และตั้งแต่ต้นจนจบ เขาไม่ได้ใช้วิชาขี่กระบี่เลย ทำให้เหยียนลัวที่อยู่ด้านข้างรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
หลานสี่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก็แสดงสีหน้าเหลือเชื่ออย่างอดไม่ได้ ดวงตาขุ่นมัวทั้งคู่สังเกตดูหลิ่วหมิงอีกครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะแฝงไปความชื่นชม
“สหายหลิ่วมีฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดาจริงๆ ในเมื่อตอนนี้เหลือเจ้าเพียงคนเดียว เจ้าก็มีสิทธิ์เข้าร่วมแผนการของข้าแล้ว แต่ข้าขอถามเจ้าอีกประโยค สหายยินยอมเข้าร่วมโดยไม่ได้ฝืนใจใช่หรือไม่?” หลานสี่ค่อยๆ กล่าวออกมา
“มีโอกาสหนีไปจากเหมืองแร่ใต้ทะเลได้ เป็นเรื่องที่ข้าต้องการเป็นอย่างยิ่ง” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างไม่ลังเล
“ดีมาก!”
ได้ยินหลิ่วหมิงกล่าวเช่นนี้ หลานสี่ก็พยักหน้าด้วยความพอใจ พอโบกมือไปด้านหลัง เหยียนลัวก็หยิบถุงหนังตุงๆ จากเอวมาใบหนึ่ง และโยนไปให้หลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าสงบ พอถุงหนังมาถึงตรงหน้า เขาก็ยื่นแขนไปรับมันมา
ขณะเดียวกัน พลันมีเสียงราบเรียบของหลานสี่ดังขึ้นข้างหูหลิ่วหมิง
“นี่คือไข่หนอนสิบใบกับของยืนยันแผนการของข้าในครั้งนี้ ตอนนี้เจ้ากลับไปเตรียมการได้ สามเดือนให้หลังจะเริ่มแผนการอย่างจริงจัง พอถึงเวลานั้น ข้าจะให้คนนำของยืนยันที่เหมือนกันไปบอกกับเจ้า และภายในสามเดือนนี้ เจ้าก็ไม่ต้องใช้พลังเวทย์ไปขุดหินแร่ เพียงแค่ตั้งใจฝึกฝน และรักษาพลังเวทย์ให้อยู่ระดับสูงสุดก็พอ ส่วนหินแร่ที่ต้องชำระในแต่ละเดือน จะมีคนไปชำระแทนเจ้า และนำโอสถถอนพิษไปให้ตามเวลาที่กำหนด”
แม้ว่าไข่หนอนจะสามารถระงับพิษในร่างได้ แต่มันมีจำนวนไม่มาก ในขณะที่ทุกคนยังอยู่ในถ้ำเหมืองแร่ ก็จำเป็นต้องทานโอสถถอนพิษทุกเดือน เช่นนี้แล้วมันก็สามารถหลอกล่อผู้พิทักษ์เหมืองแร่เหล่านั้นไม่ให้เกิดการสงสัยได้
พอหลิ่วหมิงใช้จิตกวาดดูข้างในถุงหนัง ก็ค้นพบว่านอกจากจะมีขวดเล็กสีดำสิบขวดที่เหมือนกับก่อนหน้านั้นไม่มีผิดแล้ว ยังมีเปลือกหอยสีทองอร่ามอยู่ตัวหนึ่ง บนเปลือกมีอักขระสีดำลึกลับจำนวนหนึ่งสลักอยู่ นอกจากนี้ยังมีหินจิตวิญญาณระดับกลางสิบกว่าก้อน ถึงแม้มันจะไม่มาก แต่ก็นับว่าเป็นสิ่งล้ำค่าภายในถ้ำเหมืองแร่แห่งนี้
หลิ่วหมิงย่อมไม่เกรงใจอะไรอีก หลังจากพูดขอบคุณแล้ว เขาก็เก็บถุงหนังอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ประสานมือคารวะหลานสี่กับเหยียนลัว และหันตัวเดินจากไป
พอร่างหลิ่วหมิงหายไปจากทางเดินตรงหน้าแล้ว หลานสี่ก็หันมาถามเหยียนลัวที่อยู่ด้านข้าง
“คิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีผู้ฝึกร่างด้วย ทั้งยังดูเหมือนจะมีกายเนื้อที่แข็งแกร่งมาก แต่ว่าวิชาขี่กระบี่ของเขา จะมีอานุภาพไม่ธรรมดาอย่างที่เจ้าพูดหรือ? คงไม่ทำให้ข้าเสียเรื่องหรอกนะ”
”พี่หลานวางใจเถอะ! วิชากระบี่ที่เขากระตุ้นมีอานุภาพแข็งแกร่งมาก อาศัยแค่กระบินจิตวิญญาณระดับต่ำเล่มเดียว ก็สามารถทำลายเกราะป้องกันร่างฆ้องทองแดงของข้าได้ พอถึงเวลานั้น หากท่านมอบกระบี่จิตวิญญาณระดับกลางเล่มนั้นให้กับเขา อานุภาพของมันจะต้องแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านั้นมาก คิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร” เหยียนลัวกล่าวยืนยันโดยไม่ต้องคิด
“เป็นเช่นนี้ก็ดี พอถึงเวลานั้นเอากระบี่เล่มนั้นให้เขาก็พอแล้ว” ดูเหมือนหลานสี่จะคลายความกังวลไปจนหมดสิ้น
“ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ข้าคิดว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้มีพลังแค่นี้ อาจเป็นไปได้ว่าเขาซ่อนพลังที่แท้จริงไว้” เหยียนลัวกล่าว
“เอ๋! หมายความว่าอย่างไร?” หลานสี่มีท่าทีเปลี่ยนไปในทันที
“เพื่อทดสอบพลังที่แท้จริงของเจ้าเด็กนี่ ข้าจึงตั้งใจหาสองคนนี้มา แม้จะบอกว่าไม่ใช่คนที่พวกเราถูกใจ แต่ก็นับว่าเป็นคนที่มีพลังไม่ธรรมดา หลิ่วหมิงสามารถสังหารคนเผ่าผิวเขียวผู้นั้นได้อย่างง่ายดาย ดูท่าคงจะมีท่าไม้ตายอยู่ไม่น้อย คงไม่ได้มีแค่วิชาขี่กระบี่เท่านั้น” เหยียนลัวลูบคางไปมาด้วยตาที่เป็นประกาย
“อืม! เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล ไม่ว่าเขาจะซ่อนพลังที่แท้จริงไว้หรือไม่ก็ตาม เพียงแค่พวกเราใช้งานเขาได้ก็พอแล้ว นอกจากนี้การเพาะเลี้ยงไข่หนอนกลุ่มสุดท้ายเป็นอย่างไรบ้าง? หากเตรียมการเรียบร้อยแล้ว คงรู้นะว่าควรจัดการกับคนเหล่านั้นอย่างไร อย่าทิ้งร่องรอยอะไรไว้ล่ะ” หลานสี่พยักหน้า และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที
“ข้าเข้าใจแล้ว อีกสองเดือนให้หลังไข่หนอนกลุ่มนี้ก็จะสมบูรณ์แล้ว หากโอกาสในการสำเร็จแตกต่างจากก่อนหน้านั้นไม่มากล่ะก็ พอถึงเวลาดำเนินการตามแผน คงจะมีเพียงพอสำหรับการใช้งาน” เหยียนลัวตอบอย่างไม่เรียบร้อย
“ดีมาก เรื่องร่างกาฝากของยันต์โลหิตต้องห้าม พัฒนาไปถึงไหนแล้ว?” หลานสี่กล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย
“เรื่องร่างกาฝากยันต์โลหิตต้องห้าม ข้าได้เลือกทาสเหมืองแร่ตามที่พี่หลานบอกมาสองคนแล้ว และใช้เงื่อนไขการหนีไปจากที่นี่เป็นการปลอบขวัญพวกเขา พอถึงเวลานั้น…….เรื่องนี้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเขาแล้ว” เหยียนลัวกล่าวอย่างนอบน้อม ดวงตาของเขาเปล่งประกายเยือกเย็นออกมา
“เรื่องยันต์โลหิตต้องห้ามเป็นเรื่องสำคัญ ต้องระวังให้มาก และรับรองได้ว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดถึงจะได้! ยิ่งไปกว่านั้นการควบแน่นของยันต์โลหิตนี้ ต้องดำเนินการในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนหน้านั้นร่างกาฝากจะต้องมีชีวิตอยู่ และพอยันต์โลหิตควบแน่นออกมาได้ ก็ต้องใช้มันภายในหกวัน ไม่อย่างนั้นมันจะไม่มีความหมายอะไร นี่คือเหตุผลที่เราต้องหาร่างกาฝากในระยะใกล้ๆ นี้” หลานสี่กล่าว
“พี่หลานวางใจเถอะ ข้าส่งคนติดตามพวกเขาอยู่ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ล่ะก็ ก่อนดำเนินการตามแผนสองสามวัน ก็นำยันต์โลหิตออกจากร่างพวกเขาล่วงหน้า” เหยียนลัวหัวเราะแล้วกล่าวอย่างมั่นใจ
“ดี! ในเมื่อพวกเจ้าพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ข้าก็วางใจ” หลานสี่แสดงสีหน้าพอใจออกมา
“นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องการกัดกร่อนของไอร้าย ช่วงนี้มีคนวิเคราะห์กระดูกของอสูรโฉด และหาวิธีการบางอย่างได้แล้ว”
“อ้อ! เจ้าลองพูดมาซิ” พอได้ยินเช่นนี้ ดูเหมือนหลานสี่จะดูคึกคักขึ้นมา
“ที่จริงพวกเราสามารถใช้กระดูกของอสูรโฉดเหล่านั้นมาทำเป็น……”
……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา