อ่านสรุป ตอนที่ 421 จาก ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 421 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
หลิ่วหมิงย่อมเป็นหนึ่งในนั้น
ด้วยพลังจิตอันแข็งแกร่งของเขา หลังจากสังเกตดูแล้ว แม้จะไม่สามารถมองเห็นระดับการฝึกฝนของชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวที่ลอยอยู่กลางอากาศได้อย่างทะลุปรุโปร่ง แต่กลับค้นพบว่ากลิ่นไอของเขาเหมือนจะมีอะไรผสมปนเปอยู่
พอราชาปีศาจสมุทรได้ยินคำพูดของหลานสี่ สีหน้าของเขาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม หลังจากกวาดสายตามองฝูงชนทีหนึ่งแล้ว ก็กล่าวอย่างราบเรียบ
“ข้าได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจริงๆ แต่หากเจ้าคิดว่าอาศัยแค่พวกเขา ก็สามารถต่อสู้กับข้าได้ ก็ลองดูได้เลย”
แม้น้ำเสียงของราชาปีศาจสมุทรจะไม่ดังมาก แต่พอเข้าไปในหูของฝูงชน กลับส่งเสียงดังราวกับเสียงฟ้าร้อง
คนจำนวนมากเกิดอาการเหม่อลอย ผู้ที่มีพลังจิตค่อนข้างอ่อน รู้สึกว่าร่างกายไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใดๆ
แต่พอหลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ ก็เพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ด้วยพลังจิตที่แข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าระดับผลึก เพียงแค่ราชาปีศาจสมุทรไม่ได้แสดงเคล็ดวิชาพลังจิตกับหลิ่วหมิง แรงกดดันจากพลังจิตระดับนี้ ย่อมไม่มีผลอะไรกับเขา
แม้คนจำนวนมากจะได้สติในเวลาไม่นาน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้ผู้ที่ใจสั่นสะท้านตั้งแต่แรก มองชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวด้วยสีหน้าหวาดกลัว
แม้หลานสี่จะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แต่สีหน้าก็ดูไม่ได้เล็กน้อย หลังจากคิดลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดกับผู้ที่อยู่บนอากาศอีกครั้ง
“ราชาปีศาจสมุทร แม้จะไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงมาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน และข้าก็ไม่สนว่าท่านจะมีพลังที่มีอนุภาพแค่ไหน แต่ที่นี่คือเหวลึก ท่านคงรู้ดีว่าหากเราสองฝ่ายหลับหูหลับตาต่อสู้กัน มันจะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้น”
“อ๋อ! ถ้าอย่างนั้นเจ้ามีข้อเสนอแนะอะไร?” ราชาปีศาจสมุทรได้ยินคำพูดนี้ กลับไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมา พอแสงสีฟ้าเปล่งประกายออกมาตัว ร่างของเขาก็พร่ามัวมาปรากฏอยู่ตรงหน้าหลานสี่
“ในเมื่อท่านไม่ได้ลงมือกับพวกข้าตั้งแต่แรก คิดว่าท่านคงไม่อยากเสียพลังเวทย์ไปกับพวกข้า เพราะศัตรูตัวฉกาจของท่านคือเผ่าเจ้าสมุทร เช่นนี้แล้ว ไม่สู้พวกเรามาร่วมมือกันชั่วคราวดีไหม?” หลานสี่ร่นถอยออกไปด้วยความตกใจ แต่กลับกล่าวออกมาอย่างละมุนละไม
และหลิ่วหมิงกลับตาเป็นประกาย ในที่สุดเขาก็เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของราชาปีศาจสมุทรอย่างชัดเจน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจียหลาน สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก และรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก
แต่ขณะนี้ ใบหน้างดงามของหญิงสาวไร้ซึ่งเลือดฝาด ดวงตาทั้งคู่หลับสนิท และกลิ่นไอก็ดูขาดๆ หายๆ
ในขณะที่เขารู้สึกประหลาดใจอยู่นั้น ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวก็เอ่ยปากออกมา
”ฮึ! ดูท่าเจ้าจะรู้เรื่องราวไม่น้อย แต่ในเมื่อเจ้าอยู่ในสายแร่ใต้ทะเลลึกมานาน การเข้ามาในเหวลึกไร้ก้นครั้งนี้ คงไม่ได้หลับหูหลับตาเข้ามา ข้าคิดว่าเจ้าจะต้องมีวิธีหาตำแหน่งของจุดตัดอื่นๆ ใช่ไหม”
ราชาปีศาจสมุทรทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา สายตาของเขาเหลือบมองแผ่นค่ายกลบนมือของหลานสี่
“หลายปีมานี้ ข้าศึกษาเคล็ดวิชากลไกมาโดยเฉพาะ ขอแค่ไม่เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด การจะหาจุดตัดเจอหรือไม่นั้น มันขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว” หลานสี่รู้สึกใจเต้นขึ้นมา แต่ก็รีบกล่าวออกมาโดยไม่ต้องคิด
“ดีมาก! เพียงแค่พาข้าหาจุดตัดที่ไปจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากใจให้พวกเจ้าอีก และหากระหว่างทางเจอกับอันตรายใดๆ ข้าก็จะช่วยออกแรงด้วยเช่นกัน” ราชาปีศาจสมุทรฟังจบ ก็ลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวออกมา
“ไม่มีปัญหา แต่ว่าเรื่องเกี่ยวกับโอสถราชาปีศาจสมุทร ควรจะให้ความกระจ่างสักหน่อยไหม?” เมื่อหลานสี่ได้ยินราชาปีศาจสมุทรกล่าวเช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก แต่พลันนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวออกมาด้วยตาที่เป็นประกาย
“ฮึ! โอสถนี้ข้าเป็นคนปรุงขึ้นมาเอง ย่อมมีวิธีจัดการมัน เพียงแต่เวลาเช่นนี้ ไหนเลยจะพกโอสถชนิดนี้ติดตัว รอไปจากที่นี่แล้ว ข้าย่อมบอกวิธีการกับพวกเจ้า” ราชาปีศาจสมุทรทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา
“ดี! หวังว่าราชาปีศาจสมุทรจะรักษาสัญญา!” หลานสี่ได้ยินก็ขมวดคิ้วขึ้นมา สุดท้ายก็กล่าวด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
ราชาปีศาจสมุทรหัวเราะเฮ่อๆ! แล้วก็ไม่กล่าวอะไรออกมาอีก
ฝูงชนได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมามาก คนจำนวนไม่น้อยต่างก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา
แม้จะได้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เวลานี้ราชาปีศาจสมุทรได้รับบาดเจ็บสาหัส ระดับการฝึกฝนก็ลดลงไปไม่น้อย มิเช่นนั้นคงไม่เจรจาต่อรองอย่างเฉียบขาดเช่นนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ฝูงชนก็รู้ดีว่าราชาปีศาจสมุทรยังคงแข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก
อย่างไรซะ เขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ แม้ว่าตอนนี้พลังจะลดลงไปมาก แต่ไม่ใช่สิ่งที่ระดับผลึกทั่วไปจะสามารถเปรียบเทียบได้
หากมีผู้แข็งแกร่งระดับนี้คอยช่วยเหลือล่ะก็ โอกาสในการหนีไปจากที่นี่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
แน่นอน ย่อมมีบางคนที่คิดในใจว่าพอไปจากเหลวลึกนี้ได้ ก็จะหนีไปให้ไกลๆ จากราชาปีศาจสมุทรผู้นี้
ขณะนั้นเอง พลันมีคนเอ่ยออกมา
“ราชาปีศาจสมุทร ไม่ทราบว่าอาจารย์อาเย่เทียนเหมยของข้าตอนนี้อยู่ที่ใด?”
คนๆ นั้นก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
ตอนนี้เขาจ้องมองราชาปีศาจสมุทรด้วยสีหน้าสงบ
ราชาปีศาจสมุทรได้ยินก็รู้สึกตะลึงเป็นอย่างมาก แต่หลังจากจ้องมองเขาด้วยแววตาที่แฝงไปด้วยความหมายอันลึกซึ้งแล้ว ก็กล่าวอย่างไม่ปิดบัง
“อาจารย์อาของเจ้ามีปฏิภาณเฉียบแหลมมาก ก่อนที่ข้าจะเกิดเรื่อง นางก็ได้หนีออกไปจากวังใต้สมุทรแล้ว”
“เป็นความจริงหรือ?” หลิ่วหมิงใจรู้สึกสั่นสะท้าน
“ฮึ! ข้าจำเป็นต้องโกหกผู้ฝึกฝนระดับของเหลวอย่างดจ้าด้วยหรือ?” ในที่สุดราชาปีศาจสมุทรก็แสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายออกมา
ทาสเหมืองแร่เหล่านี้ได้ยินเช่นนี้ ย่อมรู้สึกตกใจระคนดีใจเป็นอย่างมาก พอนางไปไกลแล้วพวกเขาก็สบตากันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พากันวิ่งออกไปอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
ไม่นาน ทาสเหมืองแร่ทั้งหมดก็รู้ข่าวนี้กันถ้วนหน้า
ทันใดนั้น ทาสเหมืองแร่หลายร้อยคน ก็พากันกรูออกไปจากถ้ำ……
หลายวันต่อมา
ณ ดินแดนหุบเหวไร้ก้น
ขณะนี้ กลุ่มที่หลิ่วหมิงร่วมเดินทางด้วยมีราวๆ ยี่สิบกว่าคน พวกเขากำลังเดินไปตามทางที่พาดยาวอยู่บนผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่
ด้านบนของทะเลทราย ยังคงเป็นท้องฟ้าสีเทาที่ถูกไอหมอกพวยพุ่งปกคลุมอยู่!
เพียงแต่ว่าท้องฟ้าในขณะนี้ ดูเหมือนว่าจะมืดกว่าก่อนหน้านั้นมาก
เม็ดทรายบนผืนทะเลทรายอันเปล่าเปลี่ยว ไม่ได้เป็นสีเหลืองเข้มเหมือนโลกภายนอก แต่เป็นกรวดเล็กๆ ที่มีสีขาวเทา
แม้จะบอกว่ามันเป็นทะเลทรายอันเปล่าเปลี่ยว แต่กลับดูคล้ายโลกขาวดำที่มีบรรยากาศอึมครึมมากกว่า
พอมองออกไป จะเห็นเป็นทะเลทรายกว้างโล่ง ซึ่งไม่มีก้อนหินยักษ์สีดำเหมือนกับพื้นที่ว่างเปล่าในก่อนหน้านั้น แต่กลับแทนที่ด้วยเนินทรายขาวดำขนาดต่างๆ และเมื่อพายุเย็นสะท้านม้วนตัวเข้ามา ก็ทำให้ทะเลทรายที่ยากจะแยกแยะทิศทาง ยิ่งดูสับสนมากขึ้นกว่าเดิม
เส้นทางในก่อนหน้านั้น ฝูงชนได้เผชิญกับฝูงอสูรโฉด และอสูรโฉดระดับผลึกอยู่หลายครั้ง แต่หลังจากมีประสบการณ์ในครั้งแรก พวกเราก็ผ่านมันไปได้อย่างปลอดภัย
เพียงแต่ว่าของเหลวที่ทุกคนถืออยู่ กลับเหลือเพียงครึ่งน้ำเต้าเท่านั้น
แต่ภายใต้สถานการณ์ที่หลานสี่ทำการสาบานด้วยความน่าเชื่อถือ และหลังจากแสดงเครื่องหมายบนแผ่นกลมๆ ในมือให้ทุกคนเห็นแล้ว ย่อมไม่มีใครมีข้อโต้แย้งอีก
เพื่อเป็นการประหยัดพลังเวทย์ พวกเขาไม่ทำการเหินเวหา แต่กลับเปลี่ยนเป็นเดินเท้าแทน
เพราะท่ามกลางทะเลทรายมีพายุเย็นสะท้านก่อตัวขึ้นอยู่ตลอดเวลา การเหินเวหาจึงเป็นการสิ้นเปลืองพลังเวทย์ และเสี่ยงอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
หลานสี่ยังคงถือแผ่นกลมๆ เดินนำอยู่ด้านหน้าสุด และราชาปีศาจสมุทรที่ร่วมมือกับเขาชั่วคราว ก็อุ้มเจียหลานเดินตามเขาไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก
ผู้คนที่เหลือก็เดินห่างจากทั้งสองอยู่ระยะหนึ่ง
…………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา