ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 43

แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากป่าที่อยู่ไม่ไกลออกไป เสียงฝีเท้านั่นเป็นของศิษย์ชายสวมใส่ชุดของนิกายปีศาจ ทั้งหมดล้วนมีอายุยี่สิบปีขึ้นไป พอเห็นหลิ่วหมิงสะพายข้องปลาอยู่ริมสระ ต่างก็ตกตะลึงเล็กน้อย

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็คิ้วขมวดเข้าหากันทันที แต่แค่พยักหน้าแล้วแสดงวิชาทะยานเมฆต่อ กลุ่มเมฆใต้เท้าเขาได้รวมตัวเข้าด้วยกันแล้ว

ในเวลานี้ศิษย์คนที่ยืนอยู่ตรงกลาง กวาดสายตามองราวไม้ไผ่ที่ปักไว้ กับเกล็ดปลาที่หลุดอยู่บนพื้นของปลาประหลาดตัวนั้น ดวงตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาขยับแขนข้างที่สวมใส่ถุงมือสีทองไว้ในมือพุ่งโจมตีผ่านอากาศมายังหลิ่วหมิง

เสียงดัง “ฟิ้ว”

กลุ่มแสงสีทองพุ่งเข้าใส่หลิ่วหมิงทันที

หลิ่วหมิงตื่นตะลึง เขาขยับเท้าโดยไม่คิดอะไรอีกต่อไป เขารีบลงมาจากก้อนเมฆสีเทาที่ห่างจากพื้นไม่กี่จั้ง แล้วยืนลงบนพื้นอย่างมั่นคงและรวดเร็ว

และก้อนเมฆสีเทาที่เพิ่งจะรวบรวมตัวกันเสร็จนั้น หลังจากมีเสียงดังขึ้น ก็โดนกลุ่มแสงสีทองนั้นพุ่งใส่จนสลายหายไป

“ศิษย์พี่ทั้งสาม นี่หมายความว่าอย่างไร!” หลิ่วหมิงจ้องมองทั้งสามด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

“ฮ่าๆ ศิษย์น้องท่านนี้อย่าได้โมโห ข้าแค่จะถามว่า ปลาปากเหยี่ยวที่อยู่ในนี้ถูกศิษย์น้องจับไปแล้วใช่หรือไม่” ชายหนุ่มผิวขาวที่ยืนอยู่ตรงกลาง อายุประมาณยี่สิบกว่าปี หัวเราะแล้วกล่าวออกมา

ชายหนุ่มสองคนด้านข้างอายุพอๆ กัน ต่างก็จ้องไปยังข้องปลาที่สะพายไว้ด้านหลังของหลิ่วหมิง สีหน้าของเขาฉายแววละโมบที่ปิดไม่มิดเลยแม้แต่น้อย

“ใช่แล้วจะทำไม ไม่ใช่แล้วจะทำไม!” หลิ่วหมิ่งก็พินิจดูชายหนุ่มทั้งสามเหมือนกัน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเมินเฉย

“ถ้าใช่ก็ดีสิ ช่างเหมาะเจาะซะจริง ข้าและศิษย์น้องทั้งสองก็รับภารกิจจับเป็นปลาปากเหยี่ยวเหมือนกัน ตอนนี้พวกข้ามาถึงที่นี่ ศิษย์น้องคงไม่ทำให้ข้าทั้งสามมาเสียเที่ยวหรอกนะ” ชายผิวขาวหาวแล้วกล่าวออกมา

“อ๋อ งั้นท่านทั้งสามคิดจะทำอย่างไร!” หลิ่วหมิงถอนหายใจแล้วถามออกไป

ตั้งแต่เขาออกไปรับภารกิจแลกแต้มคุณูปการด้วยตัวคนเดียว นี่ก็นับเป็นครั้งที่สามแล้วที่เจอสถานการณ์แบบนี้

แต่สองครั้งก่อนหน้านั้นพบเจอแค่คนเดียว และก็ถูกเขาจัดการจนจมูกเขียวช้ำใบหน้าปูดบวม และด้านหน้าเขาตอนนี้กลับปรากฏมาตั้งสามคน นี่คงจะต้องยุ่งยากสักหน่อยแล้ว

มิน่าล่ะเวลาที่ศิษย์ในนิกายไปรับภารกิจแลกแต้มคุณูปการถึงได้ไปกันเป็นกลุ่มๆ ซะมากกว่า

เขาใช้พลังจิตสำรวจดูคร่าวๆ พอจะดูออกว่าพลังเวทของชายที่ยืนอยู่ทั้งสองข้างไม่ต่างจากของเขามากนัก แต่พลังเวทของชายผิวขาวที่อยู่ตรงกลางนั้นสูงกว่าเขา

และเขาผ่านการฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำมาสี่เดือนกว่าๆ ด้วยความยากลำบาก และใกล้จะสำเร็จขั้นเข้าสู่ที่สองแล้ว ชายหนุ่มผิวขาวผู้นั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นศิษย์จิตวิญญาณขั้นกลางถึงแปดเก้าส่วน การรับมือกับเขามันคงไม่ง่ายเท่าสองคนที่อยู่ข้างๆ

ในขณะที่หลิ่วหมิงกำลังวิเคราะห์พลังของฝ่ายตรงข้ามอยู่นั้น ชายหนุ่มผิวขาวก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“ง่ายมาก ภารกิจนี้ได้รับแต้มคุณูปการสิบแต้ม หินจิตวิญญาณสามสิบก้อน ถ้าศิษย์น้องไม่จ่ายหินจิตวิญญาณให้พวกข้ายี่สิบก้อน ก็เอาปลาปากเหยี่ยวให้พวกข้า ข้าจ่ายหินจิตวิญญาณให้ยี่สิบก้อนดีไหม?”

“หินจิตวิญญาณยี่สิบก้อน? ดูเหมือนท่านทั้งสามคิดที่จะแย่งมันไป พวกท่านไม่กลัวกฎของนิกายหรืออย่างไร!” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“ถ้าศิษย์น้องคิดว่าพวกข้าจะแย่งชิง อย่างนั้นก็แย่งชิงเถอะ สำหรับกฎของนิกายนั้น ฮ่าๆ ศิษย์น้องยิ่งไม่ต้องกังวล นิกายของเราแสดงออกว่าห้ามศิษย์ต่อสู้กัน แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับส่งเสริมให้ศิษย์แต่ละสาขาปฏิบัติตามกฎผู้แข็งแรงกว่าย่อมอยู่เหนือผู้อ่อนแอ ขอแค่ไม่ลงมือกันต่อหน้าอาจารย์จิตวิญญาณ และศิษย์ที่ดูแลกฎ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ฮ่าๆ ดูเหมือนศิษย์น้องเพิ่งจะเข้านิกายมาไม่นาน ถึงได้ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนิกายอย่างลึกซึ้ง แต่หลังจากผ่านเรื่องวันนี้ไปก็จะได้รับคำสอนที่ลึกซึ้งแล้ว” ศิษย์ผู้ที่มีศีรษะค่อนข้างใหญ่หัวเราะขึ้นมาทันที และใช้น้ำเสียงที่ประชดประชันกล่าวออกมา

“เอาล่ะ อย่าพูดจาไร้สาระเลย ในเมื่อศิษย์น้องผู้นี้ไม่ยอมมอบปลาปากเหยี่ยวให้ งั้นก็รีบลงมือเถอะ ถ้าช้าไปล่ะก็ เกิดมีคนอื่นเข้ามาก็จะยุ่งยากกว่านี้” ชายผิวขาวกล่าว

เสียงเพิ่งสิ้นสุด เขาก็ยกหมัดทั้งสองขึ้นมาชกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แสงสีทองสองกลุ่มพุ่งตรงไปยังหลิ่วหมิง

ชายหนุ่มสองคนที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มร่ายคาถา พอเขายกมือขึ้นก็มีเส้นใยสีขาวพุ่งออกมาจากมือของพวกเขา

“วิชาใยแมงมุม”

หลิ่วหมิงหรี่ตาทั้งสอง เขารู้ความเป็นมาของเส้นใยสีขาวทันที

วิชาที่ใช้ในการจับคู่ต่อสู้นี้ พูดได้ว่าเป็นวิชาหนึ่งที่ศิษย์ในนิกายใช้บ่อยในระหว่างการต่อสู้

เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หนึ่งครั้ง ห่วงเขี้ยวพยัคฆ์ที่ข้อมือประกายแสงขึ้นมาในทันที เท้าเล็กๆ ทั้งสองขยายใหญ่ขึ้นมาทันที เส้นเลือดใต้ผิวหนังก็บวมปูดขึ้นขึ้นมา ร่างทั้งร่างก็กลายเป็นเงาสีเขียวพุ่งออกไป

เสียง “ฟิ้ว” “ฟิ้ว” ดังขึ้น กลุ่มเส้นใยทั้งสองกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่หลายฉื่อตกยังไปที่ที่หลิ่วหมิงเคยยืนอยู่ แสงสีทองก็ทะลุข้ามายังพื้นที่ว่างเปล่า

หน้าของชายผิวขาวค่อยๆ เปลี่ยนสีในทันที

และในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังกึกก้อง “เพล้ง”

ชายผู้หนึ่งที่ใช้วิชาใยแมงมุมคุกเข่าลงไปที่พื้นด้วยสีหน้าที่แดงฉาน

หลิ่วหมิงดึงหมัดที่มีไอสีดำล้อมรอบออกจากท้องของเขา และใช้ฝ่ามือฟาดไปที่ต้นคอจนทำให้คนผู้นั้นนอนสลบอยู่บนพื้น

เขาใช้วิชาตัวเบาบวกกับเทคนิคการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว พริบตาเดียวก็เข้ามาอยู่ด้านหน้าของฝ่ายตรงข้าม แล้วต่อยหนักๆ ไปสองที

“ศิษย์น้องหลี่ว์…เจ้าสารเลว ข้าจะฆ่าเจ้า!”

พอชายหัวโตเห็นเพื่อนถูกหลิ่วหมิงจัดการไปภายในพริบตาเดียว ก็กล่าวออกมาด้วยความโมโหสุดขีด เขาดึงเหล็กยาวหนึ่งฉื่อสีดำขลับออกมาจากเอว และโจมตีผ่านอากาศไปทางหลิ่วหมิง

แสงสีเหลืองเปล่งประกายบนท่อนเหล็ก พลังไร้รูปบางอย่างพุ่งประทุไปหาหลิ่วหมิงทันที

หลิ่วหมิงบิดตัวหลบพลังไร้รูปนั้นได้ และกระโดดเข้าไปยังด้านหน้าชายหัวโตอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มตกตะลึง คิดที่จะเก็บอาวุธอาญาสิทธิ์กลับมาป้องกันตัวก็ไม่ทันเสียแล้ว

หมัดที่เต็มไปด้วยไอสีดำชกเข้าตรงหน้าท้องของชายหนุ่มอย่างรุนแรง ทำให้เขาตาเหลือกล้มฟุบลงไปบนพื้น และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย

ศิษย์ทั้งสองของนิกายปีศาจนี้อายุตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ยังหยุดอยู่ที่ขั้นกลางของศิษย์จิตวิญญาณ เห็นได้ว่าความสามารถในการฝึกฝนด้อยไปหน่อย

ทั้งสองเห็นว่าหลิ่วหมิงอายุยังน้อย และรู้ว่าเพิ่งจะเข้านิกายมาใหม่ๆ เลยรู้สึกชะล่าใจไปหน่อย เลยโดนหลิ่วหมิงใช้วิชาตัวเบาบวกกับเทคนิคการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ ในการจัดการพวกเขาจนล้มกองกับพื้น

“เจ้า…จ้าคือผู้ฝึกร่าง?” ชายผิวขาวที่อยู่ด้านหน้าเห็นฉากที่เพื่อนทั้งสองถูกหลิ่วหมิงจัดการภายในพริบตา ก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาราวกับเห็นผี แล้วเผลอหลุดปากพูดออกมา

“ผู้ฝึกร่างเหรอ อาจจะใช่มั้ง” หลิ่วหมิงได้ยินแล้วก็รู้สึกใจเต้น แต่ก็เดินเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามช้าๆ ด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก

“ฮึ! ต่อให้เจ้าจะเป็นผู้ฝึกร่าง อายุเท่านี้จะฝึกได้เยอะสักเท่าไหร่กัน” ชายผิวขาวกรอกตาไปมาแล้วก็กลับมามีสีหน้าปกติ แต่แสงสีทองในมือกลับดูลางเลือน แล้วกลายเป็นโล่สีทองบังอยู่หน้าตัวของเขา ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็ทำท่ามือ ปากก็ร่ายคาถาออกมา

ครู่เดียวแสงสีฟ้าก็สั่นไหวผลึกแท่งน้ำแข็งขนาดยาวครึ่งฉื่อแท่งหนึ่งก่อตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิวเห็นดังนั้นลูกตาดำก็หดลงเล็กน้อย แต่เท้ากลับออกแรงแล้วกลายเป็นเงาสีเขียวอีกครั้ง และพุ่งโจมตีออกไป

ชายผิวขาวเห็นดังนั้นก็แสดงสีหน้าเหี้ยมโหด เขาขยับข้อมือแท่งน้ำแข็งก็กลายเป็นลำแสงเยือกเย็นบินพุ่งออกไป

ด้วยพลังของวิชาแท่งวารี บวกกับความเย็นยะเยือกเป็นพิเศษ ถ้าหลิ่วหมิงโดนเข้าจริงๆ ล่ะก็ ต่อให้ไม่ตาย ก็เกรงว่าคงจะเจ็บหนักจนไม่อาจขยับตัวได้

แต่ผู้ที่มีความรวดเร็วอย่างหลิ่วหมิง ก็แค่บิดเอวร่างก็สั่นไหวบิดงอราวกับงูไร้กระดูก

แท่งน้ำแข็งพุ่งเฉียดผ่านไหล่เขาไป

และในตอนนั้นเอง ชายผิวขาวกลับแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์ เขาเปลี่ยนท่ามือในทันที ปากก็ตะโกนคำว่า “ระเบิด” ออกมา

เสียงดัง “ตู้ม” หลังจากแท่งน้ำแข็งประกายแสงแล้ว ก็ระเบิดแตกเป็นเศษน้ำแข็งสีฟ้ากระจายออกไป ไอเย็นแปลกประหลาดก็กระจายออกไปด้วย

หลิ่วหมิงตื่นตะลึง ไม่ทันได้คิดอะไรมากก็กระตุกข้อมือ แสงกลมๆ ปรากฏออกมา ส่องประกายไปปิดบังไว้ตรงหัวไหล่

แต่การกระทำนี้ออกตัวช้าไปหน่อย

หลิ่วหมิงรู้สึกแค่เย็นยะเยือกตรงหัวไหล่ หลังจากรู้สึกชาแล้วก็มีน้ำแข็งปกคลุมอยู่

ชายผิวขาวแสดงสีหน้าพอใจออกมา หลังจากเขาเปลี่ยนคาถาที่ร่ายแล้วก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น และพ่นเส้นใยสีขาวขนาดใหญ่ออกมา และกลายเป็นตาข่ายขนาดจั้งกว่าๆ พุ่งไปบนหัวของหลิ่วหมิง

วิชาใยแมงมุมเหมือนกัน แต่การแสดงวิชาของชายผิวขาวกับศิษย์ทั้งสองก่อนหน้านี้ ช่างแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

หลิ่วหยุดชะงักฝีเท้าในทันที เขาหยุดอยู่ที่เดิมจ้องมองเส้นตาข่ายใยแมงมุมที่กำลังตกลงมา ปากกลับหยุดชะงักไปชั่วครู่ เขายกมือทั้งสองขึ้น ลูกไฟขนาดเท่ากำปั้นสองลูกก็พุ่งยิงออกไปภายในพริบตา

ลูกหนึ่งยิงพุ่งไปยังตาข่ายใยแมงมุม อีกลูกกลับยิงพุ่งไปหาชายผิวขาวที่อยู่ไกลออกไปไม่กี่จั้ง

“ฟู่” ตาข่ายแหที่ยังร่วงลงมาไม่ถึง ก็ถูกเปลวไฟเผาไหมเป็นเถ้าธุลี

ชายผิวขาวสะดุ้งตกใจสักครู่แล้วก็รีบส่งพลังเวทไปยังอาวุธอาญาสิทธิ์จนกลายเป็นโล่แสง

ถึงแม้จะเป็นแค่ลูกไฟธรรมดาแต่ถูกโจมตีด้วยระยะห่างขนาดนี้ เขาเองก็ไม่อาจรับรองได้ว่าอาวุธอาญาสิทธิ์ของตนเองจะสามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์

เสียง “ตู้ม” ดังกึกก้อง

ลูกไฟด้านหน้าของชายผิวขาวกระเด็นไปทั่วทิศ

และเจ้าโล่แสงสั่นไหวอย่างรุนแรงและหลังจากมีเสียงดังกรอบแกรบแล้ว ก็ปรากฏรอบร้าวเล็กๆ หลายเส้น

ชายผิวขาวเห็นเช่นนี้ รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย และกำลังคิดที่จะแสดงวิชาโจมตีหลิ่วหมิงนั้น กลับรู้สึกแน่นที่เอว โซ่สีดำเส้นหนึ่งไม่รู้ว่ามารัดที่เอวของเขาตั้งแต่ตอนไหน

“โซ่ตรวนจิตวิญญาณ”

พอชายผิวขาวเห็นโซ่ตรวนสีดำ ก็ตกใจจนหน้าถอดสี รีบกระตุกถุงมือสีเหลืองเพื่อคิดที่จะทำอะไรบางอย่าง แต่ก็ช้าไปเสียแล้ว

โซ่ตรวนสีดำดูคล้ายกับงูอสรพิษพันเข้าที่เอวของเขาหลายรอบอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มันบีบรัดก็ทำให้มีไฟสีดำพุ่งออกมาตรงเอวของชายผิวขาว ความเจ็บปวดนี้ทำให้เขาไม่สามารถกระทำการเคลื่อนไหวใดๆ ได้

แต่หลิ่วหมิงกลับเดินเข้ามาอย่างไม่ยี่หระอะไรทั้งสิ้น เขาไม่พูดไม่จาลงมือฟาดไปที่ต้นคอชายผิวขาวหนึ่งที ทำให้ชายผิวขาวสลบล้มฟุบลงไป

หลิ่วหมิงถอนหายใจออกมา แล้วจะใช้เคล็ดวิชากระดูกดำดึงพลังเวทย์ไปรวมตัวกันที่หัวไหล่

ไอสีดำๆ เคลื่อนไหวขอยู่ตรงไหล่ของเขาจนทำให้ก้อนน้ำแข็งละลายหายไปอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ

……………………………………….

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา