ศพของชายฉกรรจ์ก็ถูกทาสเหมืองแร่สองสามคนลากออกไปจากเขตแลกเปลี่ยนอย่างฉับไว ซึ่งไม่รู้ว่าเอาไปฝังไว้ที่ไหน
แน่นอนว่าคนจำนวนหนึ่งที่ตามมาถึงอุโมงค์ ย่อมถูกคนอื่นกล่าวเตือนแล้วชี้ไปทางหลิ่วหมิง
แต่ทาสเหมืองแร่จำนวนหนึ่ง กลับไม่รู้สึกหวาดกลัว
ในความคิดของพวกเขา เป็นเพราะว่าหลิ่วหมิงยังเป็นคนใหม่อยู่ จึงมีพลังเวทย์มาก และถึงได้โจมตีออกมาได้อย่างน่ากลัว หากผ่านไปสามสี่เดือน ต่อให้เป็นผู้ฝึกกระบี่ก็ไม่อาจกระตุ้นวิชากระบี่บินได้
ไม่นาน หญิงที่ชื่อ ‘ชิงฉี’ กับพวกพ้องก็ตามมาถึงในอุโมงค์ พอเห็นหลิ่วหมิงยังนั่งอยู่กับที่โดยที่ไม่เป็นอะไรเลย ก็รู้สึกตกตะลึงมาก จากนั้นก็สอบถามคนที่รู้จักถึงรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น สิ่งนี้ทำให้พวกเขาตกใจมาก และต่างก็มองหน้ากันอย่างอดไม่ได้
ขณะนั้นพวกเขาไม่กล้ามองไปทางหลิ่วหมิง แต่กลับรีบหลบไปไกลๆ และรวมตัวกันพวกพ้องอีกสองสามคน
เมื่อคนที่ขุดเจาะหินแร่อยู่ในส่วนลึกของสายแร่ทยอยกลับมานั้น ผู้คนในอุโมงค์ขนาดใหญ่ก็เพิ่มมากขึ้น พริบตาเดียวก็มีคนมากกว่าสองร้อยคน ทั้งยังมีคนเข้ามาอยู่ตลอดเวลา
แต่คนที่มาทีหลังส่วนมากมีสีหน้าเหี้ยมหาญ กลิ่นไอที่ปล่อยออกมาก็แข็งแกร่งกว่าทาสเหมืองแร่โดยทั่วไปมาก
คนเหล่านี้ต่างก็อยู่รวมกันเป็นกลุ่ม กลุ่มเล็กๆ มีประมาณสามสี่คน กลุ่มใหญ่สุดมีประมาณยี่สิบถึงสามสิบคน
หนึ่งในสองกลุ่มที่มีคนเยอะที่สุด เป็นเผ่าเจ้าสมุทรที่ต่างก็มีเกล็ดสีต่างๆ อยู่บนใบหน้า แต่ละคนต่างก็มีใบหน้าหยิ่งยโส ดูเหมือนว่าจะไม่เห็นทาสเหมืองแร่คนอื่นๆ อยู่ในสายตาเลย
ส่วนอีกกลุ่มก็มีผู้ฝึกฝนอยู่หลากหลายเผ่า แต่ละคนล้วนกำยำล่ำสัน สีหน้าเยือกเย็น ดูเหมือนว่าต่างก็เป็นผู้ที่ฝึกร่างสำเร็จแล้ว ทั้งยังสวมชุดคลุมหนังแขนสั้น บนแขนเสื้อต่างก็มีสัญลักษณ์เป็นดวงตาสีเหลืองปักอยู่
เมื่อทั้งสองกลุ่มอิทธิพลใหญ่รวมตัวเข้าด้วยกัน ก็มีราวๆ ร้อยกว่าคน ซึ่งยึดครองพื้นที่ฝั่งตะวันออกและตะวันตกพอดี
กลุ่มเล็กๆ ที่อยู่ที่นี่มาแต่แรกต่างก็จ้องมองกลุ่มอิทธิพลทั้งสองด้วยความหวาดกลัว และต่างก็ถอยห่างออกไป
ดูท่าทั้งสองกลุ่มอิทธิพล คงจะเป็นสองกลุ่มอิทธิพลใหญ่ที่ชายหนุ่มร่างผอมแห้งได้กล่าวไว้
ณ มุมหนึ่งที่อยู่ห่างจากหลิ่วหมิงไปไม่ไกล ทาสเหมืองแร่เล็กๆ กลุ่มหนึ่งกำลังกระซิบกระซาบอะไรกันอยู่
ด้วยพลังจิตอันแข็งแกร่งของหลิ่วหมิง เพียงแค่ปล่อยออกไปเล็กน้อย ย่อมได้ยินอย่างชัดเจน
“จุ๊ๆ! เผ่าเจ้าสมุทรกลุ่มนี้ยังคงใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นเดิม แต่ละคนยังคงมองไม่เห็นหัวคนอื่นเลย” น้ำเสียงหยาบกระด้างกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ แต่เสียงดังมากจนทำให้คนด้านข้างขมวดคิ้วขึ้นมา
“เบาเสียงหน่อยจะดีกว่า หากพวกเขาได้ยินจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นได้” ชายวัยกลางคนรีบว่ากล่าวตักเตือน
“ฮึ! ก็แค่อาศัยผู้อาวุโสระดับผลึกคนหนึ่งคอยหนุนหลัง ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆ คงไม่กลัวพวกเขาหรอก!” คนก่อนหน้านั้นทำเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เบาลงเล็กน้อย
“ทั้งสองฝ่ายต่างก็ทีท่าทางดุดันเช่นนี้ พวกเจ้าว่าครั้งนี้ ‘พันธมิตรเหล็ก’ จะปะทะกับพวกเขาหรือไม่?” ขณะนี้ มีคนกล่าวออกมาอย่างระมัดระวัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา