวนราวๆ สามสี่ร้อยคน ส่วนมากเป็นชายรูปร่างผอมแห้ง และเป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลว แต่ก็มีศิษย์จิตวิญญาณปะปนอยู่เป็นส่วนน้อย
พอชายร่างผอมแห้งพูดถึงสถานที่แห่งนี้ หลิ่วหมิงก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย และเอ่ยปากถามในฉับพลัน
“ทาสเหมืองแร่ระดับศิษย์จิตวิญญาณก็สามารถอยู่ได้หรือ?”
“ที่ศิษย์จิตวิญญาณเหล่านี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าไม่เป็นเพราะมีพรสวรรค์พิเศษ ก็มีผู้แข็งแกร่งคนอื่นคอยดูแล มิเช่นนั้นสถานที่อันตรายเช่นนี้ ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้เกินหนึ่งเดือน” ชายร่างผอมแห้งเห็นเช่นนี้ ก็รีบอธิบายออกมา
“อ๋อ! ไม่ทราบว่าสถานที่แห่งนี้มีอะไรพิเศษบ้างหรือไม่?” ดูเหมือนหลิ่วหมิงจะถามอย่างไม่ใส่ใจ
“สหายมีทัศนะเฉียบแหลมมาก! ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด สถานที่แห่งนี้ถึงมีปราณจิตวิญญาณน้อยมาก และยังแผ่พลังแปลกๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้ระดับการฝึกฝนของคนที่อยู่ที่นี่ถูกระงับไว้ ดังนั้นต่อให้จะมีพลังเวทย์แข็งแกร่งแค่ไหน หลังจากอยู่ในนี้สองสามเดือนหรือครึ่งปี พลังเวทย์ก็จะหายไปจนหมดสิ้น และจากนั้นหากคิดดูดซับปราณจิตวิญญาณมาเสริมพลังเวทย์ล่ะก็ มีโอกาสสำเร็จยากกว่าโลกภายนอกหลายพันเท่าเลยทีเดียว” ในที่สุดชายร่างผอมแห้งก็พูดในสิ่งที่หลิ่วหมิงพอจะคาดเดาได้ลางๆ ออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา