ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา นิยาย บท 471

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 471 วิหารห้าธาตุ
ตอนที่ 471 วิหารห้าธาตุ
โดย
Ink Stone_Fantasy
พอหลิ่วหมิงรับรู้ได้ว่ามีปราณจิตวิญญาณหนาแน่นปะทะเข้ามา ก็รู้สึกดีใจมาก แม้จะสูญเสียหินจิตวิญญาณไปเล็กน้อย แต่ก็ดูเหมือนจะคุ้มค่าแล้ว

พอเขากวาดจิตดู ก็ค้นพบว่าในถ้ำมีห้องอยู่หลายห้อง และด้านในก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เขาจึงพยักหน้าด้วยความพอใจ

“ศิษย์น้องหลิ่ว จากนี้ไปถ้ำแห่งนี้ก็เป็นของเจ้าแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ ข้าจะช่วยจัดการให้เรียบร้อย หากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน” อวี๋ซิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“รบกวนศิษย์พี่อวี๋แล้ว” หลิ่วหมิงประสานมือคารวะศิษย์พี่ผู้นี้

“หากศิษย์น้องมีเรื่องลำบากอะไร ก็สามารถไปหาข้าได้” อวี๋ซิ่นกล่าวจบก็โบกแขนเสื้อ จากนั้นอินทรียักษ์ก็ทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง

หลิ่วหมิงหรี่ตามองอินทรียักษ์ที่บินออกไปไกลๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถึงหันตัวเดินกลับเข้าไปในถ้ำ พอโบกมือข้างหนึ่ง ประตูหินก็ส่งเสียงดัง “ครืดคราด!” และค่อยๆ ปิดตัวลง

ถ้ำแห่งนี้มีที้งหมดสี่ห้อง ห้องแรกเป็นห้องโถงที่กว้างห้าหกจั้ง และสูงสามจั้ง มีโต๊ะเก้าอี้หินจัดวางอย่างง่ายๆ

ห้องทางซ้ายคงเป็นห้องหลอมวุธ หลิ่วหมิงจำลวดลายเปลวไฟจำนวนหนึ่งที่สลักอยู่บนผนังได้ มันเหมือนกับที่ประทับอยู่บนประถ้ำของหวงเจินไม่มีผิด คิดว่าคงเป็นค่ายกลหรือชั้นจำกัดที่ช่วยเพิ่มพลังในการหลอมอาวุธ

ทางขวาของห้องโถงเป็นระเบียงหินที่ยาวหลายจั้ง ปลายสุดของระเบียงเป็นห้องหินสองห้อง

ห้องทางด้านซ้ายมีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อย กว้างราวๆ เจ็ดแปดจั้ง ผนังภายในห้องเปล่งแสงสีแดงเล็กน้อย

ภายใต้การกวาดสายตามองของหลิ่วหมิง เขาค้นพบว่ามีเศษโอสถอยู่มุมหนึ่งของห้อง ส่วนอีกมุม ก็เป็นดินเหนียวที่ใช้ปลูกพืชจิตวิญญาณ ดูท่าศิษย์พี่อู๋ผู้นี้คงจะเชี่ยวชาญวิชาปรุงโอสถด้วย สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ด้านขวาของระเบียงเป็นห้องลับเล็กๆ มีขนาดแค่สามสี่จั้ง แต่ปราณจิตวิญญาณในห้องลับหนาแน่นกว่าด้านนอกมาก

หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบ ตอนแรกหลิ่วหมิงก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หัวเราะออกมา

ที่แท้ผนังด้านหนึ่งของห้องลับ มีผลึกหินแวววาวฝังอยู่ก้อนหนึ่ง ผลึกหินมีขนาดเท่าลูกกำปั้น บริเวณรอบๆ มีไอจิตวิญญาณสีขาวสลัวๆ ลอยวนเวียน

หลิ่วหมิงแตะลงบนผิวของผลึกหิน เขารู้สึกว่าไอจิตวิญญาณพุ่งเข้ามือเป็นระลอกๆ และวิ่งไปตามจุดชีพจรต่างๆ อย่างรวดเร็ว ขณะที่พลังจิตวิญญาณไหลทะลักไม่หยุด ก็ทำเขาให้รู้สึกสบายมาก ใบหน้าของเขาดูเบิกบานขึ้นมา

ผลึกหินจิตวิญญาณนี้ ก็คือหินน้ำพุจิตวิญญาณในตำนานนั่นเอง!

หินน้ำพุจิตวิญญาณที่พูดถึง แท้จริงแล้วเป็นหินจิตวิญญาณชนิดพิเศษที่อยู่ในภูเขา มันดูดซับปราณจิตวิญญาณฟ้าดิน และควบแน่นตนเองหลังจากผ่านมานานหลายพันหลายหมื่นปี

เนื่องจากมันสามารถดูดซับปราณจิตวิญญาณฟ้าดินให้มารวมตัวกันได้ จึงทำให้ปราณจิตวิญญาณบริเวณรอบๆ หนาแน่นกว่าสถานที่อื่นๆ หลายเท่า และถ้ำที่มีหินน้ำพุจิตวิญญาณอยู่ ก็เป็นถ้ำน้ำพุจิตวิญญาณตามที่เล่าลือ มีปราณจิตวิญญาณฟ้าดินอยู่ไม่ขาด ถือว่าเป็นพื้นที่ล้ำค่าที่ผู้ฝึกฝนจำนวนมากใฝ่หา

ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือ มันไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ พอมันไปไกลจากแหล่งกำเนิด ก็จะค่อยๆ กลายเป็นผลึกหินธรรมดาๆ ก้อนหนึ่ง

หลิ่วหมิงไม่รู้ว่าอวี๋ซิ่นรู้เรื่องหินน้ำพุจิตวิญญาณหรือไม่ แต่การใช้หินจิตวิญญาณแค่ไม่กี่หมื่นก็สามารถหาถ้ำเช่นนี้ได้ ย่อมคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

ขณะนั้น เขากลับไปในห้องโถงด้วยใบหน้าเบิกบานอีกครั้ง ในใจได้วางแผนไว้แล้ว เขาไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงถ้ำแต่อย่างใด เพียงแค่เตรียมเพิ่มชั้นจำกัดไว้ในห้องลับฝึกฝนที่มีหินน้ำพุจิตวิญญาณอยู่เท่านั้น

ส่วนการประลองเล็กในอีกสองปีให้หลัง เพื่อที่จะให้ได้ถ้ำแห่งนี้มา เกรงว่าจะต้องช่วงชิงมาให้ได้แล้ว

……

ครึ่งเดือนต่อมา

หลิ่วหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องลับ เหนือศีรษะของเขามีเสียงมังกรพยัคฆ์แผดร้องไม่ขาดสาย แต่จะเห็นว่ามังกรหมอกดำกับพยัคฆ์หมอกดำตัวหนึ่ง กำลังหมุนวนกลางอากาศราวกับมีชีวิต

เขาลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาทันที พอตะคอกเสียงออกมา ไอดำก็พุ่งออกจากตัวอีกครั้ง และจมหายไปในร่างมังกรพยัคฆ์ ทำให้มันทั้งสองดูหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

ต่อมา เขาก็ประกบมือทั้งสองเข้าด้วยกัน และแยกออกไปทางด้านล่าง แขนทั้งสองส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ จากนั้นมังกรพยัคฆ์ทมิฬก็กลายเป็นไอดำพวยพุ่งเข้าไปในศีรษะของเขา

ช่วงเวลาที่ย้ายเข้ามาในถ้ำแห่งนี้ เขาใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งเข้าฌานกับฝึกฝนวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ

“ดูท่าขั้นที่สองวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ คงต้องใช้เวลาอีกเล็กน้อย” หลิ่วหมิงพูดพึมพำออกมา จากนั้นก็นั่งครุ่นคิด

เหลือเวลาไม่ถึงหนึ่งปีครึ่ง เจ้าฟองอากาศลึกลับก็จะดูดกลืนพลังเวทแล้ว ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ บวกกับการฝึกฝนภายในถ้ำน้ำพุจิตวิญญาณที่มีปราณจิตวิญญาณเต็มเปี่ยม คงพอที่จะรับมือกับการดูดกลืนครั้งนี้ได้แล้ว

แน่นอน! หากว่าสามารถฝึกวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬขั้นที่สองสำเร็จ และทะลวงเข้าสู่ระดับของเหลวขั้นปลายได้ก่อน เรื่องนี้ก็จะง่ายขึ้นยิ่งกว่าเดิม

โชคดีที่ว่าขณะที่ฝึกฝนวิชานี้ เขาได้ทานเนื้อแห้งอสูรโฉดตั้งแต่อยู่ในถ้ำสายแร่ใต้ทะเลลึกแล้ว จึงไม่ต้องใช้พลังภายนอกมาชุบเลี้ยงร่างกาย แค่ฝึกฝนพลังเวทอย่างเงียบๆ ก็พอแล้ว

เขากวาดจิตรับรู้ไปยังถุงหนังบนเอว

ตั้งแต่แมงป่องกระดูกและหัวปีศาจ เผชิญกับหัวปีศาจยักษ์ในเหลวลึกครั้งนั้น ยังคงไม่ได้สติจนถึงวันนี้ ขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้นานมาก เหนือความคาดหมายของเขายิ่งนัก

แต่ทั้งสองเคยมีประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงในก่อนหน้ามาหลายครั้ง หลิ่วหมิงถึงไม่ค่อยกังวลอะไรในเรื่องนี้

หลังจากเขาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ก็พลิกฝ่ามือหยิบกล่องหยกสีขาวออกจากหอยสังข์ย่อส่วนมาหนึ่งใบ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ ยุติการแปลเนื่องจากสิ้นสุดระยะสัญญา