พอหลิ่วหมิงมองดูอย่างละเอียด ก็ค้นพบว่าคนผู้นี้ก็คือกวนอวี๋ที่เป็นแขกใหม่ของพรรคฉางเฟิงเช่นกัน
“พี่หลิ่ว พี่ซิน ไม่เจอกันหลายวันเลย!” พอกวนอวี๋เห็นทั้งสอง ก็หยุดชะงักทันที และเอ่ยปากทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ที่แท้ก็เป็นสหายกวน รีบร้อนเช่นนี้ มีธุระด่วนหรือ?” หลิ่วหมิงถามด้วยรอยยิ้ม
“ดูท่าสหายทั้งสองไม่อยู่เกาะหลายวัน คงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นภายในพรรค ถึงได้ถามเช่นนี้” กวนอวี๋ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกงงงันเล็กน้อย แต่ก็รีบกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อ๋อ! ช่วงนี้ข้ากับพี่หลิ่วออกไปข้างนอก ในพรรคเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขอสหายกวนอวี๋เล่าให้ฟังเล็กน้อย” ซินหยวนถามอย่างอดไม่ได้
หลิ่วหมิงได้ยินก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมา
“เรื่องมันเป็นแบบนี้……” กวนอวี๋ค่อยๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้น
ที่แท้ในระหว่างที่ทั้งสองไปจากเกาะนั้น รองประมุขฟ่านเจิ้งที่ควรจะเก็บตัวเตรียมตัวต่อสู้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ท่านทั้งสองไม่รู้อะไร ตอนนี้ในพรรคเล่าลือกันว่า หลังจากที่ประมุขพรรครับปากเดิมพันการต่อสู้แล้ว ก็ได้แอบพบกับพันธมิตรจินอวี้เป็นการส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีข่าวเล็กน้อยๆ ว่ากันว่า หลายปีที่ประมุขพรรคไม่อยู่นั้น รองประมุขฟ่านได้แอบสมคบกับกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ ตอนนี้คนในพรรคจำนวนมาก ต่างก็สงสัยว่าเขาทรยศพรรค และหลบหนีไป” กวนอวี๋มองซ้ายมองขวาสองสามที พอเห็นว่าไม่มีคนอื่นเขาถึงกล่าวออกเบาๆ
“คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องเช่นนี้ด้วย!”
แม้หลิ่วหมิงกับซินหยวนไม่ปรารถนาเข้าร่วมเดิมพันการต่อสู้ แต่พอได้ยินข่าวนี้ต่างก็สบตากันด้วยความแปลกใจ
“ที่ข้ารีบร้อนออกมาจากถ้ำที่พัก เพราะได้รับคำสั่งจากท่านประมุขว่า ให้พวกเราไปรวมตัวกันที่หอใหญ่ของที่ทำการพรรค เพื่อหารือเรื่องบางอย่าง คาดว่าคงเกี่ยวข้องกับเรื่องรองประมุขฟ่าน และเดิมพันการต่อสู้ในครั้งนี้ ในเมื่อตอนนี้ท่านทั้งสองกลับมาแล้ว ก็ออกไปพร้อมกันเถอะ” กวนอวี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ก็ดีเหมือนกัน ในเมื่อพวกข้ารู้ข่าวนี้แล้ว หากไม่รีบไปล่ะก็ เกรงว่าคงจะเป็นการไม่เคารพท่านประมุข” หลิ่วหมิงฟังจบก็กล่าวออกมาด้วยความลังเลเล็กน้อย
ซินหยวนย่อมไม่มีข้อคัดค้านใดๆ
ดังนั้นทั้งสองจึงเปลี่ยนทิศทางเหาะไปยังหอที่ทำการพรรคฉางเฟิง
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ภายในหอที่ทำการพรรคฉางเฟิง มีผู้แข็งแกร่งระดับของเหลวขั้นกลางขึ้นไป เบียดเสียดกันอยู่อย่างหนาแน่น
ไม่ได้มีแค่แขกระดับสูงอย่างหลิ่วหมิงกับซินหยวนเท่านั้น แม้แต่กระทั่งผู้ดูแลระดับสูงของพรรคฟางเฟิงจำนวนหนึ่งก็มาด้วย ซึ่งต่างก็มีการฝึกฝนราวๆ ระดับของเหลวขั้นกลาง
พอหลิ่วหมิงกวาดสายตามองดูเล็กน้อย ก็ค้นพบว่านอกจากฟ่านเจิ้งแล้ว เว่ยจ้งที่มาจากนิกายห้าวิญญาณก็ไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย
และชวีหลิงที่เป็นถึงรองประมุขพรรคกลับมีสีหน้าสงบมาก
“ที่วันนี้เรียกทุกท่านมาก็เพราะเรื่องเดิมพันการต่อสู้ของพรรคเรากับพันธมิตรจินอวี้ และตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่ตกลงกันแล้ว แต่รองประมุขฟ่านกลับหายตัวไปกระทันหัน ด้วยเหตุนี้ข้าจึงตัดสินใจเลือกพวกท่านมาหนึ่งคน เพื่อเข้าร่วมการเดิมพันการต่อสู้ที่ใกล้จะมาถึงนี้” เฟิงจ้านประกาศออกมาตามตรง
พอบรรดาฝูงชนได้ยินเช่นนี้ ต่างก็มองหน้ากันไปมา สุดท้ายก็มองไปยังเฟิงจ้านที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หลัก
……
ขณะเดียวกัน บนเกาะที่ก่อตัวขึ้นจากหินปะการังสีม่วง ซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ห่างจากเกาะมัจฉาเขียวไปเท่าใด ดูเหมือนจะมีอารามขนาดใหญ่แห่งหนึ่งที่ครอบครองพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของเกาะ
ขณะนี้ หยางเซิ่งที่เป็นทูตของอารามจื่อเซียว กำลังยืนก้มหน้าอย่างนอบน้อมอยู่ในห้องรับรองแห่งหนึ่ง เก้าอี้ตรงหน้าของเขา มีผู้อาวุโสผมขาวสวมชุดคลุมสีม่วงนั่งอยู่
คนผู้นี้ก็คือเทียนกวงจื่อ เจ้าอารามของอารามจื่อเซียวที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึกขั้นกลาง
“เซิ่งเอ๋อร์ ตามที่เจ้าเล่ามา บุตรสาวของเฟิงจ้านมอบตัวเป็นศิษย์นิกายห้าวิญญาณแล้ว ทั้งยังมีศิษย์นิกายห้าวิญญาณกลับพรรคฉางเฟิงพร้อมกับนางด้วย? ด้วยอิทธิพลในแผ่นดินจงเทียนของนิกายห้าวิญญาณ ไหนเลยจะมองเห็นพรรคเล็กๆ อย่างพรรคฉางเฟิง” ผู้อาวุโสชุดม่วงค่อยๆ กล่าวออกมา ดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อในเรื่องนี้
“เรียนอาจารย์ แม้ศิษย์จะไม่เคยสัมผัสกับคนทั้งสอง แต่คิดว่าเรื่องนี้เฟิงจ้านคงไม่กล้าโกหกอย่างแน่นอน” หยางเซิ่งกล่าวอย่างนอบน้อม
“ฮึ! ด้วยชื่อเสียงอันโด่งดังของนิกายห้าวิญญาณ พรรคฉางเฟิงจะอาจหาญแค่ไหน ก็คงไม่กล้าหาคนสวมรอยเป็นศิษย์ของนิกายห้าวิญญาณอยู่ดี แต่ศิษย์ที่อยู่ด้านนอกส่วนใหญ่เป็นศิษย์สาขา หากเป็นศิษย์โดยตรงจะไม่เข้ามาแทรกแซงเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน ข้ากลับรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย พันธมิตรจินอวี้รู้ทั้งรู้ว่าพรรคฉางเฟิงเป็นกลุ่มอิทธิพลที่สังกัดอารามจื่อเซียวเรา แต่หลายปีมานี้กลับมีการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ อยู่ตลอดเวลา หากจะบอกว่าไม่มีหอเทียนเซียงชักใยอยู่เบื้องหลัง คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ เดิมพันการต่อสู้ในครั้งนี้ ก็ชักน่าสนใจแล้ว แต่ตอนนี้อาจารย์อาของเจ้ากำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ ต่อให้เกิดเรื่องใหญ่แค่ไหนก็ต้องระงับไว้ เพื่อป้องกันเหตุที่คาดไม่ถึง อารามเราจะไม่รีบร้อนแทรกแทรงเดิมพันการต่อสู้ในครั้งนี้ ควรจะมองดูผลลัพธ์อย่างเงียบๆ ดูสิว่าจะมีอะไรแอบแฝงอยู่ในนั้น แล้วพวกเราค่อยวางแผนกันทีหลัง เรื่องหลังจากนี้มอบให้อาจารย์อาสือไปจัดการเถอะ เพราะเดิมทีเขาก็เป็นคนนำพรรคฉางเฟิงมาสังกัดกับอารามเรา” ผู้อาวุโสชุดม่วงคิดใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา
“ทราบ! ศิษย์เข้าใจแล้ว!” หยางเซิ่งก้มหน้ากล่าวอย่างนอบน้อม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา