“ผู้ฝึกฝนอย่างพวกเราเดิมทีก็เป็นเรื่องที่ฝืนชะตาสวรรค์ เสียชีวิตระหว่างเส้นทางการฝึกฝนบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด ที่พวกเราสามารถทำได้ก็คือช่วยจัดการศพของสหายฝานให้ดีๆ ก็เท่านั้น” ซ่านฉางเฟิง ผู้อาวุโสชุดดำที่อยู่ด้านข้างกล่าวด้วยสีหน้าเมินเฉย
เซียนมู่อู่ก็มีสีหน้าเศร้าหมองลง แม้ว่าจะไม่กล่าวอะไรออกมา แต่พอสะบัดแขนเสื้อ แถบผ้าในมือก็ม้วนตัวออกไป และม้วนเอาศพของบัณฑิตกลับมา
“เกาะเฟยเหลียนที่สหายฝานหลิงจื่ออยู่ ห่างจากเกาะเสี่ยวขุยไม่มากนัก พวกเรามีความสนิทสนมกันมาแต่ไหนแต่ไร ให้ข้านำศพกลับไปให้คนของเขาประกอบพิธีฝังเถอะ” เซียนมู่อู่ค่อยๆ กล่าวออกมา
“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนท่านเซียนมู่อู่แล้ว” ฟางเหยาพยักหน้ากล่าวออกมา
ต่อมาพวกเขาก็ใช้ยันต์เก็บของจำนวนมาก เก็บศพอสูรตั๊กแตนโลหิตเหล่านี้เข้าไป ส่วนราชาอสูรตัวนั้น ก็ใช้ยันต์เก็บของอีกผืนเก็บแยกไว้ต่างหาก จากนั้นก็พากันไปจากใต้ทะเลแห่งนี้
ครึ่งชั่วยามผ่านไป พวกเขาก็ขึ้นมาจากใต้ทะเล และกลับมาถึงเกาะที่ฟางเหยาอยู่อีกครั้ง
พอมาถึงห้องโถงภายในถ้ำที่พักของฟางเหยา พวกเขาก็ปล่อยยันต์เก็บของออกมาหลายสิบผืน หลังจากทำท่ามือ ศพอสูรตั๊กแตนโลหิตก็ทะลักออกมาพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดอันเข้มข้น
พวกเขาพูดเรื่องการแบ่งอสูรตั๊กแตนโลหิตตามที่ได้ตกลงไว้ในก่อนหน้าอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นศพอสูรตั๊กแตนโลหิตระดับต่ำ ก็ถูกแบ่งจนหมดเกลี้ยง
หลิ่วหมิงกับซินหยวนไม่ได้ใส่ใจในเรื่องนี้ พวกเขาเพียงแค่ขายมันให้คนอื่นๆ จนได้หินจิตวิญญาณมาหนึ่งแสนกว่าหินจิตวิญญาณ
ขณะนี้ก็เหลือแค่อสูรตั๊กแตนโลหิตระดับของเหลวตัวนั้นแล้ว
“ไม่ทราบว่าจะแบ่งราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตตัวนี้อย่างไร?” ฟางเหยาจ้องมองศพอสูรตั๊กแตนโลหิตบนพื้นแล้วเอ่ยปากถาม
ทุกส่วนของอสูรตั๊กแตนโลหิตระดับของเหลวล้วนเป็นของล้ำค่า แก่นปีศาจของมันไม่ต้องพูดถึง เลือดเนื้อบนตัวมันล้วนเป็นวัสดุชั้นยอดในการปรุงโอสถ และยังสามารถนำมาหลอมเป็นอาวุธจิตวิญญาณอย่างเกราะนักรบได้
และตามที่ได้ตกลงไว้ในก่อนหน้า ชิ้นส่วนของราชาอสูรตัวนี้ จะแบ่งตามผลงานของแต่ละคน
แม้เขาจะเป็นคนเริ่มแผนการนี้ก่อน แต่เห็นได้ชัดว่าอำนาจการตัดสินใจในครั้งนี้ไม่ได้อยู่ในมือเขาแล้ว
พอผู้อาวุโสกับเซียนมู่อู่ได้ยิน ก็มองไปทางหลิ่วหมิงกับซินหยวนด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
“พวกข้าทั้งสองต้องการแค่ถุงพิษกับโลหิตส่วนหนึ่งก็พอ” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็กล่าวอย่างไม่ลังเล
ในระหว่างที่เดินทางกลับ เขาก็ได้พูดคุยเรื่องนี้กับซินหยวนไปแล้ว
พอผู้อาวุโสและคนอีกสองคนได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง
แม้จะนับว่าโลหิตกับถุงพิษของราชาอสูรมีมูลค่าไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับผลงานในตอนท้ายของทั้งสองแล้ว ย่อมไม่อาจเทียบได้
ต่อมา เซียนมู่อู่กับซ่านฉางเฟิงก็เดินไปเลือกเขาอสูรกับโลหิตและชิ้นส่วนอื่นๆ
ฟางเหยาย่อมได้แก่นปีศาจที่อยู่ในร่างราชาอสูรสมใจ การดำเนินการในครั้งนี้ นอกจากมีคนเสียชีวิตไปหนึ่งคนแล้ว ทุกคนล้วนปีติยินดีกันทั้งสิ้น
ภายใต้การยับยั้งของฟางเหยา ผู้อาวุโสชุดดำกับหญิงหยาดเยิ้มก็ไม่ได้รีบร้อนจากไปในทันที พวกเขาหลิ่วหมิงและซินหยวนจึงพักอยู่ในถ้ำชั่วคราว
หลังจากฟางเหยาได้เห็นพลังของหลิ่วหมิงกับซินหยวน เขาก็ไม่กล้าคิดตุกติกใดๆ อีก หลังจากใช้เวลาจำนวนหนึ่งจัดการบาดแผลบนตัวแล้ว ก็รีบทำการปรุงโอสถชิงซ่านทันที
……
ห้องลับบางแห่งภายในถ้ำของฟางเหยา หลิ่วหมิงกับซินหยวนกำลังนั่งขัดสมาธิฟื้นฟูพลังเวทอยู่ ครั้งนี้พวกเขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่ใช้พลังเวทไปจำนวนหนึ่งเท่านั้น ใช้เวลาเพียงครึ่งวัน พลังเวทก็ฟื้นคืนโดยสมบูรณ์แล้ว
และภายในห้องหินที่อยู่ด้านข้าง ฟางเหยาที่สวมชุดสีเทาทั้งตัวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเตาหลอมสีขาวที่มีขนาดใหญ่หลายจั้ง มือทั้งสองทำท่ามือ และปล่อยพลังใส่เตาหลอมอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มันเกิดการสั่นไหวอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
ทันใดนั้น มือข้างหนึ่งของเขาก็เปลี่ยนท่ามือในทันที จากนั้นฝาเตาหลอมก็ลอยขึ้นมา
ฟางเหยาพลิกมือขวาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ขวดหยกสีขาวเล็กๆ ใบหนึ่งปรากฏออกมา สิ่งที่อยู่ในขวดก็คือพิษที่เอาออกมาจากถุงพิษของราชาอสูรตั๊กแตนโลหิต
เขาเทของเหลวสีดำจำนวนหนึ่งลงไปในเตาหลอมสีขาวอย่างระมัดระวัง และหยิบวัตถุดิบจำนวนหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากคิดคำนวณอะไรบางอย่างแล้ว เขาก็นำสิ่งของต่างๆ ใส่ลงไปในเตาหลอม
หลายชั่วยามผ่านไป
เปลวเพลิงสีแดงลุกไหม้จากหลุมแห่งหนึ่งตรงก้นเตาหลอม ครู่ต่อมาก็มีกลิ่นหอมของโอสถโชยออกมาจากเตา นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าวัตถุดิบหลายอย่างเริ่มรวมตัวเข้าด้วยกันแล้ว
ขณะนั้นเอง ควันสีดำกลุ่มหนึ่งได้พุ่งออกจากเตาหลอม พอเห็นเช่นนี้เขาก็หยุดทำท่ามือทันที จากนั้นเปลวเพลิงก็ดับไป
ฟางเหยาถอนหายใจเบาๆ และขมวดคิ้วขึ้นมา
แม้จะมีพิษของราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตเป็นเชื้อกระตุ้น แต่โอสถชิงซ่านก็ไม่ได้ปรุงขึ้นมาง่ายๆ นี่เป็นการล้มเหลวครั้งที่ห้าแล้ว และเขาก็เพิ่งจะปรุงออกมาได้เก้าเม็ดเท่านั้น
สำหรับผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถ มีโอกาสสำเร็จราวๆ หกในสิบส่วน ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้ว
แต่สำหรับการถอนพิษภายในร่างหลิ่วหมิงกับซินหยวนนั้น นับว่ายังไม่เพียงพอ โชคดีที่พิษในถุงพิษของราชาอสูรตั๊กแตนโลหิตมีมากพอ
พอฟางเหยาคิดมาถึงจุดนี้ ก็รีบทำท่ามืออย่างรวดเร็วเปลวเพลิงรอบๆ เตาหลอมคุโชนขึ้นมาอีกครั้ง
……
ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืน ในที่สุดฟางเหยาก็ออกมาจากห้องปรุงโอสถ ขณะที่เดินเข้ามาในห้องลับที่หลิ่วหมิงกับซินหยวนอยู่นั้น ในมือเขาก็ถือโอสถชิงซ่านอยู่สองขวด
“โชคดีที่ครั้งนี้ข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างลุล่วงโดยไม่ทำให้เสียหน้า ข้าได้ปรุงโอสถชิงซ่านมาทั้งหมดสามสิบสองเม็ด ซึ่งเพียงพอที่จะขับพิษในร่างของท่านทั้งสองแล้ว” ฟางเหยาใช้มือข้างหนึ่งฟั่นหนวด และมอบขวดโอสถให้หลิ่วหมิงและซินหยวนด้วยรอยยิ้ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา