ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 470

สรุปบท ตอนที่ 470: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนที่ 470 – ตอนที่ต้องอ่านของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา

ตอนนี้ของ ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 470 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 470 สาขาห่านฟ้า
ตอนที่ 470 สาขาห่านฟ้า
โดย
Ink Stone_Fantasy
“ศิษย์พี่เย่ เคยมีคนฝ่าด่านชั้นที่สามสิบหกจนกลายเป็นศิษย์สายในหรือไม่?” หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกตกตะลึง ต่อให้ตนเองจะฝึกฝนจนถึงระดับของเหลวขั้นปลาย แต่ก็มีโอกาสน้อยมากที่จะเอาชนะปีศาจอสูรพร้อมกันถึงสี่ตัวได้

“บอกศิษย์น้องหลิ่วอย่างไม่ปิดบัง ตามที่ข้าทราบมา ในระยะสิบกว่าปีมานี้ บรรดาศิษย์สายนอกของทั้งแปดสาขาใหญ่หลายหมื่นคน ที่สามารถฝ่าชั้นที่สามสิบหกจนกลายเป็นศิษย์สายในได้นั้น มีอยู่น้อยมาก นอกจากนี้ ประมุขนิกายยอดบริสุทธิ์ในขณะนี้ เมื่อหลายปีก่อนก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์การฝึกฝนที่หมื่นปีถึงพบเจอสักครั้ง เคยมีสถานะเป็นศิษย์สายตรงระดับแก่นแท้ อึดใจเดียวก็สามารถฝ่าไปถึงชั้นที่เจ็ดสิบสอง สุดท้ายก็เอาชนะการร่วมมือกันของราชาปีศาจทั้งหกที่อยู่ระดับแก่นแท้ขั้นปลายได้ ตอนนั้นเรื่องนี้เป็นที่ฮือฮากันมากในนิกาย ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการปูพื้นฐานสู่การเป็นประมุขนิกายยอดบริสุทธิ์อย่างราบรื่นในภายหลัง” เล่ามาถึงจุดนี้ เย่ถูก็มีสีหน้าเลื่อมใสเป็นอย่างมาก

หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ ก็พูดอะไรไม่ออกทันที

เจดีย์ซวีหลิงบุกยากเช่นนี้ หากคิดจะอาศัยวิถีทางนี้กลายเป็นศิษย์สายใน คงต้องวางแผนระยะยาวแล้ว

“ศิษย์น้องหลิ่ว ได้ยินมาว่าเจ้าเป็นผู้สืบทอดของศิษย์สายตรงในยอดเขาเมฆาเขียวเมื่อหลายพันปีก่อน ด้วยคุณสมบัติกับระดับการฝึกฝนของศิษย์น้อง ไม่ต้องพูดถึงการบุกเจดีย์ซวีหลิง ก็ยังมีความหวังในการเข้าสู่ระดับผลึกก่อนอายุห้าสิบไม่น้อย” เย่ถูเห็นหลิ่วหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึมเช่นนี้ ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

หลิ่วหมิงก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ

แม้คนผู้นี้จะพูดจ้อเป็นต่อยหอย แต่ก็ทำให้เขาได้ข้อมูลสำคัญมาไม่น้อย

ต่อมา หลิ่วหมิงก็ถามต่อจนทราบเรื่องเกี่ยวกับศิษย์สายในกับศิษย์สายตรง

ตามความคิดเห็นของนิกายยอดบริสุทธิ์ ศิษย์สายนอกที่ได้รับการคัดเลือกจากนิกายทั้งหมดกับศิษย์สายในจะถูกแบ่งไปสังกัดยอดเขาแต่ละลูก และศิษย์สายตรงก็จะเลือกมาจากศิษย์สายใน สถานะของพวกเขาจะไม่เหมือนกับศิษย์ทั่วไป และอยู่ในตำแหน่งเท่าเทียมกับผู้อาวุโสแต่ละยอดเขา และบรรดาผู้อาวุโสสาขาต่างๆ ส่วนประมุขนิกายยอดบริสุทธิ์ในอนาคต เจ้าวิหารสำคัญต่างๆ ก็จะเลือกจากศิษย์สายตรง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นสุดยอดในบรรดาสุดยอดด้วยกัน

พอนึกถึงปรมาจารย์ลิ่วยินแห่งนิกายปีศาจ ที่เคยดำรงตำแหน่งนี้ในนิกายยอดบริสุทธิ์แล้ว หลิ่วหมิงก็รู้สึกปลงอนิจจังอย่างอดไม่ได้

เย่ถูกระตุ้นรถเหาะพาหลิ่วหมิงไปสาขาห่านฟ้า ขณะเดียวกันก็ตอบข้อสงสัยของหลิ่วหมิงอย่างละเอียด

ครึ่งชั่วยามผ่านไป ทั้งสองก็มาถึงภายในหุบเขาขนาดใหญ่ ที่อยู่ท่ามกลางยอดเขาสูงต่ำขนาดต่างๆ ที่รายล้อมอยู่

ทางใต้ของหุบเขาเป็นยอดเขาค่อนข้างเล็กสองลูก มีไผ่เขียวปกคลุมเป็นจำนวนมาก บริเวณไหล่เขาก็มีหอสองสามหลังกับลานลหน้าห้องมุขแห่งหนึ่ง

ทางเหนือก็เป็นยอดเขาสูงตระหง่านเสียดฟ้าสามลูกที่เรียงติดๆ กัน บนนั้นมีหินยักษ์สีขาวเทากองระเกะระกะ และไม่มีสิ่งก่อสร้างใดๆ แลดูโล่งมาก

และตรงหน้ายอดเขาทางด้านตะวันออกที่ไม่เล็กไม่ใหญ่มากนัก จะเป็นวิหารใหญ่ที่สูงสิบกว่าจั้ง

วิหารแห่งนี้ สร้างจากหินอ่อนสีขาว เทียบกับหองานนอกแล้ว มันดูภูมิฐานกว่าเล็กน้อย

“ศิษย์น้องหลิ่ว ที่นี่ก็คือสาขาห่านฟ้า” เย่ถูชี้ไปยังวิหารใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าไกลๆ และกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยรอยยิ้ม

พอหลิ่วหมิงมองออกไป ก็ค้นพบว่าหินหยกสีขาวแผ่นหนึ่งที่แขวนอยู่นอกประตูวิหาร มีอักขระที่ดูทรงพลังสลักอยู่ “สาขาห่านฟ้า”

ครู่ต่อมา ทั้งสองก็นั่งรถเหาะร่อนลงหน้าวิหารใหญ่

“ศิษย์น้องหลิ่ว ข้ายังมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ ต้องขอตัวก่อน” หลังจากเย่ถูส่งหลิ่วหมิงมาถึงเป้าหมายแล้ว เขาก็กล่าวลาทันที

“ขอบคุณพี่เย่ที่มาส่ง ถนอมตัวด้วย” หลิ่วหมิงโค้งตัว และประสานมือคารวะชายชุดแดง

เย่ถูพยักหน้า จากนั้นก็หมุนตัวกระโดดขึ้นบนรถเหาะ และทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง

หลิ่วหมิงไม่ได้รีบร้อนเข้าไปในวิหาร แต่กลับสังเกตสิ่งก่อสร้างภายนอกอย่างละเอียดอีกครั้ง

ด้านข้างวิหารใหญ่มีหอสูงต่ำอยู่สองสามหลัง ด้านหลังเป็นบ้านไม้ทั้งแถบ ส่วนอีกด้านเป็นทางเดินคดเคี้ยวเล็กๆ สายหนึ่งที่มีต้นไม้ไม่ทราบชื่อขนาบอยู่ทั้งสองข้างทาง ไม่รู้ว่ามันมุ่งไปยังสถานที่ใด

แม้หลิ่วหมิงจะรู้แปลกใจเล็กน้อย แต่เนื่องจากมาที่นี่เป็นครั้งแรก จึงไม่กล้าเดินสะเปะสะปะ หลังจากลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็เดินเข้าไปในวิหารใหญ่

พอเขาเดินเข้าไปในวิหาร กลับถูกชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ขวางไว้

“เจ้าเป็นใคร มาสาขาห่านฟ้าทำไม?” ชายที่มีใบหน้าปูดโปนซักถามเขาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“ข้าเป็นศิษย์สายนอกที่มาใหม่ ตั้งใจมาคารวะหัวหน้าสาขา” หลิ่วหมิงมองชายผู้นี้ทีหนึ่ง จากนั้นก็ชูป้ายในมือและกล่าวด้วยสีหน้าสงบ

“ทำไมถึงรับคนในเวลานี้! เจ้ารอก่อน หัวหน้าสาขาไม่อยู่ ข้าจะไปรายงานรองหัวหน้า” ชายผู้นี้มองป้ายอย่างละเอียด และขมวดคิ้วกล่าว จากนั้นกันหมุนตัวก้าวยาวๆ เข้าไปด้านใน ไม่นานก็หายลับไปกับตา

“รบกวนแล้ว!” หลิวหมิงประสานมือคารวะเล็กน้อย จากนั้นก็สังเกตดูด้านในของวิหาร

เทียบกับความโอ่อ่าที่มองมาจากด้านนอกแล้ว ด้านในนี้มีความพิเศษกว่ามาก!

ในห้องโถงมีขนาดร้อยกว่าจั้ง บนเสาหินสีดำที่แบกรับน้ำหนักไว้ มีภาพมังกรสลักอยู่ และผนังบริเวณรอบๆ ก็ก่อขึ้นจากหินสีดำขนาดใหญ่ แต่บนพื้นผิวมีลวดลายไม่ทราบชื่อประทับอยู่ คิดว่าคงถูกวางชั้นจำกัดไว้ไม่น้อย บนผนังมีผลึกหินฝังอยู่จำนวนหนึ่ง มันส่องแสงจนภายในสว่างไสว

ภายในห้องโถงจัดอย่างเรียบร้อยด้วยโต๊ะและเก้าอี้ไม้สีเขียวแก่สองแถว และตรงท้ายสุดของห้องโถง ดูเหมือนว่าจะมีศิษย์สองสามคนกำลังกระซิบกระซาบอะไรกันอยู่

เนื่องจากอยู่ไกลกันเล็กน้อย หลิ่วหมิงจึงได้ยินไม่ชัดเจนว่าพวกเขากำลังพูดคุยอะไรกันอยู่ จึงได้แต่ยืนรอตรงประตูอย่างเงียบๆ

เวลาผ่านไปราวๆ หนึ่งถ้วยชา มีชายวัยกลางคนเดินออกมาจากส่วนลึกของห้องโถง ชายผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีขาว ปลายคิ้วเฉียงขึ้นด้านบน ประจักษ์ชัดว่าเป็นคนที่น่าเกรงขามมาก และด้านหลังของเขาก็มีชายหนุ่มรูปโฉมงดงาม ที่ดูอ่อนแอเดินตามมาด้วยคนหนึ่ง

เทียบกับเขาเก้าทารกของนิกายปีศาจในปีนั้นแล้ว มันแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเลยทีเดียว

“ศิษย์น้องหลิ่ว ศิษย์สาขาห่านฟ้าของเราส่วนใหญ่สร้างถ้ำที่พักบนยอดเขาสามลูกที่อยู่บนชีพจรจิตวิญญาณพอดี ที่นี่ปราณจิตวิญญาณหนาแน่น แต่เมื่อเทียบสถานที่ที่ปราณจิตวิญญาณหนาแน่นที่สุด กับสถานที่ที่มีปราณจิตวิญญาณเบาบางที่สุด มันแตกต่างกันแค่สองถึงสามเท่าขึ้นไปเท่านั้น” อวี๋ซิ่นชี้ไปยังชีพจรจิตวิญญาณด้านล่างแล้วค่อยๆ กล่าวออกมา

“ไม่ทราบศิษย์พี่อวี๋รู้ไหมว่า สถานที่แห่งใดมีปราณจิตวิญญาณหนาแน่นบ้าง?” หลิ่วหมิงได้ยินก็รู้สึกใจเย็นสะท้าน เดิมทีคิดว่าทั่วทั้งชีพจรจิตวิญญาณนี้ ต่อให้จะมีความแตกต่างกันบ้าง มันก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่นี่แตกต่างกันสองถึงสามเท่าขึ้นไป มันกลับเหนือความคาดหมายของเขายิ่งนัก

“โดยพื้นฐานแล้ว สถานที่ที่มีปราณจิตวิญญาณหนาแน่น ต่างก็ถูกบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องครอบครองหมดแล้ว แต่มีถ้ำหลายแห่งที่ตอนนี้ว่างอยู่ ซึ่งเกิดจากการที่ศิษย์จำนวนหนึ่งกลายเป็นศิษย์สายใน แต่ว่า……” อวี๋ซิ่นหยุดชะงักเล็กน้อย

“ศิษย์น้องเพิ่งมาเป็นครั้งแรก ศิษย์พี่มีอะไรก็พูดมาได้เลย” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็พอจะคาดเดาอะไรได้อยู่ลางๆ แต่ยังคงกล่าวอย่างนอบน้อม

“ดูท่าศิษย์น้องก็เป็นคนเปิดเผยเหมือนกัน ถ้ำหลายแห่งนี้ เดิมทีหัวหน้าสาขาเตรียมไว้เป็นรางวัลสำหรับการประลองเล็กในครั้งหน้า แม้ภายหลังอาจจะจัดสรรกันใหม่อีกครั้ง แต่ศิษย์น้องสามารถพักอยู่ชั่วคราวได้เป็นเวลาสองปี แต่ว่า……” อวี๋ซิ่นหัวเราะออกมาอีกครั้ง

ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามเอ่ยปากออกมาแล้ว หลิ่วหมิงย่อมรู้แก่ใจดี เขาจึงหยิบถุงหินจิตวิญญาณออกมาให้อวี๋ซิ่นถุงหนึ่ง ซึ่งเป็นหินจิตวิญญาณที่หองานนอกมอบให้ มีหินจิตวิญญาณอยู่ในนั้นราวๆ สี่ห้าหมื่น

สำหรับเขาแล้ว เวลาในการฝึกฝนค่อนข้างกระชั้นชิดมาก และในขณะนี้เขาก็มีสมบัติค่อนข้างเยอะ หากสามารถใช้หินจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งแลกกับถ้ำที่มีปราณจิตวิญญาณหนาแน่นกว่าสองสามเท่าล่ะก็ ถึงแม้จะเป็นเวลาไม่นาน แต่ก็เป็นข้อตกลงที่ดี

อวี๋ซิ่นรับหินจิตวิญญาณอย่างไม่เกรงใจ หลังจากใช้จิตกวาดดูแล้ว ก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ศิษย์น้องหลิ่วปราดเปรื่องยิ่งนัก ข้าจะพาเจ้าไปดูถ้ำที่พักเดี๋ยวนี้”

ขณะที่พูดอวี๋ซิ่นก็ทำท่ามือไปด้วย แสงสีเขียวบนตัวอินทรียักษ์สว่างขึ้นกว่าเดิม จากนั้นก็ร่อนลงบนยอดเขาที่อยู่ตรงกลาง

ไม่นานทั้งสองก็มาถึงบนยอดเขาลูกเล็กๆ และกระโดดลงไป

พออวี๋ซิ่นโบกมือข้างหนึ่ง อินทรียักษ์สีเขียวก็กลายเป็นควันสีเขียวพุ่งกลับเข้าไปในแขนเสื้อ

“ศิษย์น้องหลิ่ว ถ้ำแห่งนี้เดิมทีเป็นของศิษย์พี่อู๋ ครึ่งปีก่อนศิษย์พี่เขาทะลวงเข้าสู่ระดับผลึก และกลายเป็นศิษย์สายในได้ หลังจากศิษย์พี่อู๋ย้ายออกไป ที่นี่ก็ว่างมาโดยตลอด ศิษย์น้องจงส่งพลังเวทเข้าไปในป้าย และประทับชื่อตนเองไว้บนถ้ำแห่งนี้” อวี๋ซิ่นอธิบายกับหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงได้ยินก็หยิบป้ายบนเอวออกมา พอปล่อยพลังเวทใส่เล็กน้อย ลำแสงสีแดงก็พุ่งออกมา และปะทะลงบนประตูหินของถ้ำ

บนประตูหินมีลวดลายสีดำประทับอยู่แน่นหนา หลังจากลำแสงจมหายเข้าไป มันก็เปล่งแสงสีแดงออกมา และพอมีเสียงดัง “ครืดคราด!” ประตูหินก็ค่อยๆ เปิดออกมา

…………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา