“ผู้อาวุโสหลาน ข้าน้อยสวินคุนจากเผ่าผิวเขียว……”
“เจ้าชื่ออะไรนั้นข้ารู้แต่แรกแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรให้มากความ พูดคำถามของเจ้ามาเถอะ” หลานสี่ขัดจังหวะการพูดของเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ข้าอยากรู้ว่าไข่หนอนที่ยับยั้งพิษราชาปีศาจสมุทรได้ชั่วคราวนั้น ได้มาจากไหนกันแน่? ดูเหมือนผู้น้อยจะไม่เคยได้ยินมาก่อน และคนที่เข้าร่วมแผนการในครั้งนี้ ได้ไข่หนอนชนิดนี้คนละกี่ใบ?” ชายฉกรรจ์ที่ชื่อสวินคุนเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกตกตะลึง แต่ก็รีบพูดออกไปอย่างรวดเร็ว
“ฮึ! นี่นับว่าเป็นสองคำถามแล้ว ช่างเถอะ! เห็นแก่ที่เจ้าถามเป็นคนแรก ข้าจะตอบเจ้าทั้งหมด ข้าอยู่ที่นี่มาร้อยกว่าปีแล้ว นับว่าพอจะรู้จักโอสถราชาปีศาจสมุทรอยู่บ้าง หลังจากศึกษาเกี่ยวกับส่วนประกอบของมันในทุกๆ เดือน และผ่านการเพาะเลี้ยงอย่างยากลำบากมาสิบกว่าปี ถึงมีไข่หนอนจิตวิญญาณอย่างที่พวกเจ้าเห็น ด้วยเหตุนี้ในโลกภายนอกจึงไม่มีหนอนจิตวิญญาณประเภทนี้เลย ส่วนจำนวนของมันนั้น……”
พอหลานสี่กล่าวมาถึงจุดนี้ ก็หยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงกล่าวต่อ
“เป็นเพราะหนอนชนิดนี้เลี้ยงยากมาก บวกกับเวลาที่จำกัด ข้าจึงมีไข่ของมันไม่มาก แต่หากพวกเจ้ายินยอมเข้าร่วมแผนการของพวกเราจริงๆ และสัญญาว่าจะเชื่อฟังข้าในระหว่างการเดินทางในครั้งนี้ล่ะก็ ข้าจะมอบมันให้คนละสิบกว่าใบ พอไปจากที่นี่แล้วจะได้ใช้ยับยั้งพิษชั่วคราว”
พอชายฉกรรจ์เผ่าผิวเขียวคนนั้นฟังจบ ก็อ้าปากจะพูดอะไรออกมา แต่หลานสี่กลับผายมือให้ชายเผ่าเจ้าสมุทรที่มีสีหน้าเคร่งขรึมผู้หนึ่ง เพื่อแสดงสัญญาณว่าสามารถสอบถามได้
ชายผู้นั้นเด็ดขาดมาก เขาเพียงแค่กุมมือคารวะเล็กน้อย จากนั้นก็ถามออกไปตามตรง
“ผู้อาวุโสหลาน แม้พิษราชาปีศาจสมุทรจะสามารถยับยั้งไว้ได้ชั่วคราว แต่ไม่ทราบว่าชั้นจำกัดอีกชนิดที่อยู่ในทะเลจิตวิญญาณของพวกเรา ท่านมีแผนการรับมือหรือไม่? หากมีชั้นจำกัดนี้อยู่ในร่าง เกรงว่าพวกเราคงไม่อาจไปจากที่นี่ได้โดยง่าย”
“ความจริงแล้วกลุ่มแสงโลหิตในร่างของพวกเจ้า เป็นแค่ชั้นจำกัดชีพจรโลหิตที่ซับซ้อนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันจะกำเริบก็ต่อเมื่อไปจากอาณาเขตของสายแร่ได้ระยะหนึ่ง แม้มันจะไม่มีผลกระทบต่อชีวิตของพวกเจ้า แต่กลับคุมขังพลังเวทย์ได้ภายในพริบตา ซึ่งมันก็สร้างปัญหาให้ไม่น้อย แต่ก่อนหน้านั้นไม่นาน ข้าได้ศึกษาเคล็ดวิชาที่ทำลายมันได้แล้ว ก่อนดำเนินการตามแผน ข้าเพียงแค่สูญเสียพลังเล็กน้อย ก็สามารถช่วยพวกเจ้ากำจัดมันออกจากร่างได้ และไม่ทิ้งผลข้างเคียงใดๆ ไว้ คำตอบนี้เจ้าพอใจหรือไม่?” หลานสี่ตอบโดยไม่ต้องคิด
พอชายเผ่าเจ้าสมุทรได้ฟังที่หลานสี่พูดมาทั้งหมด ย่อมมองมาด้วยความดีใจ หลังจากตอบรับว่า “พอใจ” แล้ว ก็ปล่อยมือทั้งสองข้างลู่ลงเพื่อแสดงการเคารพ และไปยืนอยู่ด้านข้าง
ด้วยเหตุนี้ สายตาของทุกคนต่างก็จ้องมองมาที่หลิ่วหมิงเป็นธรรมดา
หลิ่วหมิงเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงกล่าวออกมาด้วยสีหน้าสงบ
“ผู้อาวุโสหลาน ตอนที่ข้าถูกคุมขังมาที่นี่ ข้าได้ค้นพบว่ามีชั้นจำกัดอยู่เป็นจำนวนมาก ไม่เพียงแต่มีผู้พิทักษ์ลาดตระเวนอยู่ตลอดเวลา แต่ยังมีผู้แข็งแกร่งระดับผลึกกับปีศาจอสูรคอยดูต้นทางอยู่ เกรงว่าบริเวณรอบๆ เหมืองแร่คงจะมีอีกเป็นจำนวนมาก ไม่ทราบผู้อาวุโสแน่ใจได้อย่างไรว่า จะสามารถพาพวกเราไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย”
ฟังคำถามของหลิ่วหมิงจบ หลานสี่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเป็นครั้งแรก หลังจากเงียบไปซักพักใหญ่ๆ ถึงค่อยๆ กล่าวออกมา
“สำหรับเรื่องนี้ไม่ต้องกังวลมาก ตอนที่พวกเราไปจากที่นี่ จะไม่ผ่านปากทางเข้าถ้ำเหมืองแร่เลย แต่ว่าเส้นทางการหลบหนีสำคัญมาก เรื่องรายละเอียดพวกเจ้าจะรู้เองในภายหลัง ตอนนี้ข้าไม่สะดวกพูด”
หลานสี่ตอบกลับอย่างคลุมเครือ ประจักษ์ชัดว่าไม่สามารถเปิดเผยแผนการที่เป็นรูปธรรมในตอนนี้ได้
หลิ่วหมิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่แสดงสีหน้าแปลกใจออกมาแต่อย่างใด หลังจากกล่าวขอบคุณแล้ว ก็ไม่พูดอะไรอีก
แต่ขณะนั้นเอง หลานสี่กลับเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา จากนั้นก็กล่าวกับพวกเขาด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็น
“สหายทั้งสามอย่ารีบดีใจไป ในเมื่อข้าพยายามตอบคำถามของพวกเจ้าอย่างเต็มที่ ต่อไปทั้งสามก็ต้องตัดสินใจเลือกเอาเองแล้ว”
“ตัดสินใจเลือก? ผู้อาวุโส ท่านหมายความว่าอย่างไร พวกข้าทั้งสามไม่ได้เข้าร่วมแผนการแล้วหรือ?” ชายฉกรรจ์ผิวเขียวรู้สึกถึงความไม่พอชอบมาพากล จึงกล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป
“ฮึ! ก่อนหน้านั้นมีแต่พวกเจ้าที่ยอมเข้าร่วม ข้าเคยพูดตอนไหนว่าจะรับทั้งหมด บอกตามตรง เนื่องจากวิธีการหลบหนีของข้าค่อนข้างพิเศษ ด้วยเหตุนี้จำนวนคนที่หลบหนีก็ถูกจำกัดไปด้วย ตอนนี้ขาดเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เงื่อนไขของพวกเจ้าทั้งสามพอๆ กัน คงจะมีคุณสมบัติที่เพียงพอ แต่ก็ด้วยเหตุนี้ พวกเจ้าทั้งสามมีเพียงแค่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น ถึงจะได้รับการยอมรับจากข้าให้กลายเป็นหนึ่งในผู้ร่วมแผนการสำคัญคนสุดท้าย ส่วนอีกสองคน……เฮ่อๆ!……” พอหลานสี่กล่าวถึงตอนท้าย ก็หัวเราะออกมาด้วยสีหน้าเหี้ยมโหด
แม้เขาจะพูดไม่จบ แต่คนที่มีสติปัญญาย่อมรู้แจ้งแก่ใจว่า แผนการสำคัญระดับนี้ จุดจบของคนอีกสองคนที่ไม่ได้รับการยอมรับจากเขา คงต้องตายลูกเดียวเท่านั้น
หลิ่วหมิงและอีกสองคนได้ยินเช่นนี้ ย่อมมีสีหน้าหนักอึ้งขึ้นมา
ขณะนี้ เหยียนลัวที่ยืนอยู่ข้างผู้อาวุโสก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แววตาที่มองหลิ่วหมิงแฝงไปด้วยการขอโทษ ดูเหมือนจะบอกหลิ่วหมิงว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวคำพูดห้ามปรามออกมา
“ทั้งสามคนสามารถรับได้แค่คนเดียวเท่านั้น! ผู้อาวุโสหลานคิดว่าพวกข้าจะยอมรับเงื่อนไขนี้หรือ…….” ชายฉกรรจ์เผ่าผิวเขียวผู้นั้นพูดออกมาด้วยความโมโห
แต่เขาพูดยังไม่ทันจบ แขนกำยำข้างหนึ่งก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทุบกำปั้นใส่ชายเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่ด้านข้าง
ชายเผ่าเจ้าสมุทรคิดจะหลบหลีกก็ไม่ทันแล้ว พอมีเสียงดัง “ตู๊ม!” ใบหน้าของเขาก็ถูกทุบจนกล้ามเนื้อกระเด็น และกระดูกสีขาวก็โผล่ออกมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา