คนเหล่านี้ต่างก็แผ่กลิ่นไอที่ดูไม่ด้อยไปกว่าระดับแก่นเสมือนทั้งหก แต่พวกเขามีใบหน้าซึมกระทือ และยังมีเส้นโลหิตสีดำปกคลุมไปทั่วร่าง แลดูน่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน พอพวกเขาปรากฏออกมา กลิ่นคาวที่ทำให้รู้สึกคลื่นไส้ ก็ถูกปกคลุมไปทั่วเรือยักษ์
ผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำขมวดคิ้วเล็กน้อย และโบกมือไปทางผู้อาวุโสผมเทาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ผู้อาวุโสเข้าใจในทันที จากนั้นฆ้องทองแดงในมือก็ถูกเคาะอย่างรุนแรงอีกครั้ง
แสงสีแดงเปล่งประกายในแววตาของคนเผ่าเจ้าสมุทรทั้งสิบกว่าคนในทันที จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆ พุ่งขึ้นด้านบน และมาปรากฏตัวบริเวณรอบๆ เทพอสูรทั้งสิบสองอย่างเงียบๆ และพุ่งไปทางราชาปีศาจสมุทรทันที
ต่อมา ฉากอันน่าประหลาดใจก็ได้บังเกิดขึ้น
แสงสีดำเปล่งประกายออกจากร่างของคนเผ่าเจ้าสมุทรที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ในขณะที่เขาพุ่งเข้ามา หลังจากมีเสียง “โพล๊ะ!” ร่างของเขาก็ระเบิดออกมาเป็นหมอกพิษสีดำ
ต่อมาก็มีเสียงดังติดต่อกัน คิดไม่ถึงว่าคนเผ่าเจ้าสมุทรเหล่านี้ จะระเบิดตัวไปจนหมด ภายใต้หมอกดำที่พวยพุ่ง มันก่อตัวเป็นวงแหวนหมอก และรวมพุ่งไปรวมกันที่จุดศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว
และดูเหมือนว่าเทพอสูรกับผู้แข็งแกร่งระดับแก่นเสมือนทั้งหก ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดจะรู้ตัวล่วงหน้า ถึงได้ถอยออกจากการต่อสู้อย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียว มังกรโลหิตยักษ์กับหุ่นเกราะเงินและราชาปีศาจสมุทร ก็ถูกหมอกพิษสีดำปกคลุมไว้
พอชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวเห็นสถานการณ์เช่นนี้ กลับเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่กำลังจะกระตุ้นดาบสั้นแวววาวในมือ และสั่งให้มังกรโลหิตกับหุ่นเกราะเงิน ถือโอกาสนี้ทำการโจมตีนั้น เขาก็สูดหมอกสีดำเข้าไปส่วนหนึ่ง ทำให้สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวหยิบแท่งไม้ขนาดเท่ากับตะเกียบออกมาอันหนึ่ง จากนั้นก็โยนออกไปอย่างรุนแรง และใช้กำปั้นทุบจนแตกกระจายกลายเป็นผงสีเงิน
ภายใต้การสะบัดแขนเสื้อ ทำให้มีม่านแสงสีฟ้าปรากฏออกมา พริบตาเดียวก็ปกคลุมร่างของตนเองไว้
พอผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำที่อยู่บนเรือยักษ์เห็นเช่นนี้ กลับตบมือหัวเราะเป็นการใหญ่
“ฮ่าๆ! ที่แท้เจ้าเด็กนี่ก็ได้ไม้จันทน์ดำจิตวิญญาณมาตั้งแต่แรกแล้ว! แม้ว่าหลังจากที่ได้มันมา เจ้าจะเก็บเป็นความลับมาโดยตลอด โดยที่มีคนรู้เพียงไม่กี่คน แต่กลับคาดไม่ถึงว่าชื่อลี่คนสนิทของเจ้าจะบอกกับข้าจนหมดเปลือก หากข้าไม่วางแผนทำให้ร่างกายของตัวเองได้รับบาดเจ็บหนัก และให้ลี่คุนสวามิภักดิ์กับเจ้า ทั้งยังตั้งใจปล่อยข่าวออกไปล่ะก็ เจ้าจะถูกหลอกให้นำไม้อันนี้ติดตัวได้อย่างไร เจ้ายังเชื่อคำพูดที่ว่าใช้ร่างของเจ้าแสดงค่ายกลคำสาปสังหารในสมัยบรรพกาลอะไรนั่นอีก ช่างน่าขันเสียจริง!”
“ฝ่าบาททรงพระปรีชา! แม้ราชาปีศาจสมุทรจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ แต่ต่อหน้าฝ่าบาท จะต้องไม่มีทางหนีรอดไปได้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าวิธีเดียวที่มีประสิทธิภาพในการต้านทานคำสาปสังหารนี้ คือการพกไม้จิตวิญญาณที่หายากไว้กับตัว แต่กลับไม่รู้ว่าหลังจากไอหอมที่ไม้อันนี้แผ่ออกมาผสมผสานกับหมอกพิษแล้ว จะทำให้พิษของมันแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ ก็ไม่สามารถต้านทานได้” ลี่คุนกล่าวด้วยสีหน้านอบน้อม
และในขณะเดียวกัน มังกรโลหิตที่เหาะวนดูดกลืนไอหมอกอยู่ ก็พากันส่งเสียงร้องและดิ้นรนอย่างน่าเวทนา เปลือกด้านนอกที่โปร่งใสเล็กน้อย ก็ถูกพิษร้ายแรงกัดกร่อนจนส่งเสียงดัง “ซี่ๆ!” ร่างของมันลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็กลายเป็นของเหลวสีดำอีกครั้ง
พอหมอกสีพิษดำม้วนตัวผ่านหุ่นเกราะเงินที่เดิมทีเคลื่อนไหวช้าลงเล็กน้อย เสื้อเกราะที่ดูแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ก็ค่อยๆ ถูกกัดกร่อนและละลายออกมา พริบตาเดียว การเคลื่อนไหวก็ช้าลงเป็นอย่างมาก จากนั้นพวกมันแต่ละตัวก็ร่วงลงพื้น และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก
ราชาปีศาจสมุทรที่ดูเหมือนว่าไม่มีพิษใดๆ สามารถกัดกร่อนเขาได้ ก็ถูกไอหมอกดำห่อหุ้มไว้อย่างแน่นหนา ม่านแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาดูซีดขาวราวกับกระดาษ
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ กลิ่นไอของเขาก็อ่อนลงกว่าก่อนหน้านั้นมาก
ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวเผยแววตาเฉียบขาดออกมา พอส่งเสียงคำราม แสงสีฟ้าก็เปล่งประกายไปสรรพางค์กาย มันผลักหมอกพิษบริเวณรอบๆ ออกไปได้เล็กน้อย
ต่อมา ร่างของเขาพร่ามัวกลายเป็นมังกรสีฟ้าที่มีขนาดใหญ่หลายสิบจั้ง และทะลวงออกจากทะเลหมอกพร้อมกับเสียงที่ดังก้องฟ้า จากนั้นก็พุ่งไปทางวังใต้สมุทรทันที
พริบตาที่ราชาปีศาจสมุทรเผยร่างแท้จริงออกมา เจ้าวิหารทั้งหกที่ถอยออกไปในก่อนหน้านั้น ก็หันตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลายสายรุ้งแวววาวหกสายพุ่งหายไปในวังใต้สมุทร
“ราชาปีศาจสมุทร!
พอชิงฉินและผู้แข็งแกร่งระดับผลึกคนอื่นๆ เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ต่างก็รู้สึกร้อนรนราวกับถูกไฟลนก้น สถานการณ์การสู้รบที่มีโอกาสพลิกกลับเล็กน้อย กลับถูกทำลายภายในพริบตา
พวกเขาสบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็กระตุ้นพลังเวทย์ที่เหลือ และแยกย้ายกันออกไป!
มาถึงเวลานี้แล้ว พวกเขาย่อมต้องเอาชีวิตรอดแล้ว
แต่หลังจากเทพอสูรทั้งสิบสองพุ่งเข้ามา พวกเขาบ้างก็ถูกฆ่าบ้างก็ถูกจับตัวไป โดยที่ไม่มีใครหลุดรอดไปได้อย่างปลอดภัย
ต่อมา กองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่ไกลๆ ก็ถูกผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำสั่งให้ล้อมวังใต้สมุทรไว้อย่างหนานแน่น
ขณะนี้ ราชาราชวงศ์ชังไห่ถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมามาก และกล่าวความดีใจ
“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในทะเลชังไห่จะไม่มีราชาปีศาจสมุทรอะไรอีก และมีเพียงพวกเราราชวงศ์ชังไห่เท่านั้น!”
พอน้ำเสียงดังกังวานของเขาสิ้นสุดลง ก็มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นมา ทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่เดิมทีมีสีหน้าน่าเกรงขาม ก็ดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
และหลังจากผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำกล่าวจบ เขาก็ยืนเอามือไขว้หลังจ้องมองวังใต้สมุทรที่ถูกล้อมรอบ และรอคอยข่าวดีอย่างเงียบๆ
ในความคิดของเขา ภายใต้สถานการณ์ที่ราชาปีศาจสมุทรโดนพิษแปลกประหลาด ย่อมไม่สามารถหลุดพ้นเงื้อมของเจ้าวิหารทั้งหกไปได้
เพียงสังหารเผ่าปีศาจระดับแก่นแท้ผู้นี้ได้ ก็นับว่าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงแล้ว
หลังจากรอไปได้ราวๆ หนึ่งเค่อ วังใต้สมุทรที่เงียบสงบก็เกิดการเคลื่อนไหว
สายรุ้งทั้งหกที่มีกลิ่นไออันแข็งแกร่งเปล่งประกายออกจากในนั้น และพุ่งกลับมาทางเรือยักษ์ที่ผู้อาวุโสสวมมงกุฎอยู่
ผ่านไปซักพัก
บนเรือยักษ์ หญิงสาวชุดหลากสีกำลังยืนรายงานอะไรบางอย่างอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำ ส่วนผู้แข็งแกร่งระดับแก่นเสมือนทั้งห้ายืนอยู่ด้านหลังของนางอย่างนอบน้อม
“อะไรนะ! เขาหนีไปแล้ว! เป็นไปได้อย่างไร!” ผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำฟังแค่ไม่กี่ประโยค ก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
“ฝ่าบาท! ขณะที่พวกเราติดตามร่องรอยไปนั้น ได้ค้นพบว่าราชาปีศาจสมุทรหนีลงไปใต้ดิน ทั้งยังพาหญิงสาวเผ่าเราไปด้วยคนหนึ่ง เมื่อตามกลิ่นไอเข้าไปในห้องลับบางแห่ง ก็เห็นเขาแหวกมิติผ่านค่ายกลที่จัดวางไว้ เข้าไปในมิติที่ไม่ทราบชื่อแห่งหนึ่ง และพอเขาเข้าไปแล้ว ก็ทำลายทางเข้าทันที”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา