ขณะนี้เขามีสีหน้าสงบ แต่ในใจกลับคิดวกไปมาอยู่ตลอดเวลา
ตั้งแต่ก้าวเข้ามาในทะเลทรายเปล่าเปลี่ยวได้สองวัน ก็ไม่พบเจอกับฝูงอสูรโฉดเหมือนก่อนหน้านั้นอีกเลย และอสูรโฉดฝูงเล็กๆ ก็พบเจอน้อยลงเรื่อยๆ แต่ระดับของอสูรโฉดกลับสูงขึ้นเรื่อยๆ ระดับของเหลวขั้นปลายก็พบเจอได้บ่อยขึ้น
ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่ทันได้รู้สึกหรือว่าไม่ได้สังเกต ถึงไม่มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมา และหลานสี่ก็ไม่ได้อธิบายอะไร
ดูจากการแสดงออกต่างๆ ของราชาปีศาจปีศาจสมุทรในก่อนหน้านี้ เขาย่อมรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับวังใต้สมุทร ไม่รู้ว่าเขาทราบเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างไร และเกิดอะไรขึ้นกับโลกภายนอกกันแน่ ถึงทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้อย่างราชาปีศาจสมุทรต้องหนีเข้ามาในดินแดนเหวลึกแห่งนี้
ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังคิดไตร่ตรองอยู่นั้น หลานสี่ที่เดินนำอยู่หน้าสุด ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“หยุดการเคลื่อนไหว รีบดื่มของเหลวจิตวิญญาณเข้าไป ด้านหน้ามีอสูรโฉดสองตัว ระดับการฝึกฝนคงไม่ต่ำไปกว่าระดับผลึก”
หลิ่วหมิงรู้สึกใจสั่นสะท้าน พอมองออกไปตรงขอบฟ้าด้านหน้า จะเห็นพายุบ้าระห่ำสองลูกม้วนตัวเข้ามา ลูกหนึ่งมีขนาดใหญ่ส่วนอีกลูกมีขนาดเล็ก และเพียงไม่กี่อึดใจก็มองเห็นมันได้อย่างชัดเจน ทั้งยังมีกลิ่นไออันน่าตกใจแผ่ออกมาจากในนั้น
คนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกตกใจมาก ขณะที่กำลังจะหยิบน้ำเต้าออกมาเพื่อดื่มของเหลวจิตวิญญาณนั้น ก็มีราบเรียบดังขึ้นมา
“ประหยัดของเหลวจิตวิญญาณหน่อยเถอะ เห็นๆ อยู่ว่าหนึ่งในอสูรโฉดระดับผลึกขั้นกลางค้นพบพวกเราแล้ว ตัวนี้มอบให้ข้าจัดการก็แล้วกัน อีกประเดี๋ยวข้าจะหลอกล่อมันไปเอง ส่วนพวกเจ้าก็ช่วยกันจัดการระดับต้นตัวนั้น”
คนที่กล่าวออกมาก็คือ ราชาปีศาจสมุทรที่หยุดชะงักอยู่ด้านหลังของหลานสี่ในฉับพลัน
ในขณะที่พูด เขาก็โอบเจียหลานด้วยมือซ้ายข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็คว้าไปกลางอากาศ จากนั้นดาบสั้นแวววาวก็ปรากฏออกมา และร่างของเขาก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม
และภายในระยะเวลาสั้นๆ พายุบ้าระห่ำลูกที่มีขนาดเล็ก ก็อยู่ห่างจากตรงหน้าของผู้คนไม่ไกล
เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่นอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ผู้คนต่างก็พากันถอยออกไปด้วยความตกใจ และพากันนำอาวุธต่างๆ ออกมาต้านทาน ชั่วเวลานั้น ทะเลทรายที่ดูเรียบๆ กลับมีแสงห้าสีปรากฏออกมา
ไอดำพุ่งออกจากร่างหลิ่วหมิงทันที มันห่อหุ้มร่างของเขาไว้ ขณะเดียวกัน เกล็ดสีม่วงก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ และกลายเป็นเงากรงเล็บคว้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
มีเสียงดัง “เต๊งๆ ตั๊งๆ!” อยู่ชั่วขณะหนึ่ง
คมวายุที่ดูแหลมคมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ต่างก็ถูกขยี้จนแตกละเอียด
และซินหยวนที่อยู่ไม่ไกล ก็โบกสะบัดกระบอกเหล็กในมืออยู่ไม่หยุด ด้วยพลังมหาศาลของเขา สามารถต้านทานคมวายุได้เจ็ดถึงแปดส่วน มีแค่ส่วนน้อยที่สามารถผ่านไปได้ แต่ภายใต้การเปล่งประกายของปราณแกร่งที่คุ้มกายอยู่ เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
คนสองสามคนที่อยู่ด้านข้างไม่ได้โชคดีขนาดนั้น แต่มีคนหนึ่งที่อาศัยโล่จิตวิญญาณเล็กๆ หนึ่งอันกับวิชาการเคลื่อนย้ายในการหลบหลีก จึงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ส่วนคนอื่นๆ ที่เหลือก็ถูกคมวายุโจมตีติดต่อกัน จนถูกฟันออกมาเป็นชิ้นๆ เนื่องจากพลังเวทย์ไม่เพียงพอ และหลบหลีกไม่ทัน
เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ ทาสเหมืองแร่ยี่สิบกว่าคนก็ตายไปเกือบครึ่งหนึ่ง
เมื่อคนที่เหลือได้สติจากการโจมตีของคมวายุ และจ้องมองอย่างละเอียด ก็ค้นพบว่าพายุบ้าระห่ำทั้งสองลูกได้หายไปแล้ว แต่ถูกแทนที่ด้วยอสูรโฉดรูปร่างคล้ายอสรพิษที่ยาวหลายสิบจั้ง รอบตัวของมันมีไอสีเหลืองดำหมุนวนอยู่ บนหัวของมันมีดวงตาเพียงลูกเดียว และเปล่งแสงแปลกประหลาดออกมา
ห่างออกไปไกลอีกเล็กน้อย ราชาปีศาจสมุทรที่โอบกอดหญิงสาวนางหนึ่งอยู่ ก็ใช้หอกน้ำแข็งยักษ์สีฟ้าที่ดาบเล็กก่อตัวขึ้นมา ทำการโจมตีอสูรโฉดรูปร่างคล้ายอสรพิษอีกตัวที่ยาวร้อยกว่าจั้ง
แม้อสูรโฉดตัวนั้นจะดูโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก แต่ร่างของมันก็เกาะตัวเป็นน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง และภายใต้การเกาะตัวเป็นน้ำแข็งอย่างไม่มีทางเลี่ยง จึงทำให้เกิดรูเลือดขนาดเท่าปากถ้วยเป็นจำนวนมาก โดยที่มันไม่มีพลังตอบโต้เลยแม้แต่น้อย
พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็เกิดความรู้สึกหวาดผวาขึ้นมา
และขณะนี้ หลานสี่ก็พุ่งตัวออกไปจนกลายเป็นกลุ่มแสงสีฟ้า และทำการต่อสู้กับอสูรโฉดตัวที่มีขนาดเล็ก
ไม่รู้ว่ามีกระจกโบราณสีทองแดงอยู่บนมือเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ หลังจากกระตุ้นมันกลางอากาศแล้ว มันก็กลายเป็นเงาร่างกระจกสีเหลืองเกือบร้อยบาน
อสูรโฉดตนนั้นอ้าปากพ่นคมวายุออกมาจำนวนมาก และโจมตีลงบนกระจกโบราณ แต่มันก็ค่อยๆ จมหายไปในนั้นอย่างไร้ร่องรอย
หลานสี่คำรามเสียงออกมา กลุ่มแสงสีทองพุ่งออกจากเงากระจก และพุ่งใส่ร่างของอสูรโฉด
อสูรโฉดเห็นเช่นนี้ ก็อ้าปากแผดเสียงร้องแหลมออกมา ร่างขนาดใหญ่หมุนตัวติ้วๆ จากนั้นก็ปล่อยคมวายุจำนวนมากที่มีขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านั้นออกไปรับมือกับกลุ่มแสงสีทอง
คมวายุกับแสงสีทองประสานกันท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังอย่างต่อเนื่อง อานุภาพของมันน่าตกใจเป็นอย่างมาก!
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็สะบัดแขนเสื้อโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง กระบี่เล็กสีฟ้าพุ่งออกมา หลังจากหมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบแล้ว มันก็กลายเป็นสายรุ้งสีฟ้าแวววาวก่อนที่จะม้วนตัวออกไป
แม้ซินหยวนและคนอื่นๆ จะไม่กล้าเข้าใกล้เมื่อเห็นเช่นนี้ แต่ก็พากันทำท่ามือและโบกสะบัดอาวุธในมือทำการโจมตีอยู่ไม่หยุด
เดิมทีอสูรโฉดที่มีรูปร่างคล้ายอสรพิษยักษ์ เพียงแค่พอจะต้านทานอาวุธจิตวิญญาณของหลานสี่ได้บ้างเท่านั้น ตอนนี้กลับถูกโจมตีหลายครั้ง ย่อมใกล้จะต้านทานไม่ไหวแล้ว
แต่ก็มีกลุ่มแสงสีทองจำนวนมากพุ่งออกจากคมวายุ และปะทะใส่ร่างของอสูรโฉด ทันใดนั้นแสงสีทองเจิดจ้าก็ประทุออกมา มันโจมตีจนปราณแกร่งที่ปกป้องร่างของอสูรโฉดสลายไป และทิ้งรูขนาดจั้งกว่าๆ ไว้หลายรู
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา