มันมีลำตัวยาวราวๆ สองสามจั้ง ขนสีฟ้าปกคลุมเต็มตัว มีหงอนสีแดงเลือดอยู่บนหัว ปีกทั้งสองกระพืออย่างรวดเร็ว จนก่อเกิดเป็นพายุบ้าระห่ำ มีคนราวๆ สิบกว่าคนยืนอยู่บนนั้น
“นิกายวิหคสวรรค์” ตู๋กูอวี้เห็นเช่นนี้ก็พูดโพล่งออกมาด้วยความรู้สึกเย็นสะท้าน
เฟิงจ้านเองก็หรี่ตาลงทันที!
พอเสียงสิ้นสุดลง ก็มีเรือเหาะพุ่งมาจากด้านหลังของวิหคหกยักษ์
เรือลำนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก พื้นผิวเป็นสีฟ้าอ่อน ปลายทั้งสองมีผลึกหินสีเทาจางๆ ฝังอยู่
พอหญิงแซ่เซียวกับนักพรตแซ่สือเห็นเช่นนี้ ต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
หลังจากวิหคยักษ์เหาะมาอยู่เหนือพื้นที่ท้องกระทะแล้ว ชายที่มีจมูกราวกับปากเหยี่ยว ก็เหาะลงมาจากบนนั้น
จากนั้นเรือเหาะที่อยู่ด้านหลังก็ตามมาถึง และค่อยๆ ร่อนลงพื้น แม่ชีสวมชุดคลุมสีดำหลายคนเหาะลงมาเช่นกัน
แม่ชีสวมชุดคลุมสีดำที่นำหน้ามานั้น สวมหมวกสีเทา ใบหน้าหมดจด มีท่าทีอ่อนโยนมาก ซึ่งนางก็คือคนที่พาเจียหลานไปจากเกาะเล็กๆ ในวันนั้น
“อารามชิงสุ่ย!”
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนหลุดปากออกมา
“ข้าก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นเมี่ยวซินซือไท่กับสหายจากนิกายวิหคสวรรค์นั่นเอง ท่านทั้งสองไม่ได้อยู่กลุ่มอิทธิพลเดียวกับพวกเรา มาเกาะเปล่าเปลี่ยวแห่งนี้ทำไมกัน?” หญิงแซ่เซียวหัวเราะคิกคักแล้วเอ่ยปากออกมา
“ท่านเซียนเซียว ที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะได้ยินว่าพันธมิตรจินอวี้กับพรรคฉางเฟิงทำการเดิมพันต่อสู้กันเอง ลืมไปแล้วหรือว่านิกายวิหคสวรรค์เรา ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลในพื้นที่แถบนี้? ในเมื่อเกี่ยวข้องกับการแบ่งพื้นที่กันใหม่ ข้าคิดว่านิกายวิหคสวรรค์ก็มีสิทธิ์เข้าร่วมเดิมพันการต่อสู้ในครั้งนี้” แม่ชีชุดดำยิ้มเล็กน้อย และกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
หญิงแซ่เซียวได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกหนักอึ้งในใจ
“เมี่ยวซินซือไท่ ในเมื่อเป็นจุดเชื่อมต่อของพรรคฉางเฟิงกับพันธมิตรจินอวี้ พวกเขาทั้งสองจะแย่งชิงกัน ก็ไม่มีอะไรที่พอจะวิจารณ์ได้ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนิกายวิหคสวรรค์นะ เหตุผลของซือไท่ดูไม่หนักแน่นพอ” นักพรตวัยกลางคนเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวออกมา
“ข้าไม่คิดว่ามีตรงไหนที่ไม่หนักแน่นพอ! หากท่านทั้งสองไม่ยอมรับปากล่ะก็ ไม่ว่าผลการเดิมพันต่อสู้ในครั้งนี้จะออกมาเป็นเช่นไร อารามชิงสุ่ยข้าก็จะไม่ยอมรับอย่างแน่นอน” แม่ชีถอนหายใจเบาๆ น้ำเสียงยังคงสงบเช่นเดิม แต่คำพูดข่มขู่ที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้นกลับรับรู้ได้อย่างชัดเจน
“สหายคิดว่าพูดเช่นนี้แล้ว ข้าจะตอบตกลงงั้นหรือ?” หญิงแซ่เซียวได้ยินเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาทันที
“เรื่องนี้มิได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหอท่านแล้ว ในเมื่ออารามเราเป็นเบื้องบนของนิกายวิหคสวรรค์ ย่อมต้องช่วยพวกเขาเรียกร้องความยุติธรรม หรือสหายคิดว่าทางอารามเราจะยอมรับเรื่องนี้โดยปริยายหรือ?” แม่ชีกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ สำนวนการพูดคมกริบมาก
หญิงแซ่เซียวมีสีหน้าเปลี่ยนไปมาอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และไม่อาจกล่าวปฏิเสธออกมาได้จริงๆ ทันใดนั้น นางก็หันไปถามนักพรตใบหน้าซึมกระทือด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
“สหายสือ ท่านมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้?”
“ข้าไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ท่านเซียนเซียวตัดสินใจได้เลย” นักพรตวัยกลางคนแสดงสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย แต่กลับกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
“เจ้าเฒ่าจิ้งจอกนี่!” พอหญิงเซียวได้ยินก็แอบตำหนิอยู่ในใจ
คำพูดลอยๆ ของฝ่ายตรงข้ามก็เท่ากับว่าให้นางเผชิญหน้ากับความกดดันของอารามชิงสุ่ยเพียงผู้เดียว
ถ้าจะให้ทางด้านแม่ชีเข้าร่วมเดิมพันการต่อสู้ ก็จะมีศัตรูแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง ในใจนางย่อมรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ทุกท่านวางใจได้ เพียงแค่นิกายวิหคสวรรค์ได้เข้าร่วมเดิมพันการต่อสู้ในครั้งนี้ ข้าจะสาบานในนามของอารามชิงสุ่ยว่า ไม่ว่าผลลัพธ์การต่อสู้จะออกมาเป็นรูปแบบใด ก็จะไม่มีข้อคัดค้านใดๆ นอกจากนี้เพื่อความยุติธรรม สหายหยวนของนิกายวิหคสวรรค์ก็ยอมใช้พื้นที่หนึ่งในสามเป็นของเดิมพันการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วย” แม่ชีกล่าวอย่างราบเรียบ
“ไม่ผิด! เป็นอย่างที่ซือไท่พูด หากพวกท่านทั้งสองมีความมั่นใจจริงๆ ก็ลองเอาเกาะเปล่าเปลี่ยวสองสามแห่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของนิกายวิหคสวรรค์ของเราไปให้ได้สิ” ชายจมูกเหยี่ยวหัวเราะก่อนกล่าวออกมา
“ในเมื่อซือไท่พูดเช่นนี้ หากข้าไม่ยินยอมก็คงถูกหาว่าเป็นคนเลวแล้ว” หญิงแซ่เซียวเงียบไปพักใหญ่ๆ จากนั้นก็กัดฟันตอบรับในที่สุด
นักพรตสือแห่งอารามจื่อเซียวกลับไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด และก็พยักหน้าตอบรับอย่างเงียบๆ
แม้เฟิงจ้านกับตู๋กูอวี้จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึกเช่นกัน แต่ต่อหน้าหนึ่งในสิบนิกายขนาดใหญ่ของทะเลหนานไห่ กลับไม่สามารถแทรกแซงการตัดสินใจในครั้งนี้ได้เลยแม้แต่น้อย แต่กลับมองหน้ากันด้วยความเห็นอกเห็นใจ
หลังจากแม่ชีกับหญิงแซ่เซียวและคนอื่นๆ เจรจาต่อรองกันเรียบร้อยแล้ว ก็ตัดสินการต่อสู้จากสองฝ่ายให้เป็นสามฝ่าย และหมุนเวียนกันต่อสู้
“สหายหยวน ไม่ทราบว่านิกายวิหคสวรรค์ส่งผู้ใดเข้าร่วมเดิมพันการต่อสู้?” เฟิงจ้านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายจมูกเหยี่ยวหัวเราะแล้วพลันโบกมือไปยังวิหคยักษ์ที่ลอยอยู่ด้านบน จากนั้นศิษย์ชายหญิงที่สวมชุดนิกายวิหคสวรรค์จำนวนสิบกว่าคน ก็ค่อยๆ เหาะลงมาด้านล่าง และผู้ที่ร่วมการประลองเป็นหนึ่งหญิงกับสองชาย
ชายหนึ่งในนั้นเป็นชายฉกรรจ์ผมแดงที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ส่วนอีกคนกลับผอมแห้งราวกับท่อนไม้ หน้าตาอัปลักษณ์มาก
ส่วนหญิงสาวกลับสวมชุดสีฟ้า ใบหน้างดงาม ดวงตาทั้งคู่ใสแจ๋วไร้ตำหนิ
พอหลิ่วหมิงกับซินหยวนเห็นใบหน้าของหญิงสาวชุดสีฟ้าอย่างชัดเจน ต่างก็รู้สึกตกตะลึงในทันที
หญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่ใครอื่นใด นางคือเจียหลานที่พลัดจากกันหลังจากออกจากจุดตัดมิตินั่นเอง!
ไม่เจอกันหลายเดือน รูปร่างหน้าตาของนางไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่เสน่ห์บนตัวนางดูเหมือนจะจางลงไปเล็กน้อย แต่กลับดูเป็นสาวน้อยบริสุทธิ์ เพียงแต่ดวงตาแวววาวทั้งคู่ ยังคงแผ่พลังยั่วยวนที่ทำให้คนไม่อาจปฏิเสธได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา