เกิดเสียงดังกึกก้อง เรือเหาะเปล่งแสงสีเงินออกมาก่อนทะยานขึ้นฟ้า และพุ่งยิงไปยังเกาะมัจฉาเขียว
“การประลองคัดเลือกในครั้งนี้ สองคนนั่นกลับชนะคนอื่นๆอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะหลิ่วหมิงผู้นั้นเป็นถึงผู้ฝึกฝนกระบี่ ช่างเหนือความคาดหมายเล็กน้อย ไม่ทราบคุณชายเว่ยจ้งมีความเห็นว่าอย่างไร?” ในห้องรับรองบนเรือเหาะ เฟิงจ้านพูดถึงการประลองในก่อนหน้า และยังถามความเห็นของเว่ยจ้งอย่างไม่ใส่ใจ
“ผู้อาวุโสเฟิง ที่ทั้งสองสองสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ไม่ใช่ว่าพลังของพวกเขาแข็งแกร่ง แต่เป็นเพราะว่าคนอื่นๆ อ่อนแอกว่ามากก็เท่านั้น หากเป็นข้าล่ะก็ ไม่เกินสิบกระบวนท่าก็ทำให้พวกเขายอมแพ้แต่โดยดีแล้ว” เว่ยจ้งได้ยินเช่นนี้ ก็กล่าวโดยไม่ถือว่าจะเป็นเช่นนั้น
“แน่นอน แม้ทั้งสองจะมีความสามารถอยู่บ้าง แต่ไหนเลยจะเทียบกับคุณชายได้ เดิมพันการต่อสู้ในครั้งนี้ คงต้องพึ่งคุณชายเว่ยแล้ว” เฟิงจ้านกล่าว
แม้หลิ่วหมิงกับซินหยวนจะแสดงออกได้ไม่ธรรมดา แต่ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ได้แสดงพลังออกมาทั้งหมด ย่อมทำให้เฟิงจ้านไม่อาจคาดหวังในตัวพวกเขามากนัก ด้วยเหตุนี้จึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเว่ยจ้งแล้ว
“ผู้อาวุโสเฟิงโปรดวางใจ ถึงแม้ต้องสู้กับพันธมิตรจินอวี้สามต่อหนึ่ง ข้าก็สบายมาก” ขณะที่พูด เว่ยจ้งก็เหลือบมองเฟิงไฉ่ด้วยท่าทีทระนงอาจ
“ท่านพ่อ เดินพันการต่อสู้ในครั้งนี้ มีศิษย์พี่อยู่ย่อมไม่มีปัญหาอะไร แต่แขกสองคนนั่นก็คุ้มค่าที่จะบ่มเพาะพวกเขา” พอเฟิงไฉ่เห็นเช่นนี้ นางก็พูดถึงหลิ่วหมิงกับซินหยวน และดูเหมือนนางจะสนใจคนทั้งสองมาก
“เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเอง” เฟิงจ้านได้ยินก็กล่าวออกมาราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
……
อีกหนึ่งเดือนให้หลังถึงจะเป็นเวลาเดิมพันการต่อสู้กับพันธมิตรจินอวี้ ดังนั้นเวลาที่เหลือ หลิ่วหมิงกับซินหยวนต่างก็ตั้งใจฝึกฝนอยู่ในถ้ำที่พัก ขณะเดียวกัน ก็ทานโอสถชิงซ่านตามเวลาที่กำหนด เพื่อขับไล่พิษในร่างออกมา
วันนี้หลิ่วหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องลับ ทันใดนั้นก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หลังจากนับดูวันเวลาแล้ว เขาก็ลุกขึ้นมาทันที จากนั้นก็ค่อยๆ เดินออกไปจากถ้ำที่พัก
นับๆ ดูแล้ว มันถึงเวลาที่ได้นัดหมายกับหวงเจินแล้ว
หลิ่วหมิงออกเดินทางไม่นาน ก็มาปรากฏตัวหน้าถ้ำที่พักของหวงเจินอีกครั้ง
และผู้ที่มาเปิดประตูก็เป็นหญิงผิวดำผู้นั้น ซึ่งก็คือบุตรสาวของหวงเจินนั่นเอง
“คารวะผู้อาวุผู้โสหลิ่ว อาวุธจิตวิญญาณของท่านได้หลอมเสร็จเมื่อหลายวันก่อนแล้ว ท่านพ่อมีธุระข้างนอก ก่อนไปได้กำชับข้าว่า หากผู้อาวุโสมาก็ให้พาไปเอาสิ่งของได้เลย” หญิงผิวดำกล่าวอย่างนอบน้อม จากนั้นก็ขยับตัวหลีกทางให้
“ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนแม่นางหวงแล้ว” พอได้ยินว่าอาวุธจิตวิญญาณของตนเองหลอมสำเร็จแล้ว หลิ่วหมิงก็รู้สึกดีใจเล็กน้อย หลังจากพยักหน้าตอบรับแล้ว ก็เดินเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ และถูกหญิงผิวดำพามายังห้องหินแห่งหนึ่ง
หญิงสาวชี้ไปยังกล่องหยกที่อยู่บนโต๊ะหินแล้วกล่าวออกมา
“ผู้อาวุโสหลิ่ว อาวุธที่ท่านพ่อหลอมให้ท่านอยู่ในนั้นแล้ว”
หลิ่วหมิงพยักหน้าและคว้ามือไปกลางอากาศ จากนั้นกล่องหยกก็ถูกดูดเข้ามาอยู่ในมือ
พอเปิดฝาออกจะเห็นว่ามีมุกกลมๆ สีดำขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือวางอยู่เม็ดหนึ่ง พื้นผิวของมันแวววาว ไอดำลอยวนเป็นเส้นๆ มองดูจากภายนอกแล้ว มันมีลักษณะเหมือนกับมุกพลังวารีในมือเขาไม่มีผิด เพียงแต่ว่าไอเย็นชุ่มชื้นที่มันแผ่ออกมา จะมีมากกว่าเล็กน้อย
หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว นิ้วทั้งสองคีบมุกสีดำกลมๆ ขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียด
เขาค้นพบว่ามุกพลังวารีชนิดนี้ ก็เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับกลางที่มีสิบแปดชั้นจำกัดเช่นกัน จากนั้นเขาก็กล่าวชมด้วยความดีใจ
“สหายหวงช่างมีมือยอดเยี่ยมจริงๆ สมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธที่มีชื่อเสียงในพรรค”
หลิ่วหมิงกล่าวจบ ก็หยิบถุงที่ใส่หินวารีลึกลับออกมา และโยนให้หญิงสาวผู้นี้ ประจักษ์ชัดว่านี่คือค่าใช้จ่ายของวัสดุเสริม จากนั้นหลิ่วหมิงก็ถอยออกไป
ครึ่งชั่วยามต่อมา หลิ่วหมิงก็ขี่เมฆเหาะออกจากถ้ำหวงเจินไปไกลร้อยกว่าลี้ และมาปรากฏตัวตรงตีนเขาลูกหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะมัจฉาเขียว
พอเขายืนตั้งหลักได้ก็สะบัดแขนเสื้อในทันที จากนั้นมุกพลังวารีที่เพิ่งหลอมขึ้นมาใหม่ก็ถูกนำออกมา พอเขาออกแรงที่นิ้วเบาๆ มุกพลังวารีก็เปลี่ยนรูปร่างได้ดังใจนึก
หลิ่วหมิงส่งพลังเวทเข้าไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แสงสีดำเปล่งประกายออกจากพื้นผิวของมุกพลังวารี และค่อยๆ เกาะตัวเป็นไอหมอกแน่นหนา
“ไป!”
หลิ่วหมิงคำรามเสียงออกมา พอสะบัดข้อมือ มุกกลมๆ ที่มีน้ำหนักมากก็พุ่งไปกระแทกใส่เขาลูกเล็กๆ ที่อยู่ไกลออกไปหลายสิบจั้ง
“ตู๊ม!” เศษหินดินทรายกระเด็นไปทั่วทิศ
หลุมขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางห้าถึงหกจั้งปรากฏบนพื้นผิวของภูเขา จากนั้นเศษหินก็กระจายไปทั่วทิศ และหินบริเวณรอบๆ หลุมขนาดใหญ่ก็ค่อยๆ แตกร้าวออกมา
ด้วยพลังระดับหลิ่วหมิง อานุภาพของมุกพลังวารีในตอนนี้ ย่อมแข็งแกร่งกว่าตอนที่ยังไม่ได้หลอมมาก
พอหลิ่วหมิงคว้ามือออกไป ไอดำกลุ่มหนึ่งก็พุ่งออกจากหลุมขนาดใหญ่ หลังจากหมุนติ้วๆ รวมตัวกันแล้ว มันก็กลายเป็นมุกกลมๆ อีกครั้ง และมืออีกข้างก็หยิบมุกพลังวารีอีกเม็ดออกมา จากนั้นก็ใส่พลังเวทเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง พอถูฝ่ามือทั้งสองไปมา มุกพลังวารีทั้งสองก็รวมตัวเข้าด้วยกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา