“ฮึ! เรื่องของผู้อาวุโสหลาน ใช่เรื่องที่พวกเจ้าสามารถสอบถามได้หรือ!” หญิงสาวเกล็ดทองกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
แม้ทั้งสองกลุ่มอิทธิพลใหญ่จะมีปากมีเสียงกันอยู่ไม่หยุด แต่ภายใต้ความหวาดกลัว กลับไม่มีใครกล้าลงมือจริงๆ
เมื่อเวลาผ่านไป กลุ่มอิทธิพลเล็กๆ ที่มุงดูอยู่ นอกจากจะมีไม่กี่คนที่ยังคงสนใจเหตุการณ์นี้แล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่ได้สนใจอีกเลย
หลิ่วหมิงเองก็ละสายตากลับมา หลังจากคิดใคร่ครวญอยู่เงียบๆ แล้ว ก็มองไปยังกลุ่มอิทธิพลอื่นที่อยู่บริเวณขอบถ้ำ
กลุ่มอิทธิพลระดับเล็กถึงระดับกลาง มีสมาชิกอยู่ราวๆ สามถึงห้าคน คนที่เป็นหัวหน้าส่วนมากอยู่จะที่ระดับของเหลวขั้นกลางไปจนถึงขั้นปลาย ข้างตัวของพวกเขามีถุงขนาดใหญ่อยู่ใบหนึ่ง คิดว่าสิ่งที่อยู่ในนั้นคงเป็นหินแร่ของสมาชิกแต่ละคนในเดือนนี้
พอมองอย่างละเอียด หลิ่วหมิงก็พบว่า หัวหน้าของกลุ่มเล็กๆ เหล่านี้ ต่างก็เป็นผู้ที่มีพลังฮึกเหิมเป็นอย่างมาก ประจักษ์ชัดว่ากายเนื้อแข็งแกร่งกว่าพวกพ้องคนอื่นๆ
และหนึ่งในนั้นก็เป็นชายหนุ่มแปลกหน้าที่ใช้กระบองเหล็กลอบโจมตีหลิ่วหมิงตรงทางสามแยกนั่นเอง
ชายหนุ่มผู้นี้ยังคงแบกกระบองเหล็กขนาดใหญ่ที่ดูแตกต่างกับคนอื่นอยู่ ด้านหน้าของเขามีมนุษย์ผู้ฝึกฝนห้าหกคนยืนล้อมรอบ และกำลังครอบครองพื้นที่บริเวณหนึ่งที่ยังนับว่าใกล้จุดศูนย์กลาง
ดูเหมือนชายหนุ่มผู้นี้จะจับได้ว่าหลิ่วหมิงกำลังสังเกตดูเขาอยู่ จึงหันมายิ้มให้ทันที จากนั้นก็หันไปพูดกับคนอื่นเบาๆ
นอกจากนี้ หลิ่วหมิงยังค้นพบว่ายังมีทาสเหมืองแร่สี่ห้าคนที่อยู่ตัวคนเดียวเหมือนกับเขา ซึ่งต่างก็นั่งหลับตาขัดสมาธิโดยไม่มีใครอยู่ข้างกายเลย
จนเมื่อเวลาผ่านไปครึ่งวัน
บรรดาทาสเหมืองแร่ต่างก็พากันมาเขตแลกเปลี่ยน ซึ่งขณะนี้มีราวๆ สามร้อยกว่าคน
หลังจากที่กลุ่มอิทธิพลใหญ่สองกลุ่มจ้องหน้า และพูดจาถากถางกันอยู่ไม่หยุด ในที่สุดก็หยุดชะงักลง อุโมงค์ขนาดใหญ่เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
เสียงฝีเท้าถี่ๆ ดังมาจากปากทางเข้าที่ก่อนหน้านั้นไม่มีคนเข้ามาก่อน
ผู้คนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในอุโมงค์มีสีหน้าเคร่งขรึมทันที และจ้องมองไปยังทางเดินสายนี้
ไม่นานก็มีผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจสวมชุดสีดำเจ็ดแปดคนเดินออกมาจากทางเดินสายนี้ พอหลิ่วหมิงเห็นหัวหน้าผู้พิทักษ์ ก็ค่อยๆ ขมวดคิ้ว และหรี่ตาทั้งคู่ลง
คนผู้นี้ก็คือชายวัยกลางคนเผ่าปีศาจที่ค้นเอาสิ่งของบนตัวหลิ่วหมิงไป
พอเขาเดินเข้ามาแล้วก็เผยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม และเดินนำผู้พิทักษ์คนอื่นๆ เข้าไปในลานกว้างอย่างไม่เกรงใจ
ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าดูเหมือนจะไม่แสดงท่าทีอะไรออกมา แต่ดูจากแววตาก็รู้ว่า เขาดูเหมือนจะเพลิดเพลินไปกับดวงตาที่ทั้งหวาดกลัว และโมโหของทาสเหมืองแร่เหล่านี้ ด้วยเหตุนี้จึงก้าวเท้าอย่างช้าๆ
สถานที่ที่เขาเดินผ่าน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอิทธิพลขนาดเล็กไปถึงกลาง หรือว่าผู้คนในกลุ่มอิทธิพลขนาดใหญ่ทั้งสอง ต่างก็ถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างเงียบๆ เพื่อเปิดทางให้เขา
ครู่ต่อมา กลุ่มผู้พิทักษ์ก็มาถึงใจกลางลานกว้าง และหยุดอยู่หน้าแท่นหินที่สูงจั้งกว่าๆ
ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าไม่ได้พูดอะไรออกมาในทันที แต่กลับมองไปรอบๆ
พอเห็นสายตารอคอยของทาสเหมืองแร่ เขาถึงกระแอมไอเบาๆ แล้วป่าวประกาศออกมา
“ข้าเฉินกัง เฮ่อๆ! คิดว่าคงไม่ต้องแนะนำอะไรมาก ทุกคนในนี้แปดถึงเก้าส่วนคงรู้จักข้า กฎในครั้งนี้ส่วนใหญ่จะเหมือนกับครั้งก่อนๆ เพียงแต่เงื่อนไขการแลกเปลี่ยนตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไปมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หินแร่ล้ำค่าสามสิบห้าก้อนสามารถแลกโอสถถอนพิษราชาปีศาจสมุทรได้หนึ่งเม็ด”
พอเสียงนี้สิ้นสุดลง ก็มีเสียงฮือฮาขึ้นมา
“เดือนก่อนยังแค่สามสิบก้อนอยู่เลย ทำไมถึงเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทั้งยังไม่บอกล่วงหน้าด้วย” ไม่รู้ว่าใครส่งเสียงเอะอะโวยวายออกมา
พอได้ยินเช่นนี้ ผู้คนในนั้นก็ยิ่งโกลาหลมากขึ้นกว่าเดิม ทาสเหมืองแร่จำนวนมากต่างก็กระซิบกระซาบกันด้วยสีหน้าที่แตกต่างกันไป
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองอย่างเรียบเฉย เขาค้นพบว่าผู้ที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายส่วนมากเป็นกลุ่มอิทธิพลเล็กๆ และทาสเหมืองแร่ในกลุ่มอิทธิพลใหญ่ทั้งสองกลับไม่ส่งเสียงใดๆ ออกมา เหมือนกับว่าเห็นเรื่องแบบนี้จนชาชินแล้ว
“ใช่แล้ว! ตอนนี้สายแร่บริเวณรอบนอกได้แห้งเหือดไปนานแล้ว บางแห่งที่มีหินแร่สมบูรณ์ต่างก็ถูกครอบครองจนหมด จำนวนหินแร่ที่ขุดมาได้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน”
“ไม่เพียงแต่แค่นี้ หลายเดือนมานี้ อสูรโฉดเหล่านั้นก็บ้าคลั่งยิ่งกว่าเดิม และปรากฏตัวถี่ขึ้น……”
ทาสเหมืองแร่คนอื่นๆ ยังคงเอะอะโวยวายด้วยความกระวนกระวายใจ
เฉินกังที่ยืนอยู่หน้าแท่นหินเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“เงียบ! พวกเจ้าเป็นคนออกกฎของที่นี่หรือ? ใครไม่อยากแลกโอสถถอนพิษก็รีบไปซะ! แต่หากใครไม่เคารพกฎก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน!”
น้ำเสียงนี้ดังลั่นไปทั่วอุโมงค์ ทาสเหมืองแร่ที่เอะอะโวยวายอยู่เงียบลงทันที
เฉินกังเห็นเช่นนี้ถึงมีสีหน้าผ่อนคลายขึ้น จากนั้นก็กล่าวต่อ
“ข้าขอเตือนทุกท่านสักหน่อย ต้องให้ข้าเห็นหินแร่ก่อนถึงจะมอบโอสถถอนพิษให้ได้ และคนอื่นสามารถรับแทนได้ แต่ฤทธิ์ของมันจะอยู่ได้แค่เจ็ดวันเท่านั้น อย่าคิดเก็บไว้รอให้พิษกำเริบแล้วค่อยทาน ผู้ที่มีหินแร่ไม่พออย่าแส่เข้ามา แต่แน่นอนว่าผู้ที่มีหินแร่เหลือ ก็สามารถแลกโอสถ ยันต์ และสิ่งของอื่นๆ ได้ เอาล่ะเริ่มการแลกเปลี่ยนได้”
เมื่อผู้พิทักษ์วัยกลางคนที่เป็นเผ่าปีศาจกล่าวจบก็ถอยออกไปหนึ่งก้าว เขาเอามือทั้งสองไขว้หลัง และไม่กล่าวอะไรออกมาอีก
เวลาต่อมา ผู้พิทักษ์เผ่าปีศาจสองสามคนที่อยู่ด้านหลังก็ก้าวออกมาด้านหน้า จากนั้นก็หยิบยันต์เก็บของออกมาสองสามผืน และปล่อยสิ่งของประเภทโอสถ ยันต์ และหินจิตวิญญาณออกมากองใหญ่ๆ หลังจากนั้นก็แสดงสีหน้าบอกเป็นนัยว่าสามารถเข้ามาแลกเปลี่ยนได้
ดูเหมือนว่าสิ่งที่มีมากที่สุดก็คือขวดเล็กๆ สีเขียวมรกตที่มีรูปร่างเหมือนกันหลายร้อยใบ ประจักษ์ชัดว่านั่นก็คือโอสถราชาปีศาจสมุทรที่พูดถึง
ภายในอุโมงค์เงียบสงัดมาก ทาสเหมืองแร่ในกลุ่มอิทธิพลระดับเล็กถึงกลางต่างก็ไม่พูดอะไรออกมา พวกเขาเพียงแค่จ้องมองสองกลุ่มอิทธิพลใหญ่ที่ครอบครองพื้นที่ทางด้านตะวันออก และตะวันตก
ผู้พิทักษ์เหล่านี้กลับไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเพียงแค่ยืนยิ้มอย่างเยือกเย็นอยู่ข้างแท่นหิน ราวกับไม่คิดจะเร่งรัดแต่อย่างใด
แต่พอผ่านไปสักพัก หญิงสาวเผ่าเกล็ดทองที่ชื่อว่า ‘จื่อหมิง’ ถึงนำเผ่าเจ้าสมุทรสองคนไปแลกเปลี่ยนโอสถถอนพิษหนึ่งถุงกับโอสถ และยันต์จำนวนหนึ่ง
และผู้อาวุโสเผ่าปีศาจของ ‘พันธมิตรเหล็ก’ ก็เป็นตัวแทนของคนในพันธมิตรออกไปแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา