ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 456

ตอนที่ 456 วิชารวมจิตวิญญาณ
โดย
Ink Stone_Fantasy
จากนั้นเสียงร่ายคาถาทุ้มต่ำก็ดังออกมาจากปากเจียหลาน

อักขระสันสฤตสีทองจำนวนมากพุ่งออกจากลูกประคำ พริบตาเดียวก็รวมตัวเป็นค่ายกลสีทองหลังหนึ่ง และขังเว่ยจ้งไว้ในนั้น

ท่ามกลางเสียงร่ายคาถาที่เสียงดังเป็นระยะๆ เว่ยจ้งรู้สึกหนักศีรษะขึ้นมา ยันต์สีเหลืองในศีรษะค่อยๆ สั่นสะท้าน และแตกกระจายออกมา

“อ๊าก!”

ทะเลจิตรับรู้ของเว่ยจ้งหนักอึ้งลง ภาพมายาที่พยายามระงับไว้ประทุออกมา พริบตาเดียวก็ราวกับตกลงไปในความฝัน สิ่งที่มองเห็นล้วนเป็นภาพมายาของเจียหลาน นางมีท่าทีแตกต่างกันไป บ้างก็ก้มหน้าครุ่นคิด บ้างก็ขมวดคิ้วด้วยความโมโห บ้างก็ยิ้มออกมา

ภาพมายาแต่ละแบบล้วนดึงดูดใจเป็นอย่างมาก ทำให้รู้สึกอดที่จะสงสารไม่ได้ ธงในมือเว่ยจ้งตกลงพื้นทันที ดวงตาค่อยๆ ซึมกระทือ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด จนดูเหมือนจะเปลี่ยนไปตามภาพมายาเหล่านี้ ซึ่งบางทีก็หัวเราะบางทีก็ร้องไห้

เจียหลานมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา นิ้วเรียวยาวเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับล้อรถ บวกกับอานุภาพของวิชาละเมอฝัน ทำให้สีหน้าของเว่ยจ้งยิ่งดูดิ้นรนมากขึ้น

“เจ้า……ผู้หญิงอย่างเจ้า……อย่าได้ดีใจจนเหลิง…..อ๊าก!”

ใบหน้าเว่ยจ้งบิดเบี้ยวและเปลี่ยนสีหน้าไปมา หลังจากส่งเสียงร้องโหยหวนราวกับอสูรแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นมาทันที ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ ใบหน้าอัปลักษณ์อย่างถึงขีดสุด

เขาตัดสินใจกัดลิ้นและพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมา จากนั้นดวงตาของเขาดูมีสติสัมปชัญญะในที่สุด เขาถือโอกาสนี้ทำท่ามืออย่างรวดเร็ว แสงสีแดงเปล่งประกายออกมาทั่วตัว มันหมุนวนอย่างบ้าระห่ำและค่อยๆ กลายเป็นระลอกคลื่นสีแดง ทำให้ไอร้อนในหุบเขาเปลวเพลิงค่อยๆ มารวมตัวกันที่ร่างของเขา และอุณหภูมิก็สูงขึ้นมาเป็นอย่างมาก

ผ่านไปไม่กี่อึดใจ ระลอกคลื่นที่ล้อมตัวเว่ยจ้งขยายใหญ่ขึ้นมาหลายเท่า พริบตาเดียวมันก็ระเบิดออกมาเป็นอัคคีจิตวิญญาณสองลูกที่มีขนาดใหญ่จั้งกว่าๆ

มองดูไกลๆ อัคคีจิตวิญญาณมีรูปร่างคล้ายคน ร่างของมันก่อตัวจากเปลวเพลิงที่คุโชน เผยให้เห็นแค่ใบหน้าอัปลักษณ์สีดำราวกับถ่าน ขณะที่มันคว้ากรงเล็บแหลมคมไปในอากาศ ก็ก่อเกิดสะเก็ดไฟกระเด็นไปทั่วทิศ อานุภาพแข็งแกร่งกว่าหงส์เพลิงในก่อนหน้าไม่น้อย

ขณะที่ผู้คนที่รายล้อมรับรู้ถึงความร้อนผิดปกติที่ถาโถมเข้ามานั้น พวกเขาต่างก็พากันถอยออกไปเล็กน้อย

เฟิงจ้านเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกดีใจมากขึ้นกว่าเดิม

คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่ในใจเขากลับรู้ดีว่าวิชาที่เว่ยจ้งแสดงออกมานี้ คือวิชารวมวิญญาณที่เป็นวิชาเฉพาะของนิกายห้าวิญญาณ

พออัคคีจิตวิญญาณทั้งสองลูกปรากฏออกมา มันก็ใช้กรงเล็บแหลมคมโจมตีค่ายกลสีทองอยู่ไม่หยุด เปลวไฟสีแดงดำปะทะกับม่านแสงสีทองอย่างต่อเนื่อง ทำให้แสงสีทองสั่นสะเทือน

และเว่ยจ้งที่อยู่ตรงกลางก็กระตุ้นพลังอย่างบ้าคลั่ง เพื่อทำลายค่ายกลให้ได้ก่อนที่จิตรับรู้จะจมดิ่งลงไป

พอเจียหลานเห็นเช่นนี้ แสงสีม่วงในดวงตาก็ไม่ได้ลดลงไปแม้แต่น้อย อักขระสันสกฤตพุ่งยิงออกจากปลายนิ้ว และจมหายไปในค่ายกลสีทองอย่างต่อเนื่อง

เว่ยจ้งกระตุ้นอัคคีจิตวิญญาณโจมตีค่ายกล ในขณะเดียวกัน ก็แบกรับกับการกัดเซาะของวิชาละเมอฝันไปด้วย พลังเวทส่วนใหญ่นำมาต้านทานภาพมายาในทะเลจิตรับรู้ แต่เขารู้ดีว่าไม่อาจต้านทานได้นาน จึงกัดฟันในทันที พอเปลี่ยนท่ามือ เขาก็คำรามเสียงออกมา จากนั้นอัคคีจิตวิญญาณทั้งสองกลุ่มพุ่งกลับมาหาเขาทันที

ภายใต้การปะทะกับแสงสีแดงดำ ร่างของเว่ยจ้งก็ลุกไหม้ขึ้นมา “พรึ่บ!” เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ เปลวไฟก็เปลี่ยนจากสีแดงเป็นเปลวไฟสีดำอันคุโชน และร่างของเว่ยจ้งก็ค่อยๆ พร่ามัวท่ามกลางแสงอัคคี และขยายใหญ่ขึ้นมา

ครู่ต่อมา อัคคีจิตวิญญาณขนาดยักษ์ที่สูงหลายจั้งก็ปรากฏตัวท่ามกลางค่ายกล แต่ทว่าใบหน้าของมันเปลี่ยนเป็นใบหน้าของเว่ยจ้ง

“นี่คือเคล็ดวิชาอะไร?” ซินหยวนอุทานออกมาเบาๆ ด้วยสีหน้าหวาดกลัว

เว่ยจ้งในสภาพนี้มีกลิ่นไอแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านั้นเกือบครึ่งหนึ่ง และเข้าใกล้ระดับผลึกแล้ว

หลิ่วหมิงทอดถอนใจด้วยตาที่เป็นประกาย

ดินแดนผู้ฝึกฝนในแผ่นดินจงเทียนคาดเดาได้ยากนัก ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาหรือพลังล้วนเหนือความคาดหมายเขาไปมาก แม้แต่เขาก็รู้สึกเลื่อมใสอย่างอดไม่ได้

ขณะนี้ อัคคีจิตวิญญาณสีดำได้ม้วนตัวเปลวไฟสีดำปกคลุมเต็มท้องฟ้า และกลายเป็นเงาสีดำพุ่งไปยังมุมหนึ่งของค่ายกล

“ตู๊ม!” เสียงดังโครมครามราวกับฟ้าถล่มดินทะลาย

สะเก็ดไฟสีดำผสมผสานกับแสงสีทองกระเด็นไปทั่วทิศ!

ค่ายกลสีทองถูกอัคคีจิตวิญญาณสีดำชกกำปั้นใส่จนสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง แม้ค่ายกลนี้จะต้านทานการโจมตีของเว่ยจ้งได้ แต่กลับไม่สงบเหมือนก่อนหน้านั้นแล้ว

อัคคีจิตวิญญาณที่เว่ยจ้งกลายร่างมาเห็นเช่นนี้ ก็ส่งเสียงคำรามอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นแขนขนาดใหญ่ที่มีเปลวไฟสีดำล้อมรอบก็โจมตีม่านแสงสีทองอีกครั้ง

เจียหลานเห็นเช่นนี้ ดวงตาของนางก็เผยแววประหลาดใจเล็กน้อย พอสะบัดข้อมือก็หยิบปลาไม้[1]ขนาดเล็กออกมาหนึ่งอัน จากนั้นก็กระตุ้นพลังเวทขึ้นมา

มีเสียงดัง “หวึ่ง! ออกมาจากปลาไม้ช้าๆ

เสียงนี้ราวกับดังอยู่ในหุบเขาอันวิเวกวังเวง ทำอัคคีสีดำใจเต้นขึ้นมา และยกแขนช้าลง

เสียงปลาไม้ดังกังวานติดต่อกัน บวกกับเสียงภาษาสันสกฤตในค่ายกลสีทองก็กระชั้นชิดขึ้น แม้อัคคีจิตวิญญาณสีดำจะลองยกแขนต่อต้านอยู่สองสามครั้ง แต่ผู้ที่มีสายตาเฉียบแหลมต่างก็มองออกว่า เปลวไฟบนตัวเขาดูเหมือนจะมืดลง เสียงคำรามก็ค่อยๆ ถูกเสียงภาษาสันสกฤตในค่ายกลกลบไปจนหมด

ชั่วเวลาครึ่งถ้วยชาผ่านไป ในที่สุดเว่ยจ้งก็ไม่สามารถรักษาสภาพของอัคคีจิตวิญญาณไว้ได้อีก เปลวไฟสีดำรอบตัวกระจายออกไป ร่างของเขากลับคืนสภาพเดิมและล้มลงไป จากนั้นก็สลบไสลไม่ได้สติ

การต่อสู้ครั้งนี้เจียหลานเป็นฝ่ายชนะ

“การต่อสู้คู่ที่สอง นิกายวิหคสวรรค์ชนะ” แม่ชีเมี่ยวซินเห็นเช่นนี้ ก็ประกาศออกมาด้วยความดีใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา