ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 417

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 417 ศึกเผ่าเจ้าสมุทร (8)
ตอนที่ 417 ศึกเผ่าเจ้าสมุทร (8)
โดย
Ink Stone_Fantasy
พอผู้แข็งแกร่งระดับผลึกในก่อนหน้านั้นเห็นเช่นนี้ ก็ทำเสียงฮึดฮัดออกมา ภายใต้การถูกันของฝ่ามือทั้งสอง ก็มีจุดแสงสีเขียวจำนวนมากปรากฏขึ้นตรงหน้า มันถูกกระตุ้นจนกลายเป็นดอกบัวสีเขียวหลายดอกที่มีขนาดเท่าลูกปั้น

ขณะที่พายุบ้าระห่ำผสมปนเปกับดอกบัวนั้น อานุภาพของมันดูน่าตกใจเป็นอย่างมาก หลังจากมีเสียงระเบิดดังก้องจนหูแทบจะหนวก อสูรยักษ์ก็จมอยู่ในแสงสีเขียวเจิดจ้าโดยสมบูรณ์

บนตัวของอสูรตนนี้มีแสงสีฟ้าเปล่งประกาย ภายใต้การหมุนวนอย่างบ้าระห่ำ มันยังคงต้านทานการโจมตีไว้ได้ ร่างสีฟ้าแวววาวดูเหมือนจะโปร่งแสงขึ้นเล็กน้อย

อีกด้านหนึ่ง

ดูเหมือนว่าผู้แข็งแกร่งระดับผลึกเจ็ดแปดคน กำลังกระตุ้นค่ายกลสงครามที่มีแสงสีเงินเปล่งประกายหลังหนึ่ง และปิดล้อมอสูรกิเลนยักษ์ไว้ในนั้นสองตัว

อสูรกิเลนยักษ์ทั้งสองแยกเขี้ยวยิงฟันท่ามกลางค่ายกล แต่กลับไม่สามารถหลุดออกจากม่านแสงสีเงินได้ชั่วขณะหนึ่ง และพื้นบริเวณใกล้ๆ ก็มีซากศพของคนเผ่าเจ้าสมุทรและอสูรจำนวนมาก

เรือยักษ์หลายลำที่อยู่ไม่ไกล

ด้านบนของเรือลำหนึ่งที่มีทหารหลายร้อยคนเรียงตัวเป็นค่ายกลยักษ์ พลันมีพายุปีศาจสีม่วงม้วนตัวขึ้นมา แสงสีม่วงแวววาวจำนวนมากปรากฏออกมาท่ามกลางพายุ และรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียว หอกน้ำแข็งสีม่วงแวววาวที่ยาวร้อยจั้งก็ปรากฏออกมา หลังจากถูกทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่ด้านล่างกระตุ้น มันก็พุ่งใส่อสูรกิเลนยักษ์ที่ถูกปิดล้อมไว้อย่างรุนแรง

หอกน้ำแข็งกลายเป็นสายรุ้งสีม่วงหายไปในอากาศ

ครู่ต่อมา มีคลื่นก่อตัวเหนือร่างอสูรกิเลนยักษ์ จากนั้นหอกน้ำแข็งสีม่วงก็พุ่งออกมา

เสียงระเบิดทำลายล้างดังขึ้น!

พอแสงสีม่วงกระพริบ หอกน้ำแข็งแวววาวก็เจาะทะลุร่างอสูรกิเลนยักษ์ จากนั้นก็ระเบิดตัวออกมา

ร่างของอสูรกิเลนยักษ์สั่นสะท้าน มันแหงนหน้าคำรามออกมา รูขนาดใหญ่บนตัวสมานกันอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็ดูเหมือนไม่เคยได้รับบาดแผลนี้มาก่อน

แต่ร่างของมันกลับดูโปร่งแสงขึ้นมา กลิ่นไอก็อ่อนลงกว่าก่อนหน้านั้นมาก

ฉากเช่นเดียวกันนี้ เกิดขึ้นกับที่อื่นๆ ที่มีกองกำลังทหารของเผ่าเจ้าสมุทรล้อมอยู่

ภายใต้สถานการณ์ที่เผ่าเจ้าสมุทรได้เปรียบอยู่หลายครั้ง ทั้งยังใช้ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกสามสี่คนรับมือกับกิเลนยักษ์ และภายใต้การตั้งค่ายกลของทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่คอยช่วยเหลืออยู่ด้านล่าง ก็สามารถลดพลังของกิเลนยักษ์ได้อย่างรวดเร็ว

ส่วนหุ่นยักษ์ค้ำฟ้าสี่ตัวบริเวณรอบๆ วังใต้สมุทรที่มีขนาดหลายร้อยจั้งนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถออกจากวังไปได้ไกลมากนัก นอกจากจะส่งทหารจำนวนหนึ่งเพิ่มการโจมตีจากที่ไกลๆ แล้ว ก็ไม่สามารถออกไปได้อีก

……

ในขณะเดียวกัน

บนท้องฟ้าท้องฟ้ามืดครึ้มที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด น่าแปลกที่มองไม่เห็นก้อนเมฆเลยสักก้อน แต่กลับถูกแทนที่ด้วยไอหมอกดำที่พวยพุ่งไม่อยู่หยุด มันปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ทำให้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

พื้นดินแห้งแตกระแหงที่อยู่ด้านล่าง นอกจากจะมีหินยักษ์สีดำที่เหลื่อมซ้อนกันอยู่หลายก้อนแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งอื่นใดอีกเลย

ขณะนี้ หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ กำลังลอยต่ำๆ อยู่กลางอากาศบริเวณนี้

ตอนนี้พวกเขาเข้าเหวลึกมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งอยู่ห่างจากจุดตัดที่เชื่อมต่อสายแร่ใต้ทะเลลึกหลายสิบลี้

ขณะที่พวกเขาเข้ามานั้น ก็ค้นพบแอ่งลึกแห่งหนึ่ง และมันก็เป็นดังที่หลานสี่บอกไว้ พวกเขาไม่พบเงาร่างของอสูรโฉดเลย

และพอคนทั้งหมดเข้าไปได้ไม่นาน รอยแยกมิติก็ปิดสนิทและหายไปอย่างน่าประหลาดใจ

ขณะนั้น หลานสี่หยิบแผ่นค่ายกลออกมาหนึ่งอัน หลังจากแสดงเจตนาให้ทุกคนตามเขาไปแล้ว ก็เหาะนำไปทันที

หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ก็ได้แต่ตามหลังเขาไป พวกเขาค่อยๆ กระตุ้นป้ายกระดูกบนเอวจนเกิดเป็นม่านแสงสีขาวเทาปกคลุมร่างของตนเองไว้ เพื่อหลีกเลี่ยงการกัดเซาะของไอร้าย

ระยะทางที่ผ่านมาค่อนข้างราบรื่น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบกับอันตรายใดๆ ทำให้ผู้ที่รู้สึกกังวลในตอนแรกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง และเชื่อใจหลานสี่มากขึ้น

สีหน้าหลิ่วหมิงยังคงดูสงบเป็นอย่างมาก แต่ในใจกลับรู้สึกระมัดระวังขึ้นมา เขาปล่อยพลังจิตส่วนหนึ่งออกไปสำรวจความเคลื่อนไหวบริเวณรอบๆ อย่างไม่เสียดายพลังเวทย์

ขณะเดียวกัน ในมือของเขาก็มีหินจิตวิญญาณระดับสุดยอดอยู่สองก้อน เขาใช้มันฟื้นฟูพลังเวทย์ที่สูญเสียไปอยู่ตลอดเวลา ทำให้ร่างกายและจิตใจอยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์ที่สุด

จากการเผชิญหน้ากับความเป็นความตายมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ในสถานการณ์เช่นนี้ หากประมาทล่ะก็อาจทำให้สูญเสียชีวิตได้

เพราะเหวลึกไร้ก้นแห่งนี้ ไม่ใช่สถานที่ที่เป็นมงคลแต่อย่างใด หากจะบอกว่าทุกคนสามารถหาจุดตัดอีกแห่งได้จริงๆ และสามารถหนีไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัยจริงๆ ล่ะก็ เขาเป็นคนแรกที่ไม่เชื่อเช่นนี้

ซินหยวนและคนอีกหลายคน ก็ยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นเดิม ซึ่งแตกต่างจากคนอื่นๆ มาก

แต่ที่หลิ่วหมิงไม่รู้ก็คือ หลานสี่ที่ดูเหมือนจะก้มมองแผ่นกลมๆ ในมืออยู่ตลอดเวลา ก็แอบยิ้มอย่างเยือกเย็น และจดจำซินหยวนและคนเหล่านั้นไว้ในใจ

หลังจากที่ทั้งหมดเดินหน้าอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลานสี่ที่อยู่ด้านหน้าก็หยุดชะงักลง จากนั้นก็มองไปด้านหน้าอยู่ครู่หนึ่ง และกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

“คิดไม่ถึงว่าจะเป็นทะเลอสูรโฉด พวกเจ้ารีบดื่มของเหลวจิตวิญาณเข้าไป ตอนนี้หยุดการเดินทางก่อน!”

พอทั้งหมดได้ยินเช่นนี้ ก็พากันหยุดชะงักด้วยความตกใจ พวกเขาร่อนลงบนพื้นด้านหน้า และหยิบของเหลวจิตวิญญาณที่หลานสี่มอบให้ออกมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา