“ฮึ! ดึงตัวผู้แข็งแกร่งระดับผลึกมาเพิ่มสักคนสองคน? เจ้านี่ช่างกล้าพูดนะ! หากมีผู้แข็งแกร่งระดับผลึกมาสามสี่คน ข้าเกรงว่าต่อให้มีทางทีหนีทีไล่ ก็ต้องตายอยู่ที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องพูดอะไรมาก เพียงแค่แผนการเริ่มต้นขึ้น มันจะต้องมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก แต่พอถึงเวลานั้นจะสามารถดึงคนมาได้มากน้อยแค่ไหน ก็ไม่ใช่เรื่องที่ข้าต้องเข้าไปยุ่งแล้ว” หลานสี่เอามือไขว้หลังแล้วกล่าวอย่างเยือกเย็น
“เพื่อแผนการในครั้งนี้ เผ่าเราได้เตรียมการมาหลายปี บวกกับโอกาสอันเหมาะเจาะ ถึงได้มีโอกาสแสดงออกมาในที่สุด แผนนี้ต้องสำเร็จเท่านั้น ล้มเหลวไม่ได้เป็นอันขาด เวลาในการเคลื่อนไหวที่เป็นรูปธรรมของทางด้านนี้ จะต้องดำเนินตามที่ได้นัดหมายกันไว้ ไม่ได้สามารถเคลื่อนไหวเร็วหรือช้ากว่าที่กำหนดได้” หญิงสาวในกระจกผลึกพูดออกมาโดยไม่สนใจคำพูดของหลานสี่
“ก่อนหน้านั้นเจ้าได้พูดเรื่องนี้ไปหลายรอบแล้ว ข้าย่อมรู้ถึงความสำคัญของมันดี เฮ่อๆ! คิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะรวมหัวกับเจียวฉานที่เป็นผู้พิทักษ์สายแร่โดยเฉพาะ หากเจ้าไม่เตือนข้าเมื่อหลายปีก่อน เกรงว่าข้าคงจะถูกหลอกแล้ว ครั้งนี้ข้าจะทำให้เขาได้รู้รสชาติของการข้าหักหลังข้า” ดวงตาของหลานสี่เป็นประกาย และกล่าวด้วยสีหน้าโหดร้าย
“เจ้านี่ก็ไม่ธรรมดาเลย คิดไม่ถึงว่าจะคิดแผนการหลบหนีเช่นนี้ได้ ทั้งยังทำให้คนอื่นคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง และยังแอบปล่อยข่าวเงียบๆ ใช้แผนซ้อนแผนร่วมมือกับพวกเราได้อย่างสมบูรณ์ เสียดายก็แต่ทาสเหมืองแร่ที่เชื่อใจเจ้าถึงเพียงนี้ เกรงว่าตอนตายก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” หญิงสาวในกระจกผลึกหัวเราะออกมาในทันที
“พวกเขาคิดสวยหรูเกินไป หากสามารถหนีไปได้ง่ายๆ ข้าจะถูกขังอยู่ที่นี่ร้อยกว่าปีได้อย่างไร แต่หากไม่ใช่เพราะเจ้าเสนอวิธีการเพาะเลี้ยงหนอนจิตวิญญาณ ข้าคงไม่อาจทำให้คนเชื่อข้าได้อย่างง่ายดายเช่นนี้” แววตาของหลานสี่เป็นประกาย จากนั้นสีหน้าก็กลับมาเป็นปกติ
“เจ้ารู้ก็ดี หากไม่ใช่ว่าเจ้ามีสายเลือดของเผ่าเราครึ่งหนึ่ง ตอนนั้นข้าคงไม่เสี่ยงติดต่อกับเจ้า หลังเรื่องนี้สำเร็จ เผ่าเราจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นผู้อาวุโสของเผ่าตามที่สัญญาไว้ และให้ท่านได้เสวยสุขอยู่ในเผ่า” น้ำเสียงของหญิงสาวในกระจกผลึกผ่อนคลายลง
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” หลานสี่กล่าวอย่างราบเรียบ
“นอกจากนี้ คนอื่นๆ ข้าไม่สน แต่สายเลือดบริสุทธิ์ของราชวงศ์ที่ตกระกำลำบากอยู่ที่นี่ เจ้าจะต้องช่วยออกมาให้ได้ เมื่อทำเรื่องนี้เสร็จแล้ว ทางเผ่าย่อมให้ผลประโยชน์อื่นๆ กับเจ้าอย่างแน่นอน” ดูเหมือนหญิงสาวในกระจกผลึกจะนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดเสริมด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ฮึ! หากไม่ใช่ว่าเพื่อช่วยนาง ข้าจะยอมสูญเสียแขนไปรับมือกับอสูรโฉดระดับผลึกได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าข้าหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ? เจ้าคิดจริงๆ หรือว่านางสามารถช่วยข้าออกไปจากที่นี่ได้?” หลานสี่หรี่ตาทั้งสอง และถามกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ถ้าอย่างนั้นต้องขอบคุณพี่หลานมาก” หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวออกมา
ต่อมา ทั้งสองก็พูดคุยกันสองสามประโยค หลังจากตกลงกันในเรื่องรายละเอียดบางอย่างแล้ว กระจกผลึกที่ลอยอยู่กลางอากาศกับหินจิตวิญญาณที่อยู่ตรงขอบค่ายกล ก็แตกกระจายออกพร้อมกัน
ขณะเดียวกัน ร่างของหญิงสาวก็หายไปในอากาศ
หลานสี่เห็นเช่นนี้ ก็หันตัวเดินจากไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก หลังจากผลักประตูหินแล้ว ก็เดินไปยังมุมบางแห่งของอุโมงค์
พอมาถึงตรงหน้าผนังหิน มือของเขาก็ตบลงบนนั้นสองสามทีอย่างรวดเร็วจนดูพร่ามัว
เกิดเสียงดังโครมครามอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นประตูหินบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนผนังหินทันที พอผลักประตูเข้าไปในด้านใน หลานสี่ก็มาถึงห้องหินที่เร้นลับอีกห้องหนึ่ง
หินเรืองแสงฝังถูกฝังอยู่บริเวณรอบๆ ห้องหิน และแท่นสูงที่อยู่ตรงกลางมีแท่นบูชาขนาดเล็กวางอยู่
กลางแท่นบูชามีเสาหินสี่เหลี่ยมสีดำขนาดเล็กตั้งอยู่
บนผิวของแท่นบูชามีลายเส้นสีเงินจางๆ จำนวนมาก ดูเหมือนว่ามันจะปกคลุมไปทั่วทุกพื้นผิวของแท่นบูชา และตรงขอบของมันก็มีผลึกหินสีดำฝังอยู่หลายก้อน
เมื่อมาถึงตรงหน้าแท่นบูชา หลานสี่ก็ชะลอฝีเท้าลง พอร่ายคาถาเสร็จเขาก็ยกแขนด้วยสีหน้าจริงจัง และทำท่าโบกไม้โบกมือแปลกๆ
ลายเส้นบนแท่นบูชาตรงหน้าสว่างขึ้นมาทันที ลำแสงสีขาวแสบตาพุ่งขึ้นมาจากเสาหิน และพุ่งขึ้นสูงสิบกว่าจั้ง
หลานสี่เห็นเช่นนี้ก็อ้าปากในทันที แผ่นป้ายสีดำถูพ่นออกมา และสั่นไหวตามลมจนกลายเป็นไอหมอกสีดำ และจมหายเข้าไปในลำแสง
ลำแสงสั่นไหวอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็มีเสียงพิลาปร่ำไห้อย่างน่าเวทนาดังออกมาจากในนั้น
ไม่นานลำแสงก็หายไป และถูกแทนที่ด้วยใบหน้าปีศาจสีดำพร่ามัว มันส่งเสียงคำรามใส่ผู้อาวุโส และกระพริบหายไปอีกครั้ง
……
ชั่วเวลาหนึ่งเดือนครึ่งผ่านไปในพริบตา
ในระหว่างเวลานี้ สายแร่ใต้ทะเลลึกเงียบสงบเป็นอย่างมาก ราวกับว่าภัยร้ายในก่อนหน้านั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นอกจากหลิ่วหมิงจะสังหารอสูรโฉดไปหลายตนจนได้วัสดุมาจำนวนหนึ่งแล้ว ก็ไม่มีการเก็บเกี่ยวใดๆ อีกเลย
เขาใช้ประโยชน์จากกระดูกของอสูรโฉดเหล่านี้ มาทำเป็นแท่งวายุกระดูกโดยไม่เสียดายหินจิตวิญญาณ
และช่วงปลายเดือน จะมีทาสเหมืองแร่เอาโอสถถอนพิษของเดือนนั้น มาโยนไว้หน้าปากถ้ำของเขา จากนั้นก็หันหลังจากไปโดยไม่พูดอะไรออกมา
หลิ่วหมิงหยิบมันขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ เขาใช้เวลาที่เหลือสะสมพลังเวทย์อยู่ภายในถ้ำ และทำให้ร่างกายและจิตใจเข้าสู่สภาพที่ดีที่สุด
หลังจากผ่านไปอีกหลายวัน ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาหา
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วจ้องมองชายวัยกลางคนตรงหน้าที่สวมชุดคลุมหนังทั้งตัว โดยไม่พูดะไรออกมา
คนผู้นี้เป็นหนึ่งในคนสนิทของเหยียนลัวที่เขาพบเจอในวันนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา