ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 418

สรุปบท ตอนที่ 418: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 418 – ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet

บท ตอนที่ 418 ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 418 ศึกเผ่าเจ้าสมุทร (9)
ตอนที่ 418 ศึกเผ่าเจ้าสมุทร (9)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ฉากเช่นนี้ ย่อมทำให้คนจำนวนไม่น้อยมีใบหน้าซีดขาวขึ้นมา

ขณะนั้นเอง สีหน้าของชายเผ่าปีศาจผมสีฟ้าที่ยืนอยู่ด้านหน้า ก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ไม่สามารถรับแรงกดดันมหาศาลที่มาจากอสูรยักษ์ตรงหน้าได้ ทันใดนั้น ยันต์ผืนหนึ่งที่อยู่ในมือก็ถูกขยี้จนแตกกระจาย ภายใต้การห่อหุ้มของแสงสีฟ้า เขาก็กลายเป็นลูกแสงกลมๆ ทะยานขึ้นฟ้าไป

“ฮึ่ม!”

หนึ่งในหกหัวของอสูรโฉดตัวนั้น อ้าปากปล่อยพลังดึงดูดไปยังทิศทางที่ชายผมสีฟ้าผู้นั้นหนีไป

“ฟู่!”

แสงสีเหลืองม้วนตัวออกมาจากปาก ครู่เดียวก็ปกคลุมชายเผ่าปีศาจผู้นี้ไว้

“ผู้อาวุโสหลาน ช่วยข้าด้วย!” ชายผมสีฟ้าตะโกนขอความช่วยเหลือ จากนั้นร่างของก็สั่นสะท้านก่อนตกลงไปในปากของอสรพิษ และถูกมันเคี้ยวจนละเอียดก่อนกลืนลงไปในท้อง

พอเห็นฉากเช่นนี้ ใบหน้าของหลานสี่ก็ดูไร้ซึ่งความรู้สึก เขาไม่คิดจะยื่นมือเข้าช่วยเลยแม้แต่น้อย คนที่ด้านหลังก็สูดหายใจด้วยความรู้สึกเย็นสะท้าน

แต่ก็เป็นเพราะชายผู้นี้ อสูรตัวนี้ถึงเปลี่ยนทิศทาง พริบตาเดียวก็วิ่งผ่านด้านข้างของฝูงชนไป โดยไม่คิดจะหยุดเลยแม้แต่น้อย

ฉากเช่นนี้ ย่อมทำให้ทาสเหมืองแร่คนอื่นๆ ที่เกือบจะหลบหนีไปในก่อนหน้านั้น รู้สึกโชคดีเป็นอย่างมาก เหงื่อเย็นไหลออกมากลางหลังของพวกเขา

ดังนั้นผู้คนทั้งหมดจึงยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับก้อนหินที่อยู่ใต้สายน้ำไหล

จนเมื่อเวลาครึ่งถ้วยชาผ่านไป อสูรโฉดแถวสุดท้ายก็พุ่งผ่านข้างตัวพวกเขาไป

ขณะนี้ พวกเขาถึงรู้สึกผ่อนคลายราวกับยกภูเขาออกจากอก เสื้อผ้าของคนจำนวนมากเปียกโชคไปด้วยเหงื่อ

หลังจากอสูรโฉดออกไปไกลแล้ว หลานสี่ก็เหาะขึ้นด้านบนอีกครั้งโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาเหาะไปตามทิศทางที่แผ่นหยกในมือชี้นำ

ฝูงชนมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้แต่เหาะตามหลานสี่ไป

ขณะนี้ หลิ่วหมิงถึงถอนหายใจออกมาเบาๆ แท่งกระดูกในแขนเสื้อกระพริบหายไปอย่างไร้ร่องรอย

……

ในโลกใต้สมุทร

มีเสียงดังโครมคราม

พออสูรกิเลนยักษ์ที่ถูกขังอยู่ในค่ายกล ถูกผู้แข็งแกร่งระดับผลึกของเผ่าเจ้าสมุทรกับทหารเผ่าเจ้าสมุทรจำนวนมากล้อมโจมตี ในที่สุดร่างที่โปร่งแสงก็ระเบิดออกมาราวกับกระจก

เวลานี้ไม่มีอสูรกิเลนยักษ์อยู่ในสนามรบอีกเลย

หลังผ่านสงครามตะลุมบอนไปหนึ่งชั่วยาม กองกำลังทหารของเผ่าเจ้าสมุทรก็สูญเสียผู้แข็งแกร่งระดับผลึกไปหลายคน และสังหารเผ่าปีศาจที่ต้านทานอยู่ในโลกใต้สมุทรจนหมดเกลี้ยง

เหลือเพียงแค่ชิงฉินและผู้แข็งแกร่งระดับผลึกไม่กี่คนเท่านั้น พวกเขากำลังรวมตัวอยู่บนพื้นที่แห่งหนึ่งหน้าวังใต้สมุทร และก่อตัวเป็นค่ายกลขนาดเล็ก พวกเขาพยายามอาศัยชั้นจำกัดของวังใต้สมุทร และหุ่นค้ำฟ้าทั้งสี่ ต้านทานการโจมตีของเผ่าเจ้าสมุทรอย่างยากลำบาก

แต่ดีที่แม้ว่าการโจมตีของเผ่าเจ้าสมุทรจะรวดเร็วและรุนแรงเป็นพิเศษ แต่การสู้รบในก่อนหน้านั้น ก็มีผู้แข็งแกร่งระดับผลึกเสียชีวิตไปจำนวนหนึ่ง คนอื่นๆ ก็สูญเสียพลังเวทย์ไปกว่าครึ่งหนึ่ง จนไม่สามารถไม่สามารถทำลายการร่วมมือของชิงฉินและคนอื่นๆ ได้

“เจินเถียน เมิ่งคั่ว พวกเจ้ารีบไปจัดการวังใต้สมุทรเถอะ!” บนเรือยักษ์ที่อยู่ด้านหลังกองกำลังเผ่าเจ้าสมุทร ในที่สุดผู้อาวุโสที่สวมมงกุฎทองคำของราชวงค์ชังไห่ผู้นั้น ก็ดูเหมือนจะอดทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงสั่งด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม

“ทราบ ฝ่าบาท!”

มีเงาร่างเคลื่อนไหวด้านหลังผู้อาวุโส จากนั้นหญิงชุดหลากสีกับชายฉกรรจ์เผ่าเจ้าสมุทร ก็มาปรากฏตัวด้านหลังผู้อาวุโส และคุมมือคารวะก่อนกล่าวออกมา

พวกเขาก็คือสองเจ้าวิหารระดับแก่นเสมือนที่มีชื่อเสียงของราชวงค์ชังไห่

ที่ผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำไม่ได้ให้พวกเขาลงมือในก่อนหน้านั้น เป็นเพราะต้องการให้เจ้าวิหารทั้งหกสะสมกำลังไว้ เพื่อรับมือกับราชาปีศาจสมุทรในตอนท้าย

ขณะเดียวกัน มีเงาร่างหกเงากระพริบตรงด้านหลังกองกำลังเผ่าเจ้าสมุทร ไม่นานก็มาปรากฏอยู่บริเวณรอบๆ ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาว แต่ละคนต่างก็แผ่กลิ่นไอขาดๆ หายๆ พวกเขาก็คือเจ้าวิหารระดับแก่นเสมือนทั้งหกของราชวงศ์ชังไห่นั้นเอง!

ราชาปีศาจสมุทรตาเป็นประกายเมื่อเห็นเช่นนี้ ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมานั้น ก็มีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นมาจากด้านบน

กองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรรู้สึกว่าอากาศตรงด้านหลังของพวกเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทันใดนั้นก็ถูกเงาร่างสีดำขนาดใหญ่ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะ อากาศมืดมิดขึ้นมาทันที

ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ในขณะที่เงาร่างสีดำพุ่งผ่านบริเวณนั้น ผู้คนถึงค้นพบว่าเงาร่างขนาดใหญ่เหล่านี้ เป็นอสูรยักษ์ที่มีรูปร่างมหึมาราวกับภูเขา

อสูรยักษ์ตัวแรกที่นำหน้ามา เป็นปลาหมึกยักษ์ที่มีลวดลายปีศาจสีม่วงปกคลุมไปทั่ว ตรงหัวด้านหน้ามีใบหน้างดงามของหญิงสาวฝังอยู่

แต่หนวดทั้งแปดที่ยาวร้อยกว่าจั้งหดตัวแค่ทีเดียว ร่างของมันก็พุ่งออกไปไกลหลายร้อยจั้ง พลังของมันน่าตกใจเป็นยิ่งนัก

อสูรสมุทรตัวอื่นๆ ที่อยู่ใต้เท้าของทหารเผ่าปีศาจ ก็ค่อยๆ สั่นสะท้าน,และส่งเสียงดังออกมา

“เทพอสูร!” ทันใดนั้นก็มีคนเผ่าเจ้าสมุทรตะโกนออกมา น้ำเสียงของเขาสั่นเครือเล็กน้อย

พอคำพูดนี้ออกจากปาก ก็ทำให้ทหารเผ่าเจ้าสมุทรฮือฮาขึ้นมาทันที พวกเขามองไปด้านหน้าด้วยแววตาเร่าร้อน มีแต่เผ่าเจ้าสมุทรเท่านั้นที่รู้ดีว่า การที่เทพอสูรที่เคารพมาหลายชั่วคน เกิดการเคลื่อนไหวนั้นบ่งบอกถึงอะไร

และนอกจากปลาหมึกหน้าคนตัวนี้แล้ว ยังมีฉลากยักษ์ที่มีสีขาวหิมะทั้งตัว มัจฉาบินสีทองที่มีปีกอยู่บนหลัง และปลาหมึกที่มีร่างลางเลือนเป็นต้น ซึ่งมีเทพอสูรทั้งหมดสิบสองตัว

ราชาปีศาจสมุทรที่ลอยอยู่กลางอากาศเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าอึมครึมลง แต่ครู่ต่อมากลับขมวดคิ้วและหัวเราะออกมาอย่างเยือกเย็น พอเขายกแขนข้างหนึ่งขึ้นฟ้า กลิ่นไอมหาศาลก็พุ่งออกจากตัวทันที เมื่อกางนิ้วทั้งห้าออก ก็มีแสงสีฟ้าจางๆ แผ่คลุมฝ่ามือไว้

แสงสีฟ้าหมุนวนรอบฝ่ามือราวกับมีชีวิต และหมุนวนเร็วขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็กลายเป็นระลอกคลื่นขนาดใหญ่ที่มีสีฟ้าจางๆ

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา