หลิ่วหมิงกับซินหยวนต่างก็มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง!
พวกเขาต่างก็เป็นผู้ที่มีความรู้กว้างไกล ต่อให้อยู่ในเขตทะเลชังไห่อันไกลโพ้น ก็ย่อมเคยได้ยินชื่อของแผ่นดินจงเทียน!
แผ่นดินจงเทียนถึงนับว่าเป็นดินแดนเจริญรุ่งเรืองของผู้ฝึกฝนที่แท้จริง แผ่นดินกว้างใหญ่มาก นิกายน้อยใหญ่มีมากมายนับไม่ถ้วน เป็นแหล่งกำเนิดของเผ่าพันธุ์มนุษย์มาตั้งแต่สมัยบรรพกาล
และในใจหลิ่วหมิงก็ใฝ่หาแผ่นดินจงเทียนมานานแล้ว ปรมาจารย์ลิ่วยินผู้ก่อตั้งนิกายปีศาจ ก็มาจากนิกายยอดบริสุทธิ์ในแผ่นดินจงเทียน ต่อมาถึงซัดเซพเนจรมาถึงเกาะอวิ๋นชวน และก่อตั้งนิกายปีศาจขึ้น
และเคล็ดวิชากระดูกดำกับเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬที่เขาฝึกฝน ต่างก็มาจากแผ่นดินจงเทียน
ทั้งสองได้ยินชื่อเสียงของแผ่นดินจงเทียนมานาน และในใจก็อยากไปดูบางสิ่งบางอย่างที่แผ่นดินจงเทียนสักครั้ง แต่ขณะนี้กลับมาปรากฏตัวบริเวณชายฝั่งทะเลของแผ่นดินจงเทียนอย่างน่าประหลาดใจ พวกเขาย่อมหวั่นไหวเป็นธรรมดา!
“หากท่านทั้งสองผ่านรอยแยกมิติมาถึงสถานที่แห่งนี้จริงๆ และอยากกลับไปล่ะก็ เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย” พอเหวยอวิ๋นมองดูสีหน้าของทั้งสองแล้ว ก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้
ซินหยวนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น ครั้งนี้เขากลับไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
“นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร พรรคฉางเฟิงของพวกเราก็นับว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ เดิมทีก่อตั้งขึ้นมาจากบรรดาผู้ฝึกฝนอิสระ ไม่ได้รังเกียจผู้ฝึกฝนที่มาจากภายนอกอยู่แล้ว” ชายหนุ่มชุดเขียวกล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า
“อ้อ! ในเมื่อพรรคของท่านสามารถปิดผนึกทั้งเกาะได้ ดูท่าคงมีอิทธิพลไม่น้อย ถ้าอย่างนั้นคนเหล่านี้คือ……” หลิ่วหมิงได้ยินก็ใจเต้นขึ้นมา หลังจากค่อยๆ กวาดสายตามองผู้ฝึกปราณเหล่านั้นแล้ว ก็ถือโอกาสถามอย่างไม่ใส่ใจ
“คนเหล่านี้เป็นคนสองกลุ่มที่พึ่งพาอิทธิพลของพรรคฉางเฟิงเท่านั้น ที่พวกเขากำลังต่อสู้กันในวันนี้ ก็เพื่อชี้ขาดสิทธิ์ในการขุดสายแร่หินจิตวิญญาณเท่านั้น และข้าก็เป็นคนตรวจตราเรื่องนี้พอดี แต่กลับมารบกวนสหายทั้งสองเข้า” เหวยอวิ๋นมองตามสายตาหลิ่วหมิงไป และตอบอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นก็โบกมือไปยังคนทั้งสองกลุ่ม
พอชายฉกรรจ์ชุดแดงกับหญิงที่เป็นหัวหน้าเห็นเช่นนี้ ก็รีบวิ่งเข้ามาคารวะเหวยอวิ๋นอย่างนอบน้อม
“ผู้อาวุโสเหวย!”
“ฮึ! พวกเจ้าทั้งสองต่อสู้กัน แต่กลับไม่ควบคุมคนของตนเองให้ดีๆ จนกระทบกระทั่งโดนแขกทั้งสอง ยังไม่รีบมาขอโทษอีก!” เหวยอวิ๋นเอามือไขว้หลังแล้วทำเสียงฮึดฮัดออกมา
ทั้งสองหน้าเปลี่ยนสีทันที ทันใดนั้นก็รีบโค้งตัวไปทางหลิ่วหมิงกับซินหยวนด้วยความประหม่า และพูดขอโทษออกมา
“เฮ่อๆ! แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น สหายไม่ต้องโทษพวกเขาหรอก” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็กล่าวด้วยสีหน้าสงบ ซินหยวนที่อยู่ด้านข้างกลับไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมา
“ช่างเถอะ! เห็นแก่ที่พวกเจ้าทำผิดเป็นครั้งแรก ข้าจะละเว้นให้ แต่นับแต่เดือนนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าต้องชำระแร่จิตวิญญาณต่อเดือนมากขึ้นกว่าเดิมหนึ่งส่วน เพื่อเป็นการลงโทษ ส่วนเรื่องการต่อสู้เพื่อชี้ขาดสิทธิ์ในการขุดสายแร่นั้นเอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน ตอนนี้พาคนของพวกเจ้าถอยไปก่อนเถอะ!” นักพรตชุดเขียวโบกมือ และสั่งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
พอชายฉกรรจ์ชุดแดงกับหญิงสาวได้ยินเช่นนี้ ก็มีสีหน้าขมขื่นเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านแต่อย่างใด ได้แต่พยักหน้าตอบรับแล้วถอยออกไป ประจักษ์ชัดว่าชายวัยกลางคนผู้นี้น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
เมื่อไล่คนสองกลุ่มนี้ไปแล้ว ใบหน้าดุร้ายของเหวยอวิ๋นก็หายไปจนหมดสิ้น จากนั้นก็หันมาพูดคุยกับหลิ่วหมิงและซินหยวน ส่วนทางหลิ่วหมิงกับซินหยวนก็สอบถามสถานการณ์ในเขตทะเลหนานไห่แห่งนี้
“……สรุปแล้ว มีกลุ่มอิทธิพลผสมผเสกันบนเกาะต่างๆ ในทะเลหนานไห่ หากไม่บากหน้าไปพึ่งอาศัยหนึ่งในนั้น ก็มีชีวิตรอดได้ยาก ข้าเห็นสหายทั้งสองมีระดับการฝึกฝนไม่ธรรมดา ในเมื่อมาถึงเกาะในทะเลหนานไห่เป็นครั้งแรก ไม่สู้มาเป็นแขกของพรรคเราก่อนดีไหม พรรคของเรามีชาจิตวิญญาณชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘ดารามืด’ มันบำรุงชีพจรได้อย่างดีเยี่ยม จะได้ให้สหายทั้งสองลองชิมดูสักครา” เหวยอวิ๋นสนทนากับทั้งสองอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กล่าวออกมาเช่นนี้
“พี่หลิ่ว ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร?” ซินหยวนมองดูหลิ่วหมิงทีหนึ่งแล้วส่งเสียงมาด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม
“พวกเรามาที่นี่เป็นครั้งแรก ควรจะระวังให้มาก ดูจากการพูดการจาของคนผู้นี้แล้ว คงไม่มีความคิดชั่วร้ายแต่อย่างใด คาดว่าคงแค่อยากดึงพวกเราเข้าพวกเท่านั้น ไปดูสถานการณ์หน่อยก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพราะหากพวกเราอยากยืนมั่นในสถานที่แห่งนี้ ก็จำเป็นต้องเข้าร่วมกลุ่มอิทธิพลใดอิทธิพลหนึ่งอย่างแน่นอน” หลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่งเสียงกลับไป
“ในเมื่อสหายกล่าวเช่นนี้ พวกข้าทั้งสองก็ไม่เกรงใจแล้ว” ซินหยวนฟังจบก็ตาเป็นประกายทันที เขาหัวเราะฮ่าๆ แล้วกล่าวกับเหวยอวิ๋น
“ที่ไหนกัน สหายทั้งสองยอมมาที่พรรคของเรา ก็นับว่าเป็นความโชคดีของพรรคแล้ว” เหวยอวิ๋นได้ยินก็กล่าวด้วยความดีใจ
พอกล่าวจบเขาก็โบกมือ จากนั้นวงแหวนขนาดชุ่นกว่าๆ ที่เปล่งแสงสีเขียวก็พุ่งออกจากแขนเสื้อ หลังจากหมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบ ก็ถูกเขาคว้าเอาไว้ในมือ และปล่อยพลังเข้าไปในนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา