อักขระสันสฤตสีทองจำนวนมากพุ่งออกจากลูกประคำ พริบตาเดียวก็รวมตัวเป็นค่ายกลสีทองหลังหนึ่ง และขังเว่ยจ้งไว้ในนั้น
ท่ามกลางเสียงร่ายคาถาที่เสียงดังเป็นระยะๆ เว่ยจ้งรู้สึกหนักศีรษะขึ้นมา ยันต์สีเหลืองในศีรษะค่อยๆ สั่นสะท้าน และแตกกระจายออกมา
“อ๊าก!”
ทะเลจิตรับรู้ของเว่ยจ้งหนักอึ้งลง ภาพมายาที่พยายามระงับไว้ประทุออกมา พริบตาเดียวก็ราวกับตกลงไปในความฝัน สิ่งที่มองเห็นล้วนเป็นภาพมายาของเจียหลาน นางมีท่าทีแตกต่างกันไป บ้างก็ก้มหน้าครุ่นคิด บ้างก็ขมวดคิ้วด้วยความโมโห บ้างก็ยิ้มออกมา
ภาพมายาแต่ละแบบล้วนดึงดูดใจเป็นอย่างมาก ทำให้รู้สึกอดที่จะสงสารไม่ได้ ธงในมือเว่ยจ้งตกลงพื้นทันที ดวงตาค่อยๆ ซึมกระทือ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด จนดูเหมือนจะเปลี่ยนไปตามภาพมายาเหล่านี้ ซึ่งบางทีก็หัวเราะบางทีก็ร้องไห้
เจียหลานมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา นิ้วเรียวยาวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับล้อรถ บวกกับอานุภาพของวิชาละเมอฝัน ทำให้สีหน้าของเว่ยจ้งยิ่งดูดิ้นรนมากขึ้น
“เจ้า……ผู้หญิงอย่างเจ้า……อย่าได้ดีใจจนเหลิง…..อ๊าก!”
ใบหน้าเว่ยจ้งบิดเบี้ยวและเปลี่ยนสีหน้าไปมา หลังจากส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับอสูรแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ใบหน้าอัปลักษณ์อย่างถึงขีดสุด
เขาตัดสินใจกัดลิ้นและพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา จากนั้นดวงตาของเขาดูมีสติสัมปชัญญะในที่สุด เขาถือโอกาสนี้ทำท่ามืออย่างรวดเร็ว แสงสีแดงเปล่งประกายออกมาทั่วตัว มันหมุนวนอย่างบ้าระห่ำและค่อยๆ กลายเป็นระลอกคลื่นสีแดง ทำให้ไอร้อนในหุบเขาเปลวเพลิงค่อยๆ มารวมตัวกันที่ร่างของเขา และอุณหภูมิก็สูงขึ้นมาเป็นอย่างมาก
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ระลอกคลื่นที่ล้อมตัวเว่ยจ้งขยายใหญ่ขึ้นมาหลายเท่า พริบตาเดียวมันก็ระเบิดออกมาเป็นอัคคีจิตวิญญาณสองลูกที่มีขนาดใหญ่จั้งกว่าๆ
มองดูไกลๆ อัคคีจิตวิญญาณมีรูปร่างคล้ายคน ร่างของมันก่อตัวจากเปลวเพลิงที่คุโชน เผยให้เห็นแค่ใบหน้าอัปลักษณ์สีดำราวกับถ่าน ขณะที่มันคว้ากรงเล็บแหลมคมไปในอากาศ ก็ก่อเกิดสะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่วทิศ อานุภาพแข็งแกร่งกว่าหงส์เพลิงในก่อนหน้าไม่น้อย
ขณะที่ผู้คนที่รายล้อมรับรู้ถึงความร้อนผิดปกติที่ถาโถมเข้ามานั้น พวกเขาต่างก็พากันถอยออกไปเล็กน้อย
เฟิงจ้านเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจมากขึ้นกว่าเดิม
คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ในใจเขากลับรู้ดีว่าวิชาที่เว่ยจ้งแสดงออกมานี้ คือวิชารวมวิญญาณที่เป็นวิชาเฉพาะของนิกายห้าวิญญาณ
พออัคคีจิตวิญญาณทั้งสองลูกปรากฏออกมา มันก็ใช้กรงเล็บแหลมคมโจมตีค่ายกลสีทองอยู่ไม่หยุด เปลวไฟสีแดงดำปะทะกับม่านแสงสีทองอย่างต่อเนื่อง ทำให้แสงสีทองสั่นสะเทือน
และเว่ยจ้งที่อยู่ตรงกลางก็กระตุ้นพลังอย่างบ้าคลั่ง เพื่อทำลายค่ายกลให้ได้ก่อนที่จิตรับรู้จะจมดิ่งลงไป
พอเจียหลานเห็นเช่นนี้ แสงสีม่วงในดวงตาก็ไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย อักขระสันสกฤตพุ่งยิงออกจากปลายนิ้ว และจมหายไปในค่ายกลสีทองอย่างต่อเนื่อง
เว่ยจ้งกระตุ้นอัคคีจิตวิญญาณโจมตีค่ายกล ในขณะเดียวกัน ก็แบกรับกับการกัดเซาะของวิชาละเมอฝันไปด้วย พลังเวทส่วนใหญ่นำมาต้านทานภาพมายาในทะเลจิตรับรู้ แต่เขารู้ดีว่าไม่อาจต้านทานได้นาน จึงกัดฟันในทันที พอเปลี่ยนท่ามือ เขาก็คำรามเสียงออกมา จากนั้นอัคคีจิตวิญญาณทั้งสองกลุ่มพุ่งกลับมาหาเขาทันที
ภายใต้การปะทะกับแสงสีแดงดำ ร่างของเว่ยจ้งก็ลุกไหม้ขึ้นมา “พรึ่บ!” เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ เปลวไฟก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นเปลวไฟสีดำอันคุโชน และร่างของเว่ยจ้งก็ค่อยๆ พร่ามัวท่ามกลางแสงอัคคี และขยายใหญ่ขึ้นมา
ครู่ต่อมา อัคคีจิตวิญญาณขนาดยักษ์ที่สูงหลายจั้งก็ปรากฏตัวท่ามกลางค่ายกล แต่ทว่าใบหน้าของมันเปลี่ยนเป็นใบหน้าของเว่ยจ้ง
“นี่คือเคล็ดวิชาอะไร?” ซินหยวนอุทานออกมาเบาๆ ด้วยสีหน้าหวาดกลัว
เว่ยจ้งในสภาพนี้มีกลิ่นไอแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านั้นเกือบครึ่งหนึ่ง และเข้าใกล้ระดับผลึกแล้ว
หลิ่วหมิงทอดถอนใจด้วยตาที่เป็นประกาย
ดินแดนผู้ฝึกฝนในแผ่นดินจงเทียนคาดเดาได้ยากนัก ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาหรือพลังล้วนเหนือความคาดหมายเขาไปมาก แม้แต่เขาก็รู้สึกเลื่อมใสอย่างอดไม่ได้
ขณะนี้ อัคคีจิตวิญญาณสีดำได้ม้วนตัวเปลวไฟสีดำปกคลุมเต็มท้องฟ้า และกลายเป็นเงาสีดำพุ่งไปยังมุมหนึ่งของค่ายกล
“ตู๊ม!” เสียงดังโครมครามราวกับฟ้าถล่มดินทะลาย
สะเก็ดไฟสีดำผสมผสานกับแสงสีทองกระเด็นไปทั่วทิศ!
ค่ายกลสีทองถูกอัคคีจิตวิญญาณสีดำชกกำปั้นใส่จนสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง แม้ค่ายกลนี้จะต้านทานการโจมตีของเว่ยจ้งได้ แต่กลับไม่สงบเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว
อัคคีจิตวิญญาณที่เว่ยจ้งกลายร่างมาเห็นเช่นนี้ ก็ส่งเสียงคำรามอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นแขนขนาดใหญ่ที่มีเปลวไฟสีดำล้อมรอบก็โจมตีม่านแสงสีทองอีกครั้ง
เจียหลานเห็นเช่นนี้ ดวงตาของนางก็เผยแววประหลาดใจเล็กน้อย พอสะบัดข้อมือก็หยิบปลาไม้[1]ขนาดเล็กออกมาหนึ่งอัน จากนั้นก็กระตุ้นพลังเวทขึ้นมา
มีเสียงดัง “หวึ่ง! ออกมาจากปลาไม้ช้าๆ
เสียงนี้ราวกับดังอยู่ในหุบเขาอันวิเวกวังเวง ทำอัคคีสีดำใจเต้นขึ้นมา และยกแขนช้าลง
เสียงปลาไม้ดังกังวานติดต่อกัน บวกกับเสียงภาษาสันสกฤตในค่ายกลสีทองก็กระชั้นชิดขึ้น แม้อัคคีจิตวิญญาณสีดำจะลองยกแขนต่อต้านอยู่สองสามครั้ง แต่ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมต่างก็มองออกว่า เปลวไฟบนตัวเขาดูเหมือนจะมืดลง เสียงคำรามก็ค่อยๆ ถูกเสียงภาษาสันสกฤตในค่ายกลกลบไปจนหมด
ชั่วเวลาครึ่งถ้วยชาผ่านไป ในที่สุดเว่ยจ้งก็ไม่สามารถรักษาสภาพของอัคคีจิตวิญญาณไว้ได้อีก เปลวไฟสีดำรอบตัวกระจายออกไป ร่างของเขากลับคืนสภาพเดิมและล้มลงไป จากนั้นก็สลบไสลไม่ได้สติ
การต่อสู้ครั้งนี้เจียหลานเป็นฝ่ายชนะ
“การต่อสู้คู่ที่สอง นิกายวิหคสวรรค์ชนะ” แม่ชีเมี่ยวซินเห็นเช่นนี้ ก็ประกาศออกมาด้วยความดีใจ
“ฟิ้วๆ!”
คมวายุสีเขียวสิบกว่าสายพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง
“วิชาคมวายุขั้นสมบูรณ์แบบ” สำหรับหลิ่วหมิงแล้ว กระบวนท่านี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ในขณะที่อยู่ระดับศิษย์จิตวิญญาณก็ฝึกฝนวิชานี้จนถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว เขารู้ถึงลักษณะพิเศษการโจมตีของมันดี
พอร่างของหลิ่วหมิงพร่ามัว คมวายุสิบกว่าสายก็พุ่งทะลุร่างเขาไป
หลังจากเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว หลิ่วหมิงก็มาปรากฏตัวที่เดิมอีกครั้ง
พอเห็นฝ่ายตรงข้ามหลบคมวายุได้อย่างง่ายดาย ชายผอมสูงก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย แต่พอโบกแขนเสื้อ คมวายุสีเขียวเจ็ดแปดสายก็รวมตัวกันตรงหน้า จากนั้นก็พลิกมือหยิบพัดขนนกสีเขียวออกมา
บนพัดขนนกมีแสงสีเขียวเปล่งประกาย พอโบกมันออกไป คมวายุตรงหน้าก็ดูหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย!
พัดขนนกนี้เป็นอาวุธจิตวิญญาณที่ช่วยเสริมพลังของคมวายุได้!
ชายผอมสูงกระโดดขึ้นกลางอากาศ พัดขนนกในมือถูกพัดออกไปท่ามกลางแสงสีเขียวที่หมุนวน พอแสงสีเขียวเจิดจ้ากระพริบผ่านไป เขาก็กลายเป็นเงาร่างสิบกว่าเงาที่ดูเหมือนกันไม่มีผิด
ร่างของเขาเคลื่อนย้ายไปยังคมวายุสีเขียวที่อยู่กลางอากาศ พริบตาเดียวก็กลายเป็นคมวายุหลายร้อยสายที่มีขนาดยาวฉื่อกว่าๆ และเปล่งประกายอยู่กลางอากาศ
ชั่วขณะนั้น อากาศตรงหน้าหลิ่วหมิงถูกเงาร่างสิบกว่าเงากับคมวายุของฝ่ายตรงข้ามปกคลุมไว้อย่างแน่นหนา
ครู่ต่อมา จะเห็นว่าเงาร่างสิบกว่าเงาของชายผอมสูงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างเยือกเย็น พอโบกพัดขนนกในมือ คมวายุจำนวนมากก็พุ่งยิงมาหาหลิ่วหมิง
หากถูกการโจมตีจากวิชาอื่น หลิ่วหมิงอาจจะมือไม้วุ่นวายไปหมดก็ได้ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับยังคงใช้วิชาคมวายุที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก สิ่งนี้ตรงกับความต้องการของเขาพอดี
หลิ่วหมิงเผยรอยยิ้มออกมา พอปล่อยพลังจิตอันแข็งแกร่งออกไป ก็มองเห็นตำแหน่งของคมวายุกับเงาร่างของฝ่ายตรงข้ามที่ผสมปนเปกันเข้ามาอย่างชัดเจน
ทันใดนั้น แสงสีดำก็เปล่งประกายบนมือทั้งสอง แต่ละข้างต่างก็ถือมุกพลังวารีไว้ พอเขาบิดตัวอย่างเหลือชื่อ ร่างของเขาก็มาปรากฏตัวตรงหน้าหนึ่งในเงาร่างของชายผอมสูงราวกับปีศาจ
…………………………………
[1] ปลาไม้ คือ อุปกรณ์เคาะเสียงดังที่พระ แม่ชี ใช้เคาะในขณะที่ทำการสวดมนต์

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา