ขณะที่นั่งสมาธิในเมื่อครู่ เขาได้ใช้จิตกวาดดูข้างใน แม้จะค้นพบว่าไอหมอกดำกัดเซาะเร็วกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ตอนนี้มันยังไม่ได้เริ่มกำเริบขึ้นมาจริงๆ
ตอนนี้เขามีโอสถถอนพิษสามเม็ด แม้จะบอกว่ามีฤทธิ์แค่เจ็ดวัน แต่เมื่อหักลบเวลาในการเดินทางกลับสองวันแล้วยังมีเวลาเหลืออีกห้าวัน ซึ่งเพียงพอสำหรับเขาแล้ว
พอหลิ่วหมิงคิดมาถึงจุดนี้ เขาก็นำโอสถสีดำไปวางบนหน้าผากทันที และเตรียมใช้พลังจิตตรวจสอบดูส่วนประกอบของมัน
เมื่อเขาปล่อยพลังจิตส่วนหนึ่งเข้าไปในนั้น ก็รับรู้ถึงคลื่นพลังจิตวิญญาณที่ปรากฏขาดๆ หายๆ ได้อย่างชัดเจน แต่โอสถกลับไม่มีอะไรผิดปกติเลย
หลิ่วหมิงหน้านิ่งเล็กน้อย จากนั้นก็ควบคุมพลังจิตตรวจสอบโอสถอย่างช้าๆ ไม่นานก็รับรู้ถึงพลังสกัดกั้นที่มาจากแกนกลางของโอสถ
พลังจิตของเขาไม่สามารถเข้าไปในโอสถได้เลยแม้แต่น้อย
พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ เขารีบทำท่ามือด้วยมือเดียวในทันที ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย พลังจิตที่แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านั้นหลายเท่าพุ่งออกมาปกคลุมโอสถบนหน้าผากไว้ และพยายามเข้าไปในนั้นให้ได้
ขณะเดียวกัน เรื่องราวอันแปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น
พอโอสถสีดำมีปฏิกิริยาตอบกลับเล็กน้อย พลังสกัดกั้นก็เพิ่มมากขึ้น พริบตาที่มันไม่สามารถต้านทานพลังจิตอันแข็งแกร่งของหลิ่วหมิงได้ มันก็เปล่งแสงสีแดงจางๆ ออกมา
สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปทันที เขาโยนโอสถบนหน้าผากออกไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
พอโอสถสีดำถูกโยนออกไปจั้งกว่าๆ ก็มีเสียงดัง “เพล้ง!” ดังออกมา จากนั้นก็ระเบิดตัวกลายเป็นควันสีเทา และอันตรธานหายไป
พอหลิ่วหมิงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ดูหน้าเสียเล็กน้อย
ดูท่าราชาปีศาจสมุทรคงจะวางชั้นจำกัดลึกลับบางอย่างไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นทำการแก้ไขได้ พอถูกคนพยายามใช้พลังจิตกระตุ้น มันก็จะระเบิดตัวในทันที
หลิ่วหมิงมีสีหน้าหม่นหมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบถ้วยหยกเล็กๆ ออกมาหนึ่งใบแล้วโยนไปด้านหน้าพร้อมกับร่ายคาถาออกมา เขาปล่อยวิชาใส่ถ้วยหยกติดต่อกัน
ถ้วยหยกเปล่งแสงสีขาวออกมา ไม่นานก็ค่อยๆ หมุนวนอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงยกมือข้างหนึ่งขึ้น พอจุดแสงสีฟ้าปรากฏออกมา มันก็ก่อตัวเป็นหยดวารีและจมหายไปในถ้วยหยก
เขาใช้นิ้วคีบโอสถสีดำออกมาอีกเม็ด และใส่ลงไปในถ้วยหยก จากนั้นก็แตะลงบนโอสถ
แต่พอโอสถสีดำเข้าไปในถ้วยหยก มันก็ลอยอยู่บนน้ำ และหมุนวนไปตามถ้วยหยก ทั้งยังเปล่งแสงสีแดงออกมา ราวกับกำลังขานรับถ้วยหยกอยู่ ไม่นานม่านแสงสีขาวก็ปกคลุมถ้วยหยกไว้
หลิ่วหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา เสียงร่ายคาถาหยุดลง นิ้วที่แตะอยู่จมลงไป และตะโกนคำว่า “แยก” ออกมา
ถ้วยเล็กๆ สั่นสะท้าน และส่งเสียงดังหวึ่งๆ ออกมาทันที โอสถบนผิวน้ำเกิดการละลายในทันที บางส่วนเปล่งแสงออกมารำไร ของเหลวสีเขียวกับสีแดงซึมออกมา และพอสัมผัสกับน้ำ มันก็ก่อตัวเป็นสิ่งที่มีสภาพคล้ายกับใยฝ้ายสีน้ำตาลดำ และส่งกลิ่นคาวออกมาจางๆ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก เขารีบใช้พลังจิตกวาดดูทันที ขณะเดียวกันก็ตรวจดูสิ่งที่จดจำไว้ในสมองทั้งหมดไปหนึ่งรอบ เขาค้นพบว่าใยฝ้ายสีน้ำตาลดำนี้คือวัตถุดิบชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ‘ไหมอวี้หยิน’ และในหยดของเหลวสีเขียวกับสีแดงก็มีวัตถุดิบที่ชื่อว่า ‘เกลือป่นเขียว’ กับ ‘หินน้ำมันแดง’ อยู่ในนั้น
ไหมอวี้หยินเป็นวัตถุดิบธาตุหยินที่มีพิษแฝงอยู่ในจำนวนที่แน่นอน แต่ขณะเดียวกันก็สามารถปรุงเป็นโอสถที่มีผลในการเพิ่มพลังให้กับผู้ที่ฝึกฝนวิชาธาตุหยินได้
สำหรับวัตถุดิบทั้งสองในตอนท้าย กลับเป็นเป็นวัตถุดิบปรุงโอสถที่พบเจอได้ค่อนข้างบ่อย
ขณะที่เขาเตรียมกระตุ้นพลังเวทย์เพื่อแยกแยะส่วนประกอบของโอสถนั้น กลับค้นพบว่าแสงสีแดงบนพื้นผิวของมันเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด ทำให้ถ้วยหยกค่อยๆ สั่นสะท้านขึ้นมา
หลิ่วหมิงหัวเราะอย่างขมขื่น และดึงนิ้วกลับมาทันที มือข้างหนึ่งหยิบถ้วยหยกขึ้นมา จากนั้นก็เททิ้งด้านนอกอย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมา โอสถสีดำที่ยังอยู่กลางอากาศก็ก็ระเบิดออกมาเหมือนก่อนหน้านั้น
เวลาแค่ไม่นาน โอสถถอนพิษราชาปีศาจสมุทรทั้งสองเม็ด ก็ถูกทำลายจนหมดสิ้น ต่อให้เป็นหลิ่วหมิงก็ต้องรู้สึกท้อใจเป็นอย่างมาก
หากไม่ใช่ว่าแร่หินที่ใช้แลกโอสถถอนพิษทั้งสองนั้น เขาชิงมาจากคนอื่นล่ะก็ เกรงว่าคงต้องหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม
หลิ่วหมิงจ้องมองโอสถเม็ดสุดท้ายในมือด้วยความลังเล
หากเขารีบทานลงไป ก็รับรองได้ว่าในช่วงหนึ่งเดือนนี้เขาจะไม่เป็นอะไร แต่มันกลับช่วยขับพิษได้ไม่มาก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา